เราโดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงินเมื่อเดือนมิถุนายน 66 ค่ะ ตอนนั้นโดนตอนกลางคืนก็โทรไปอายัดกับ K Bank ที่เป็นธนาคารของฝ่ายเราตอนประมาณ 5 ทุ่ม โดยธนาคารปลายทางเป็น TTB
ตอนนั้นเริ่มมีการปชส.แล้วว่าถ้าแจ้งธนาคาร จะได้รีบอายัดบัญชี เราก็นึกว่าจะมีการอายัดทันทีหลังจากที่โทรเลย แต่หลังจากน้นมิจฯ พูดคุยกับเรา ทำให้เราหลงเชื่ออีก บอกว่าเป็นค่าภาษีหัก ณที่จ่าย เราจึงลองโอนไปอีกตอนเช้าด้วยความหวังว่าจะได้เงินคืน เพราะคิดเข้าข้างตัวเองควด้วยว่า ธนาคารคงช่วยตรวจสอบให้เราแล้ว แต่ปรากฏว่าตอน 8 โมงเช้า บัญชีปลายทางก็ยังได้รับการโอนได้ปกติ
เราไปแจ้งความตอน 10 โมง เอาหมายจากตำรวจไปยื่นที่ธนาคาร TTB เอง ตอน 11 โมง เราขอให้คนรู้จักในธนาคารตรวจสอบก็พบว่า ทั้ง K Bank และ TTB ไม่มีการดำเนินการอะไรเลยในระยะเวลาที่โทรไป ตอนที่โทรไป-การโอนครั้งสุดท้าย
เราโทรตามเรื่องว่าตกลงทั้งสองธนาคารอายัดบัญชี หรือตรวจสอบเรื่องให้เราเมื่อไหร่ กว่าจะเค้นได้ ถึงรู้ว่า ทั้ง Kbank และ TTB กว่าจะดำเนินเรื่องใช้เวลาเป็นอาทิตย์
คิดดูว่าระหว่างนั้น มันจะหลอกเอาเงินคนไปอีกเท่าไหร่
ประเด็นที่เราเจ็บใจคือ
-ผ่านไป 2 ปี ใช้เวลานานมากกว่าจะได้ฟ้องอัยการ เพราะตำรวจต้องตามตัวบัญชีม้า กว่าจะหาเจอว่าอยู่ที่ชลฯ กว่าจะรอจดหมายจากตำรวจที่ชลฯ ปาเข้าไป 8 เดือน
-พอได้จดหมาย ทำเรื่องส่งฟ้องอัยการ อัยการส่งจดหมายให้ขอเอกสารและสอบปากคำพนักงานธนาคารแล้ว
-ตำรวจไปยื่นจดหมายที่ธนาคาร เมื่อวันที่ 9 ธค.67 เพื่อขอเอกสารและสอบปากคำพนักงาน แต่จนป่านนี้ธนาคารยังไม่มีการตอบรับอะไรให้ตำรวจเลย
-เราเคยโทรไปหาธนาคาร ธนาคารก็ยืนยันว่าจะ respond ต่อเมื่อตำรวจออกหมายมา
แล้วไง ต่อ ขนาดออกหมาย แต่ธนาคารก็ยังไม่ respond อย่างนี้ถือว่าธนาคารเพิกเฉยไหม มีกฎหมาย มีพรบ. ประชาสัมพันธ์ทำไม ถ้าทำไม่ได้
เราขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกบทลงโทษธนาคารที่เพิกเฉย เป็นการปรับเงินค่าเสียหายให้เป็นรูปธรรมเสียที เพราะที่เคยร้องเรียนไป ธนาคารแห่งประเทศไทยก็แค่ส่งเรื่องให้ธนาคาร ธนาคารโทรมาถาม แล้วก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่อธิบายว่าหลังบ้านทำอะไร ทำไมอายัดบัญชีช้า สุดท้าย ธนาคารประเทศไทยก็เป็นเสือกระดาษ ไม่มีการลงโทษอะไร ไม่มี action อะไร เพราะเห็นว่าเราเป็นคดีเล็กๆ ไม่ถึงล้าน (แต่มันก็คือเงินเก็บทั้งชีวิตของเรา)
