ผมเคยบ่นเรื่องเกี่ยวกับละครมาหนหนึ่งแล้วตอนนี้ขอมาพูดถึงเรื่องอิทธิพลของสื่อที่มีผลต่อเด็กบ้างโดยมีสองเคสที่เด็กได้รับผลกระทบจริงๆ
เรื่องแรกคือการ์ตูนเรื่องดาบพอฆาตอสูรที่ตอนแรกผมงงๆว่าทำไมนิยมกันจึงลองดูก้ถึงบางอ้อแล้วว่ามันมีกลินอายแบบการ์ตูนเก่าที่พระเอกนั้นฝึกเก็บเลเวลไปจนตันถึงตอนหลังๆผมจะแซวว่าทันจิโร่เป็นอะไรกับพวกAssasin's Creedเปล่าถึงย้อยอดีตได้เฉยและแน่นอนว่าเพราะความที่เป็นเมะแนวกึ่งแฟนตาซีเลยนิยมมากและเด็กแบบครึ่งโรงเรียนสวมเสื่อคลุมลายตัวละครที่ชอบกันมาก(ดีที่ไม่มีใครบ้าพอที่จะถอดเสื้อออก)จนผู้อำนวยการนั้นสั่งงดทันควันเพราะมันคือการแต่งคอสเพลย์มากกว่าเสื่อกันหนาวแต่ดันออกรุ่นใหม่คือมีลายตัวการ์ตูนซึ่งพบกันครึ่งทาง
อีกเรื่องที่ถึงขั้นปวดกบาลจนครูชายต้องลงมือกันคือหนังเรื่อง4King คือ พอลงNetfrixปุ๊บบรรดานักเรียนก็รื้อเอาซากเก้าอี้นักเรียนเก่าที่ไม่ใช้แล้วนำเอากระดาษพันกับเทปกาวเป็นด้ามจับแล้วเอามาฟันเป็นดาบจนไล่ปรามเก็บกันจ้าละหวั่นตั้งหลายสิบอัน
สื่อมีอิทธิพลต่อเด็กจริงๆ
เรื่องแรกคือการ์ตูนเรื่องดาบพอฆาตอสูรที่ตอนแรกผมงงๆว่าทำไมนิยมกันจึงลองดูก้ถึงบางอ้อแล้วว่ามันมีกลินอายแบบการ์ตูนเก่าที่พระเอกนั้นฝึกเก็บเลเวลไปจนตันถึงตอนหลังๆผมจะแซวว่าทันจิโร่เป็นอะไรกับพวกAssasin's Creedเปล่าถึงย้อยอดีตได้เฉยและแน่นอนว่าเพราะความที่เป็นเมะแนวกึ่งแฟนตาซีเลยนิยมมากและเด็กแบบครึ่งโรงเรียนสวมเสื่อคลุมลายตัวละครที่ชอบกันมาก(ดีที่ไม่มีใครบ้าพอที่จะถอดเสื้อออก)จนผู้อำนวยการนั้นสั่งงดทันควันเพราะมันคือการแต่งคอสเพลย์มากกว่าเสื่อกันหนาวแต่ดันออกรุ่นใหม่คือมีลายตัวการ์ตูนซึ่งพบกันครึ่งทาง
อีกเรื่องที่ถึงขั้นปวดกบาลจนครูชายต้องลงมือกันคือหนังเรื่อง4King คือ พอลงNetfrixปุ๊บบรรดานักเรียนก็รื้อเอาซากเก้าอี้นักเรียนเก่าที่ไม่ใช้แล้วนำเอากระดาษพันกับเทปกาวเป็นด้ามจับแล้วเอามาฟันเป็นดาบจนไล่ปรามเก็บกันจ้าละหวั่นตั้งหลายสิบอัน