เมื่อบ้านเมืองยังเดินได้… การเมืองก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่

เมื่อบ้านเมืองยังเดินได้… การเมืองก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่
ในวันที่บ้านเมืองยัง “ดูเหมือน” จะไปต่อได้
เศรษฐกิจอาจจะไม่ดี แต่ก็ยังไม่เลวร้าย
ราคาของแพงขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นอดตาย
ประชาชนยังมีงานทำ ยังมีข้าวกิน ยังมีความหวังจากซีรีส์ตอนต่อไปหรือทริปสุดสัปดาห์
ในวันที่ชีวิตยัง “ไม่เดือดร้อนจริงๆ”
เราจึงเลือกพรรคการเมืองจากอารมณ์ ความเชื่อ หรือแม้แต่ภาพลักษณ์
ไม่ใช่จาก “ผลงาน” หรือ “ความสามารถในการแก้ปัญหา” จริงๆ
เราอาจเลือกเพราะรู้สึกดี
เราอาจไม่สนใจว่านักการเมืองคนนั้นมีปัญหาหรือไม่
เราอาจเชื่อว่าทุกคนเลวเท่ากัน
และที่สำคัญ เราอาจคิดว่า “ใครมาก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”
แต่นั่นอาจเป็นเพราะบ้านเมืองมันยังไม่พังพอ
เพราะระบบยังค้ำยันกันอยู่
เพราะเศรษฐกิจโลกยังพอช่วยฉุดเราไว้
เพราะยังไม่มีวิกฤตใหญ่ที่ทดสอบ “ฝีมือ” อย่างแท้จริง
แต่ในวันที่ทุกอย่างพังจริง
ในวันที่คนตกงานแบบเป็นวงกว้าง
ในวันที่เงินเฟ้อทะยาน แต่รายได้หด
ในวันที่ความอดทนของคนธรรมดาใกล้ถึงขีดสุด
วันนั้นแหละ เราจะได้รู้ว่า
ใครกันแน่ ที่ “แก้ปัญหาเป็น”
ใครกันแน่ ที่มี “แผน” ไม่ใช่แค่คำพูดสวยๆ
และใครกันแน่ ที่ไม่เอาแต่ “ซ้ำเติม” ความพังพินาศให้หนักขึ้น
การเมืองจะกลายเป็นเรื่องจริงจังในวันที่ไม่มีอะไรเหลือให้เฉย
วันนั้นประชาชนจะมองการเลือกตั้งเป็นโอกาสสุดท้าย ไม่ใช่แค่หน้าที่
และวันนั้น เราอาจได้เห็นทั้ง “คนเก่ง” ที่ถูกเมินในวันที่บ้านเมืองยังเดินได้
กับ “คนพูดเก่ง” ที่หมดเวทย์มนตร์ในวันที่วิกฤตล้อมรอบ
บางที… บ้านเมืองอาจต้อง “พังจริงๆ” ก่อน
เพื่อให้เราเห็นความจริงว่า
ใครควรอยู่ตรงไหน
ใครเหมาะจะนำ
และใครควรหยุดพูดแล้วปล่อยให้คนอื่นทำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่