Mbti ในเรื่อง MAD Unicorn สงครามส่งด่วน สันติ คือ ENTP ไม่ใช่ ENFP ? ทำไม นางเอก ถึงเป็น INTJ และ รุ่ยเจี๋ยถึงเป็น ENTJ

Mbti ในเรื่อง MAD Unicorn สันติ คือ ENTP ไม่ใช่ ENFP? และ ทำไม นางเอก ถึงเป็น INTJ และ รุ่ยเจี๋ยถึงเป็น ENTJ บ้านม่วงยกแก๊ง

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่คนดูหลายคนมักมีต่อพระเอกของเรื่อง(สันติ) คือมองว่าเขา “ใช้อารมณ์” หรือ “ใจร้อน” คล้าย ENFP แต่หากเราสังเกตลึกลงไป จะเห็นว่าการตัดสินใจของเขาแทบทุกครั้งผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ (logical analysis) มากกว่าการขับเคลื่อนจากอารมณ์หรือค่านิยมส่วนตัว

1.พระเอกคนนี้มีฟังก์ชันเด่นคือ Ne (Extroverted Intuition) ซึ่งทำให้เขาเห็นความเป็นไปได้หลายทาง และไม่ยึดติดกับความคุ้นเคยแบบ Si หรือประสบการณ์เดิม พอเขาเห็นทางเลือกหลากหลาย เขาจะใช้ Ti (Introverted Thinking) ในการกรองและตัดสินใจว่าอะไรเป็นไปได้จริง ตัวอย่างเช่น ฉากที่พระเอกตัดสินใจเจรจาก่อนขึ้นเครื่องบิน หรือ การเล่น poker กับนางเอก แล้วยอมก้มหัวให้นางเอกเพราะคิดว่า คนแบบนางเอกใช้เงินซื้อใจไม่ได้ — เป็นการใช้ Ti หนักมากในการประเมินความเสี่ยงและข้อได้เปรียบ แทนที่จะใช้ Fe หรือ Fi ในการ “เอาใจ” หรือ “ยึดหลักคุณค่า”

หลายฉากที่ดูเหมือนเขาดื้อหัวชนฝา ความจริงแล้วเกิดจากการติด loop+grip ของฟังก์ชันรอง หรือการใช้ shadow function เช่น เมื่อเขาไม่ฟังคำแนะนำนางเอกเพราะอยากเอาชนะ นั่นคือช่วงที่ Ti ถอยหายไป และ Si กับ Fe shadow เข้ามาแทน เป็นพฤติกรรมที่เข้าใจผิดได้ว่าใช้อารมณ์ แต่จริงๆ แล้วคือระบบภายในหลุดจากฟังก์ชันหลักอย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตัดสินใจแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ใช้ Ti (Introverted Thinking) วิเคราะห์ข้อมูลภายในอย่างหนักก่อนจะตัดสินใจ ต้องชั่งน้ำหนักข้อมูลอย่างรอบคอบ แม้ภายนอกจะดูมุทะลุ แต่จริงๆ แล้วมาจากตรรกะภายใน ไม่ใช่อารมณ์
บางช่วงที่พระเอก “หัวร้อน” หรือ “ยึดติดกับชัยชนะ” ก็อาจเป็นการใช้ฟังก์ชันเงา (Shadow Function) อย่าง Si (Introverted Sensing) มากเกินไป เช่น การเชื่อว่าการลดราคาจะสำเร็จเสมอเพราะเคยเวิร์คมาก่อน นี่ทำให้เขาหลงอยู่ใน Loop โดยไม่ยืดหยุ่นพอจะเปิดรับข้อมูลใหม่

MBTI ไม่ใช่ความเชื่อ
ถอดรหัส “สันติ” ผ่านการทำงานของสมอง ไม่ใช่แค่พฤติกรรม
การวิเคราะห์ MBTI ไม่ใช่การตีตราว่าใคร “ใช้อารมณ์” หรือ “มีเหตุผล”แต่มันคือการมองเข้าไปใน “ระบบประมวลผล” ที่อยู่ใต้ความคิดและบ่อยครั้ง…สิ่งที่เห็นบนพื้นผิวอาจไม่ใช่ฟังก์ชันหลักที่เขาใช้จริงๆ 

