ก่อนจะไปลงภาคบรรยายเชิงลิขสิทธิ์ ขอเล่าเรื่องแบบคร่าว ๆ และย่อ ๆ ในฝั่งของเรื่องราวที่เกิด เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักบุคคลในเรื่อง ตัวละครที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว ทั้งในมุม fact และ gossip ก็ตาม
ในปี 2019 ค่ายเพลง Big Machine Records ซึ่งเป็นค่ายเก่าของ Taylor Swift ได้ถูกซื้อโดย Scooter Braun ไป ทำให้สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมด (master) และลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights, master rights) ของค่าย Big Machine Records ทั้งหมดตกอยู่ในมือของ Braun ซึ่งก็รวมถึงลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้ง 6 อัลบั้มของ Taylor Swift ตั้งแต่ชุดแรก จนชุด Reputation ด้วย นำมาสู่ข้อพิพาทหลายอย่างจากการที่ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดของเธอดันตกอยู่ในมือของคนอย่าง Scooter Braun ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Kanye West ที่ทำเรื่องไม่ดีกับ Taylor ในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งนั่นหมายถึงว่ารายได้จากสิ่งบันทึกเสียงเหล่านั้น จะไปตกอยู่ที่มือของ Braun ในฐานะผู้ถือครองลิขสิทธิ์ แม้หลังจากนั้นไม่นาน Scooter Braun จะขายลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดของ Taylor Swift ให้กับ Shamrock Holdings ก็ตาม แต่เหมือนข้อสัญญาบางอย่าง ณ ขณะนั้น จะทำให้ทาง Braun ยังได้รับรายได้บางส่วนจากลิขสิทธิ์สื่อบันทึกเสียงของ Taylor อยู่ดี ทำให้เธอตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งขึ้นมา คือทยอยทำการบันทึกเสียงเพลงอัลบั้มในยุคเก่าแล้วปล่อยออกมาพร้อมวงเล็บห้อยตามหลังว่า "Taylor's Version" เริ่มจากชุด Fearless และ Red ตอนปี 2021 Speak Now และ 1989 ตอนปี 2023 ตามลำดับ ซึ่งการบันทึกเสียงใหม่ที่ว่านี้ คือการบันทึกเสียงทุกเพลงในอัลบั้มเหล่านั้นใหม่อีกครั้งทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรี บนเนื้อร้อง ทำนองเดิม เพื่อให้สิ่งบันทึกเสียง (master) ที่ออกมาเป็นของใหม่ โดยไม่เกี่ยวกับสิ่งบันทึกเสียงเดิมที่เคยอยู่กับค่ายเก่าและถูกสร้างรายได้โดย Braun อยู่ ณ ขณะนั้น

4 อัลบั้มที่ Taylor Swift ได้ทำการบันทึกเสียงใหม่เป็น "Taylor's Version"
(จากซ้ายบนไปขวาล่างตามลำดับ : Fearless, Speak Now, Red, 1989)
ถึงจุดนี้ขออนุญาตเบรกเรื่องราวฝั่งไทม์ไลน์เหตุการณ์นี้ไว้ก่อนสักครู่ เพราะบางคนอาจจะเริ่มมีคำถามงอกมาแล้วว่า "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights)" ที่พิมพ์เต็มยศมาตั้งแต่ชื่อหัวข้อยันย่อหน้าที่แล้วคืออะไร "สิ่งบันทึกเสียง (master)" สองเวอร์ชั่นต่างกันตรงไหนในเชิงการใช้งาน รวมถึงโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ตามเรื่องนี้มาอย่างละเอียด ก็จะเริ่มตั้งคำถามกับ "Taylor's Version" ว่าทำได้อย่างไร ในเมื่อต้นเรื่องนี้เล่าการซื้อลิขสิทธิ์กันเสียยาวเหยียด
ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนว่า ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเพลงนั้นถูกหั่นออกหลายส่วน แต่หลัก ๆ ที่คนมักพูดถึงบ่อยมักจะเป็นสองส่วนที่ประกอบด้วย
1) ลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม (musical work rights) ประกอบด้วย คำร้อง ทำนอง และโน้ตเพลงที่ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสาน
