ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนบวกจากความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะนักลงทุนประเมินเศรษฐกิจก่อนแถลงตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ศุกร์นี้

ดัชนีหลักทั้งสามของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดแนสแดกพุ่งแรง หลังทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อหาทางคลี่คลายข้อพิพาทการค้า

 

 

แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะกดดันให้คู่ค้าต่างชาติยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดภายในวันพุธนี้ แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าความยืดเยื้อในการเจรจาและกำหนดเส้นตายที่ไม่แน่นอนได้ส่งผลให้คาดการณ์เศรษฐกิจลดลง โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทรัมป์จุดชนวน

 

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญการชะลอตัวที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้ โดยเน้นว่านโยบายกีดกันทางการค้าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และห่วงโซ่อุปทานโลกเสียหาย

 

ขณะที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (ILO) ปรับลดคาดการณ์การจ้างงานทั่วโลกเช่นกัน โดยชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจแย่ลงจากความตึงเครียดด้านการค้า

 

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนตำแหน่งงานว่างในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าโรงงานกลับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

 

ขณะนี้นักลงทุนให้ความสนใจไปที่รายงานการจ้างงานเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยผลสำรวจจากรอยเตอร์สระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเพิ่มการจ้างงานประมาณ 130,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะคงที่ที่ 4.2%

 

 

ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลจากสงครามในยูเครนที่รุนแรงขึ้น และแนวโน้มที่อิหร่านอาจปฏิเสธข้อเสนอข้อตกลงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ 

 

ในทางตรงกันข้าม ราคาทองคำปรับลดลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากแรงขายทำกำไรและการแข็งค่าของดอลลาร์