จุดที่คนหลงทาง: เมื่อ “ความเชื่อ” ไปปะปนกับ “Functionการทำงานของสมอง” ความเชื่อคือ Energram ไม่ใช่ mbti หรือ Function 
หลายครั้งที่เราวิเคราะห์ MBTI แล้วรู้สึกว่า “สันติ” เป็นคนใช้อารมณ์ หรือขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ ซึ่งทำให้คนตีว่าเขาน่าจะเป็น ENFP หรือบางครั้งก็หลงไปว่าเขาคือ Fi-userแต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เราต้องแยกออกให้ชัดคือ:

MBTI คือระบบวิเคราะห์ฟังก์ชันการทำงานของสมอง
ส่วน “ความเชื่อ” หรือ “แรงขับทางอารมณ์” เป็นเรื่องของ Enneagram และอยู่ในหมวด “กลไกความมุ่งมั่น (drive mechanism)” ถ้าเราเอาสองอย่างนี้มาปนกัน การอ่าน function stack จะผิดเพี้ยน โดยเฉพาะเวลาที่ตัวละครหรือคน ๆ หนึ่ง “อยู่ในภาวะอารมณ์ไม่ปกติ”

มองให้ลึกขึ้นอีก สันติคือ ENTP ที่หลุดเข้า Loop ของ Si
ENTP เป็น Type ที่มีฟังก์ชันหลักคือ Ne (Extroverted Intuition)
และฟังก์ชันรองคือ Ti (Introverted Thinking)
แต่เมื่อสันติ “ยึดติดกับการเอาชนะ” เขากลับ ไม่ได้ใช้ Ne หรือ Ti อย่างเต็มศักยภาพ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาหลุดเข้าไปในฟังก์ชัน “Inferior” หรือฟังก์ชันที่ต่ำสุดของ ENTP
นั่นคือ Si (Introverted Sensing)ตัวอย่างชัดเจนคือ ฉากที่เขากลับไปใช้กลยุทธ์ “ลดราคาของจีนแล้วเอามาใช้ในไทย” เพราะในอดีตเคยเวิร์คมาแล้วตอนเอามาของจีนมาใช้ในไทยในตอนแรก เขาจึงดึงมันกลับมาใช้อีกครั้ง โดย ไม่กลั่นผ่าน Ti แบบที่เขาทำตอนปกติ

นี่คือ Shadow Mode ที่ชัดมาก:
ใช้ Si แทน Neใช้ประสบการณ์เก่า แทนการคิดนอกกรอบใหม่ใช้ความคุ้นเคย แทนการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลายคน “รู้สึก” ว่าสันติเหมือน Fi-user หรือใช้ความเชื่อมากกว่าเหตุผลเพราะเขาหลุดจากระบบเดิมของตัวเองไปอยู่ในโหมดเอาตัวรอด + เอาชนะไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนใช้อารมณ์โดยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ MBTI ที่แม่น ต้องทำใน “สภาวะจิตใจปกติ”
MBTI ที่ดีไม่ใช่แค่วิเคราะห์ว่า “ตอนนั้นเขาทำอะไร” แต่คือการถามว่า “เขาคิดแบบไหนเมื่ออยู่ในสภาวะปกติ?”
ถ้าเราวิเคราะห์ตอนสันติกำลังกดดันตัวเองไปในมุมลบ เราจะได้ภาพที่เพี้ยน และ ทำให้มองไม่ให้เห็น Functionการทำงานของสมองจริงๆ
ต้องย้อนกลับมาดูตอนที่เขาอยู่ในสถานะกลาง ๆ มีสติ และใช้การวิเคราะห์ตามปกติ
จะเห็นว่าเขา ใช้ Ne เป็นหลัก – มองหาไอเดียใหม่เสมอ
และ ใช้ Ti วิเคราะห์ข้อมูลแบบเจาะจง และสร้างระบบคิดของตัวเอง

เมื่อเข้าใจจุดนี้ จะเห็นชัดว่า สันติคือ ENTP
ไม่ใช่ ENFP และไม่ใช่ Fi-user — เขาแค่ “อยู่ในภาวะที่บีบคั้นจนหลุดจากฟังก์ชันถนัด”

2.นางเอกคือ INTJ – การคาดการณ์คือพลังเงียบของเธอ
หลายคนอาจมองว่านางเอกของเรื่องดูไม่ค่อยแสดงอารมณ์ หรืออาจตีความว่าเธอ “เย็นชา” แบบ ISTJ แต่หากเรามองลึกเข้าไปในลักษณะของการตัดสินใจและมุมมองของเธอ จะพบว่าเธอเป็น INTJ ที่ใช้งาน Ni (Introverted Intuition) อย่างทรงพลัง

