ปีนี้เป็น1 ในหลายๆปีที่ ราคาทุเรียนมีราคาถูกลง หรืออาจจะเริ่มเป็นปีแรกของ ขาลงของราคาทุเรียนไทย
ปีนี้ ราคาทุเรียนหน้าสวนบางที่ลดลงเหลือเพียงสองหลัก (ต่ำกว่า 95 บาท/กก.)
อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทุเรียนมีราคาถูกลง
ปัจจัยแรกน่าจะเป็นเรื่องของฝนฟ้าอากาศ ที่ปีนี้ ฝนฟ้าอากาศเป็นใจ ให้กับผลไม้ไทยเป็นอย่างมาก สังเกตุดูได้จากปีนี้ผลไม้มีผลผลิตที่ดีออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากทุกชนิด ทำให้ราคาผลไม้ถูกลง ราคาตกต่ำจนเกษตรกร หลายคนขาดทุน
ทุเรียนของไทย ที่ผ่านมามีการเพิ่มพื้นที่การปลูกทุเรียน มากขึ้นกว่า 30%จากปีก่อนๆ พื้นที่ปลูกทุเรียน ปัจจุบันนี้น่าจะมีประมาณ 1.6 ล้านไร่
ปัจจัยต่อมา จีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งมาหลายปี เริ่มมีการเข้มงวดกับการตรวจสอบทุเรียนไทย มากยิ่งขึ้น จากในอดีตมีการสุ่มตรวจเป็นบางล็อต แต่ปัจจุบันนี้ การตรวจ ทำการตรวจทุกล็อตของทุเรียนไทย เพราะเกษตรกรหลายลาย มักชอบตัดช่องน้อยพอตัว ลักลอบใช้สารต้องห้าม คือสารสีเหลือง Basic Yellow 2 (BY2) ซึ่งมันมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีสารก่อให้เกิดมะเร็ง ในสารตัวนี้
วิธีการคือนำสาร BY2 มาใช้ในกระบวนการชุบทุเรียน (โดยเฉพาะการชุบเปลือก) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เปลือกทุเรียนมีสีเขียวสดใสตามความนิยมของผู้บริโภคชาวจีน หรือเพื่อให้ดูเหมือนทุเรียนที่สุกแก่เต็มที่และมีคุณภาพดี แม้ว่าเนื้อทุเรียนอาจจะยังไม่อ่อนหรือไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็น
สิ่งนี้กลายเป็นผลร้าย ต่ออุตสาหกรรมทุเรียนไทย จากความเห็นแก่ตัวของเกษตรกรไม่กี่คน ทำให้กระทบไปทั้งวงการ
แล้วยังมีการสวมสิทธิอีก โดยนำทุเรียนมาจากที่อื่นแล้วสวมสิทธิว่าเป็นทุเรียนไทย ก็เลยต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น
ทุเรียนที่ค้างที่ด่านรอการตวรจสอบทุกล็อต มักจะใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ ทุเรียนจากหลายๆล้ง ไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ ก็ต้องตีรถกลับหรือทิ้งทุเรียนไป เพราะการนำกลับมีต้นทุนที่สูงกว่า
เลยทำให้เกิดอาการลังเลไม่อยากส่งออกทุเรียนไปจีน เพราะกลัวติดปัญหา เลยทำให้ทุเรียนกลับมาล้นตลาดในไทยแทน
อีกปัจจัยหนึ่งก็คือคู่แข่งทุเรียนไทย เริ่มมีบทบามมากขึ้น นั่นก้คือ มาเลเซีย กับเวียดนาม
เวียดนาม นั้นจีนได้เริ่มเปิดตลาดทุเรียนให้เวียดนาม มาตั้งแต่ ปี 2565 ทำให้เวียดนามเริ่มกลายเป็นคู่แข่งของไทย เพราะต้นทุนของเวียดนามนั้นถูกกว่าของไทยมาก
มาเลเซียเองก็พยายาม โปรโมททุเรียนสายพันธ์ของตัวเอง ในประเทศจีน เพื่อที่จะแย่งชิ่งส่วนแบ่งการตลาดจากไทย
แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ จีนเองก็เริ่มมีการปลูก ทุเรียนในประเทศได้มากขึ้น จีนปลูกทุเรียนมากที่สุดในพื้นที่
มณฑลไห่หนาน ทำให้สามารถลดการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศได้มาก
2-3ปัจจัยนี้แหละที่ทำให้ ทุเรียนไทย ในปีนี้มีราคาตกต่ำลง แล้วก็คงจะมีผลกระทบต่อไปอีกหลายปี
*****
แล้วทำไมทุเรียนจึงกระทบกับกาแฟ
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกกาแฟ มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก แล้วด้วยหลังๆมาจีนเปิดตลาดทุเรียนให้กับเวียดนามมากขึ้น เกษตรกรที่เคยปลูกกาแฟในเวียดนามจึงเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนกัน โดยการโค่นต้นกาแฟทิ้งไป
ที่นี้พอพื้นที่การปลูกกาแฟลดลง ร่วมกับสภาพอากาศที่สูงขึ้น ผลผลิตของกาแฟก็เลย เริ่มขาดแคลน ขาดตลาด ราคากาแฟก็เลยขยับสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ราคากาแฟไม่ได้ขยับขึ้นในไทยที่เดียวแต่กระทบไปทั่วโลก ปรับราคาขึ้นกันหมด
กาแฟแพงขึ้นเพราะทุเรียน ตัวเดียวจริงๆ
ราคากาแฟเวียดนามพุ่งสูงสุดในรอบ 50 ปี 
รู้หรือไม่ ทำไมปีนี้ราคาทุเรียนมีราคาถูกลง แล้วทุเรียนมีผลกระทบอะไรกับกาแฟ
ปีนี้ ราคาทุเรียนหน้าสวนบางที่ลดลงเหลือเพียงสองหลัก (ต่ำกว่า 95 บาท/กก.)
อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทุเรียนมีราคาถูกลง
ปัจจัยแรกน่าจะเป็นเรื่องของฝนฟ้าอากาศ ที่ปีนี้ ฝนฟ้าอากาศเป็นใจ ให้กับผลไม้ไทยเป็นอย่างมาก สังเกตุดูได้จากปีนี้ผลไม้มีผลผลิตที่ดีออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากทุกชนิด ทำให้ราคาผลไม้ถูกลง ราคาตกต่ำจนเกษตรกร หลายคนขาดทุน
ทุเรียนของไทย ที่ผ่านมามีการเพิ่มพื้นที่การปลูกทุเรียน มากขึ้นกว่า 30%จากปีก่อนๆ พื้นที่ปลูกทุเรียน ปัจจุบันนี้น่าจะมีประมาณ 1.6 ล้านไร่
ปัจจัยต่อมา จีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งมาหลายปี เริ่มมีการเข้มงวดกับการตรวจสอบทุเรียนไทย มากยิ่งขึ้น จากในอดีตมีการสุ่มตรวจเป็นบางล็อต แต่ปัจจุบันนี้ การตรวจ ทำการตรวจทุกล็อตของทุเรียนไทย เพราะเกษตรกรหลายลาย มักชอบตัดช่องน้อยพอตัว ลักลอบใช้สารต้องห้าม คือสารสีเหลือง Basic Yellow 2 (BY2) ซึ่งมันมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีสารก่อให้เกิดมะเร็ง ในสารตัวนี้
วิธีการคือนำสาร BY2 มาใช้ในกระบวนการชุบทุเรียน (โดยเฉพาะการชุบเปลือก) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เปลือกทุเรียนมีสีเขียวสดใสตามความนิยมของผู้บริโภคชาวจีน หรือเพื่อให้ดูเหมือนทุเรียนที่สุกแก่เต็มที่และมีคุณภาพดี แม้ว่าเนื้อทุเรียนอาจจะยังไม่อ่อนหรือไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็น
สิ่งนี้กลายเป็นผลร้าย ต่ออุตสาหกรรมทุเรียนไทย จากความเห็นแก่ตัวของเกษตรกรไม่กี่คน ทำให้กระทบไปทั้งวงการ
แล้วยังมีการสวมสิทธิอีก โดยนำทุเรียนมาจากที่อื่นแล้วสวมสิทธิว่าเป็นทุเรียนไทย ก็เลยต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น
ทุเรียนที่ค้างที่ด่านรอการตวรจสอบทุกล็อต มักจะใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ ทุเรียนจากหลายๆล้ง ไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ ก็ต้องตีรถกลับหรือทิ้งทุเรียนไป เพราะการนำกลับมีต้นทุนที่สูงกว่า
เลยทำให้เกิดอาการลังเลไม่อยากส่งออกทุเรียนไปจีน เพราะกลัวติดปัญหา เลยทำให้ทุเรียนกลับมาล้นตลาดในไทยแทน
อีกปัจจัยหนึ่งก็คือคู่แข่งทุเรียนไทย เริ่มมีบทบามมากขึ้น นั่นก้คือ มาเลเซีย กับเวียดนาม
เวียดนาม นั้นจีนได้เริ่มเปิดตลาดทุเรียนให้เวียดนาม มาตั้งแต่ ปี 2565 ทำให้เวียดนามเริ่มกลายเป็นคู่แข่งของไทย เพราะต้นทุนของเวียดนามนั้นถูกกว่าของไทยมาก
มาเลเซียเองก็พยายาม โปรโมททุเรียนสายพันธ์ของตัวเอง ในประเทศจีน เพื่อที่จะแย่งชิ่งส่วนแบ่งการตลาดจากไทย
แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ จีนเองก็เริ่มมีการปลูก ทุเรียนในประเทศได้มากขึ้น จีนปลูกทุเรียนมากที่สุดในพื้นที่ มณฑลไห่หนาน ทำให้สามารถลดการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศได้มาก
2-3ปัจจัยนี้แหละที่ทำให้ ทุเรียนไทย ในปีนี้มีราคาตกต่ำลง แล้วก็คงจะมีผลกระทบต่อไปอีกหลายปี
*****
แล้วทำไมทุเรียนจึงกระทบกับกาแฟ
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกกาแฟ มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก แล้วด้วยหลังๆมาจีนเปิดตลาดทุเรียนให้กับเวียดนามมากขึ้น เกษตรกรที่เคยปลูกกาแฟในเวียดนามจึงเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนกัน โดยการโค่นต้นกาแฟทิ้งไป
ที่นี้พอพื้นที่การปลูกกาแฟลดลง ร่วมกับสภาพอากาศที่สูงขึ้น ผลผลิตของกาแฟก็เลย เริ่มขาดแคลน ขาดตลาด ราคากาแฟก็เลยขยับสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ราคากาแฟไม่ได้ขยับขึ้นในไทยที่เดียวแต่กระทบไปทั่วโลก ปรับราคาขึ้นกันหมด
กาแฟแพงขึ้นเพราะทุเรียน ตัวเดียวจริงๆ
ราคากาแฟเวียดนามพุ่งสูงสุดในรอบ 50 ปี