เปิดภาพทุ่นระเบิดสังหาร เขมรวางดักที่ช่องบก ชี้ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา แนะเก็บหลักฐานกดดันทางการทูต
เปิดภาพทุ่นระเบิดชนิดสังหารบุคคล ชนิด Type 72A ระบุทหารกัมพูชาวางไว้บริเวณช่องบก เพจดังชี้เข้าข่ายละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ระเบิดชนิดนี้ทั่วโลก แนะเก็บหลักฐานภาพถ่ายตำแหน่งที่พบ ดำเนินการกดดันทางการทูต
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.เฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” ได้โพสต์ภาพกับระเบิด พร้อมระบุข้อความว่า “เมื่อสักครู่ น้องทหารที่ประจำการอยู่ที่ฐานบริเวณช่องบก ส่งรูปมาให้ดูในอินบ็อกซ์ว่าทหารกัมพูชาเริ่มติดตั้งทุ่นระเบิดในพื้นที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของพี่เล็ก วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้กล่าวเอาไว้ในรายการ เรื่องใหญ่ LIVE Talk PPTV HD 36 ไปก่อนหน้านี้ว่า “ตอนนี้ฝ่ายกัมพูชาเริ่มวางกับดักระเบิดแล้ว”
“ส่วนทหารฝ่ายไทยทำอะไรไม่ได้ ต้องนิ่งไว้และห้ามโต้ตอบ เพราะรัฐบาลสั่งห้ามไว้
“ปล.จากเท่าที่ผมดู เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ Type 72A ผลิตโดยจีนครับ”
ด้านเพจ thaiarmedforce.com โพสต์ข้อความกรณีการวางทุ่นระเบิดว่า ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน
ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิดสิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ
เขมรวางดักทุ่นระเบิดชนิดสังหารบุคคล ชนิด Type 72A ที่ช่องบก
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน
ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิดสิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