INTJ หรือ ISTJ?
หลายฉากของนางเอกทำให้คนดูบางคนลังเลว่าเธออาจจะเป็น ISTJ เพราะเธอสุขุม ระแวดระวัง และมีตรรกะชัดเจน แต่สิ่งที่แยกเธอออกจาก ISTJ อย่างชัดเจนคือ “การคิดล่วงหน้าแบบ intuitive” มากกว่า “การพึ่งพาอดีตแบบ Si”
ตัวอย่างสำคัญคือ ฉากที่เธอ ขายหุ้นตัวเอง 5% เพื่อรักษาทางรอดของบริษัท
นั่นไม่ใช่การคิดจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้น (ซึ่งเป็นวิถีของ ISTJ) แต่เป็นการ “คาดการณ์ล่วงหน้า” (Ni) ว่าเส้นทางนี้คือ ทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้ในเชิงกลยุทธ์เธอประเมินทางเลือกในหัวมาเรียบร้อยแล้ว แม้หนังจะไม่แสดงให้เห็นกระบวนการคิดโดยละเอียด แต่ทุกคำพูดของเธอแฝงไปด้วย “การประมวลผลอนาคตหลายตลบ” อย่างลึกซึ้งและรอบด้าน ซึ่งเป็นลักษณะเด่น ของ Ni ที่ผ่านการกลั่นด้วย Te (Extroverted Thinking)

Ni–Te: สองฟังก์ชันหลักของ INTJ ที่ชัดเจนในตัวเธอ
Ni ทำให้เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่จะวิเคราะห์ภาพใหญ่เงียบ ๆ และเสนอวิธีที่มี “ความเป็นไปได้สูงสุด” โดยไม่อธิบายเยอะ ส่วน Te คือพลังแห่งประสิทธิภาพที่พาเธอวางกลยุทธ์และตัดสินใจอย่างเฉียบคม ยกตัวอย่างอีกฉากหนึ่ง ตอนที่เธอประเมินสถานการณ์ก่อนเจ๊ขึ้นเครื่องบิน และเสนอว่ามีเพียงแผนเดียวที่พวกเขาทำได้ในขณะนั้น เป็นการใช้ Ni อย่างชัดเจนเพื่อจำลองทางเลือกล่วงหน้า แล้วคัดแยกทางรอดที่เป็นไปได้จริงเพียงทางเดียวผ่าน Te
นางเอกคือ INTJ  – ผู้นำเงียบที่วางแผนล่วงหน้า คาดการณ์ผลลัพธ์ และเดินหมากแต่ละตาอย่างชัดเจนและแม่นยำ เธอไม่แสดงอารมณ์ แต่ลึกซึ้งและมองไกล INTJ ไม่ได้ใช้คำพูดเสียดแทงอย่างชัดเจนเค้าก็ไม่ได้ใช้อารมณ์ในlogic ที่พูดต่างหาก เลยเข้ากับความเป็น ENTP ได้ดี ซึ่งเป็น Golden pair ถึงจะต่างกันแต่ เข้ากันได้ดีมากเพราะ Function ที่ใช้ตรงข้ามกันทั้งหมดแต่เกื้อกูลกันได้ดี 

3.รุ่ยเจี๋ย – ENTJ ที่เดินหน้าแบบไม่มีเบรก
ตรงกันข้ามกับนางเอก รุ่ยเจี๋ยคือตัวอย่างคลาสสิกของ ENTJ ที่พลังงาน Te + Ni เด่นชัดในเชิงรุก
หลายคนอาจคิดว่าเขาเป็น INTJ เพราะเขาวางแผนเก่งและมีตรรกะแน่น แต่ สิ่งที่แยกเขาออกจาก INTJ อย่างชัดเจนคือ “ลักษณะการใช้อำนาจและการสื่อสาร”