ขนาดตำรวจส่งหมายก็ยังเงียบ ตกลงเราพึ่งใครได้
ทำแบบนี้ TTB ไม่ให้ความร่วมมือติดตามคดีมิจฯ ใช่ไหม
ตอนนั้นเริ่มมีการปชส.แล้วว่าถ้าแจ้งธนาคาร จะได้รีบอายัดบัญชี เราก็นึกว่าจะมีการอายัดทันทีหลังจากที่โทรเลย แต่หลังจากน้นมิจฯ พูดคุยกับเรา ทำให้เราหลงเชื่ออีก บอกว่าเป็นค่าภาษีหัก ณที่จ่าย เราจึงลองโอนไปอีกตอนเช้าด้วยความหวังว่าจะได้เงินคืน เพราะคิดเข้าข้างตัวเองควด้วยว่า ธนาคารคงช่วยตรวจสอบให้เราแล้ว แต่ปรากฏว่าตอน 8 โมงเช้า บัญชีปลายทางก็ยังได้รับการโอนได้ปกติ
เราไปแจ้งความตอน 10 โมง เอาหมายจากตำรวจไปยื่นที่ธนาคาร TTB เอง ตอน 11 โมง เราขอให้คนรู้จักในธนาคารตรวจสอบก็พบว่า ทั้ง K Bank และ TTB ไม่มีการดำเนินการอะไรเลยในระยะเวลาที่โทรไป ตอนที่โทรไป-การโอนครั้งสุดท้าย
เราโทรตามเรื่องว่าตกลงทั้งสองธนาคารอายัดบัญชี หรือตรวจสอบเรื่องให้เราเมื่อไหร่ กว่าจะเค้นได้ ถึงรู้ว่า ทั้ง Kbank และ TTB กว่าจะดำเนินเรื่องใช้เวลาเป็นอาทิตย์
คิดดูว่าระหว่างนั้น มันจะหลอกเอาเงินคนไปอีกเท่าไหร่
ประเด็นที่เราเจ็บใจคือ
-ผ่านไป 2 ปี ใช้เวลานานมากกว่าจะได้ฟ้องอัยการ เพราะตำรวจต้องตามตัวบัญชีม้า กว่าจะหาเจอว่าอยู่ที่ชลฯ กว่าจะรอจดหมายจากตำรวจที่ชลฯ ปาเข้าไป 8 เดือน
-พอได้จดหมาย ทำเรื่องส่งฟ้องอัยการ อัยการส่งจดหมายให้ขอเอกสารและสอบปากคำพนักงานธนาคารแล้ว
-ตำรวจไปยื่นจดหมายที่ธนาคาร เมื่อวันที่ 9 ธค.67 เพื่อขอเอกสารและสอบปากคำพนักงาน แต่จนป่านนี้ธนาคารยังไม่มีการตอบรับอะไรให้ตำรวจเลย
-เราเคยโทรไปหาธนาคาร ธนาคารก็ยืนยันว่าจะ respond ต่อเมื่อตำรวจออกหมายมา
แล้วไง ต่อ ขนาดออกหมาย แต่ธนาคารก็ยังไม่ respond อย่างนี้ถือว่าธนาคารเพิกเฉยไหม มีกฎหมาย มีพรบ. ประชาสัมพันธ์ทำไม ถ้าทำไม่ได้
เราขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกบทลงโทษธนาคารที่เพิกเฉย เป็นการปรับเงินค่าเสียหายให้เป็นรูปธรรมเสียที เพราะที่เคยร้องเรียนไป ธนาคารแห่งประเทศไทยก็แค่ส่งเรื่องให้ธนาคาร ธนาคารโทรมาถาม แล้วก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่อธิบายว่าหลังบ้านทำอะไร ทำไมอายัดบัญชีช้า สุดท้าย ธนาคารประเทศไทยก็เป็นเสือกระดาษ ไม่มีการลงโทษอะไร ไม่มี action อะไร เพราะเห็นว่าเราเป็นคดีเล็กๆ ไม่ถึงล้าน (แต่มันก็คือเงินเก็บทั้งชีวิตของเรา)
ขนาดตำรวจส่งหมายก็ยังเงียบ ตกลงเราพึ่งใครได้