ทำไมไม่ใช่ INTJ?
INTJ จะไม่ได้ถูกนิยามว่า “เครื่องด่าเดินได้” แบบรุ่ยเจี๋ยเลย 
INTJ โดยทั่วไปจะถอยกลับเมื่อเหตุผลไม่เวิร์ก — พวกเขามี self-awareness สูงและมักไม่ใช่คนบงการแบบตรงๆ หากยังมีข้อมูลไม่พอ
แต่รุ่ยเจี๋ยมีความ “ดื้อเงียบ” ที่อิงจากความมั่นใจในตรรกะตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะของ ENTJ ที่ใช้ Te เป็นฟังก์ชันหลักมากกว่า
เขามีแนวโน้มที่จะ “ออกคำสั่งทันทีเมื่อมีข้อมูลที่คิดว่าเพียงพอ” และจะไม่หยุดพักเพื่อฟัง feedback เว้นแต่มันจะแข็งแรงพอจะเปลี่ยน mind เขาได้
Te–Ni ที่พลุ่งพล่านและกดดัน
ในทีม ตัวละครนี้คือ “หัวรถจักร” ที่ไม่มีเวลารอคนอื่นให้พร้อม ENTJ แบบรุ่ยเจี๋ยไม่ใช่แค่มีมุมมองลึก (Ni) แต่เขาใช้มันเพื่อ “สร้างแผนปฏิบัติ” (Te) ทันที และพาให้ทีมเดินตามทันที โดยไม่สนใจว่าคนในทีมพร้อมแค่ไหน มีฉากหนึ่งที่เขาตัดสินใจเองแบบไม่รอทีม — นี่คือการใช้งาน Ni เพื่อจับเทรนด์ล่วงหน้า แต่ไม่ได้ผสาน Fe หรือ Fi เพื่อชั่งใจว่าคนอื่นรู้สึกยังไง เขาจึงมักดู “ใช้อำนาจเกิน” และอาจกดดันเพื่อนร่วมทีมโดยไม่รู้ตัว แบบรุ่ยเจี๋ยคือผู้นำประเภทที่ไม่รอใคร ไม่สนใจ “ความพร้อมของทีม” หากเห็นว่าสถานการณ์บีบให้ต้องตัดสินใจ
เขาไม่ใช่แค่ ENTJ ที่ฉลาด — เขาคือ ENTJ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังในการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้พัง
แม้จะมี Ni (เหมือนนางเอก) แต่เขาใช้มันในบริบท “จะทำให้แผนสำเร็จทันทีได้อย่างไร” ไม่ใช่ “อะไรคือทางรอดที่ดีที่สุดจริง ๆ”

นางเอก คือ INTJ ที่เงียบกว่า แต่มั่นคงกว่า — เธอจะไม่ลงมือจนกว่าจะเห็น “ทางที่ดีที่สุด”
รุ่ยเจี๋ย คือ ENTJ แบบ มั่นใจในระบบความคิดของตัวเอง พุ่งไปข้างหน้า บางทีก็ลากคนอื่นไปด้วยแรงบีบหรืออำนาจ 

สิ่งที่ตัวละครทั้งสองมีเหมือนกันคือ “ความฉลาดระดับสูง”  แต่ต่างกันที่ทิศทางของพลัง
นางเอกใช้ความลึกเพื่อรักษาเสถียรภาพและมองหาคำตอบที่ดีที่สุด
รุ่ยเจี๋ยใช้พลังเพื่อผลักดันและเอาชนะอุปสรรคตรงหน้า

รุ่ยเจี๋ยคือ ENTJ ชัดเจน – หัวหน้าสายตรรกะที่คุมทีมด้วยเหตุผลและเป้าหมายที่แน่นอน การด่าของเขาคือกลยุทธ์ การกดดันคือการจัดการ และทั้งหมดนี้เกิดจากระบบความคิด Te + Niไม่ใช่อารมณ์
บทสรุป: แก๊ง NT ผู้ขับเคลื่อนโลกด้วยตรรกะและภาพอนาคต บ้านม่ว
สันติ (ENTP), นางเอก (INTJ) และรุ่ยเจี๋ย (ENTJ) คือตัวอย่างของ “ทีม NT” ที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ทุกคนใช้ตรรกะและการมองการณ์ไกล แต่ต่างรูปแบบ สันติคือผู้สร้างความเป็นไปได้ นางเอกคือผู้วางแผนที่ลึกซึ้ง และรุ่ยเจี๋ยคือผู้นำที่ผลักดันให้ระบบขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ทั้งสามคนนี้ ถ้าแยกกันก็เดินได้ไม่ไกล แต่เมื่ออยู่ด้วยกัน กลายเป็นเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบของการเอาตัวรอดและการสร้างอนาคต 

ขอให้ดูซีรี่ยสนุกขึ้นนะครับผมวิเคราะห์ให้อย่างละเอียดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่