ถ้ายกตัวอย่างด้วยเพลง Taylor Swift แบบง่าย ๆ คำร้องคือเนื้อเพลง อย่างท่อน "So it's gonna be forever, Or it's gonna go down in flames" โดยอ่านแบบไม่ใส่ทำนองตามดู แต่พอใส่ทำนองไปปุ๊บ นั่นแหละคือทำนองเพลง ส่วนโน้ตเพลงที่ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสาน คือเรื่องของคอร์ดที่ใช้ในท่อนนั้น โน้ตที่จะเล่นกับดนตรีในท่อนนี้ แบบที่ยังไม่ได้อัดเสียงจริง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ก็ต้องเป็น คนเขียนคำร้อง (Author, Lyricist) คนแต่งทำนอง (Composer) และคนเรียบเรียงดนตรี (Arranger)
2) ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights) พระเอกของเรื่องนี้เลย มันคือเสียงเพลง เสียงการแสดง หรือเสียงใด ๆ ที่ถูกบันทึกลงในสื่อวัสดุ ไม่ว่าจะแผ่นเสียง ซีดี เทป ออนไลน์ สตรีมมิ่ง หรือถ้าแปลง่าย ๆ คือเพลงที่เอาข้อที่แล้วมาบันทึกเสียงให้มันเกิดการฟังได้ขึ้นมา ผู้ถือครองลิขสิทธิ์สิ่งนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นค่ายเพลง บริษัทบันทึกเสียง หรือผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง หรือแล้วแต่การตกลงกันระหว่างค่ายกับศิลปิน เพราะในกรณีของ Taylor Swift กับสังกัดปัจจุบันอย่าง Republic Records ภายใต้ Universal Music นั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันให้ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงเป็นของ Taylor Swift นั่นเอง
ซึ่งสิ่งที่นำมาสู่การสร้าง "Taylor's Version" ให้เกิดขึ้น คือเงื่อนไขของ "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง" นี่แหละ เพราะเมื่อมีการนำคำร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงของเพลงเดิม มาบันทึกเสียงใหม่ ภายใต้เงื่อนไขค่ายใหม่ หรือผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงใหม่ ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights) ของเพลงเดียวกันในเวอร์ชั่นใหม่ ก็จะเป็นของเจ้าใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเก่าโดยทันที ยิ่งเป็นเจ้าของเพลงเดิมที่ถือครองคำร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงของเพลงเดิมไว้แบบ Taylor Swift ก็ยิ่งง่ายใหญ่ เพราะไม่ต้องอนุญาตใครมากนอกจากผู้แต่งเพลงร่วมในแต่ละเพลง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่มี "Taylor's Version" ออกมา เพื่อให้เกิดอีกเวอร์ชั่นที่ไม่มีรายได้เกี่ยวพันตกถึง Scooter Braun ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่นนี้นั่นเอง ถ้าในกรณีบ้านเราก็คงจะเป็นเพลง รอวันฉันรักเธอ ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่นคีรีบูนที่อยู่กับอาร์เอส และเวอร์ชั่นเดี่ยวของพี่อ๊อด รณชัย ที่ออกกับแกรมมี่ได้ เพราะพี่อ๊อดชนะข้อพิพาทเรื่องลิขสิทธิ์ดนตรีกรรมของเพลงตัวเองแต่ง จนเอามาถือครองเองได้ และทำอีกเวอร์ชั่นออกมาภายหลังเหมือนกัน หรืออย่างวง Lomosonic ที่เพิ่งออกอัลบั้ม Lost Frequencies ซึ่งเป็นการนำงานเพลงบางส่วนจากอัลบั้ม Echo & Silence มาบันทึกเสียงใหม่

เพลง Style (Original mastered version)
เพลง Style (Taylor's Version)
สรุปจากย่อหน้าที่แล้วแบบกันงงอีกนิดหน่อย ก็คือเพลงที่เราได้ฟังจาก Taylor Swift หนึ่งเพลงที่เสร็จสิ้นผ่านหูเรา ก็คือสิ่งบันทึกเสียงหนึ่งชิ้น เวอร์ชั่นเก่าก็เป็นชิ้นนึง เวอร์ชั่น Taylor's Version ก็เป็นสิ่งบันทึกเสียงอีกชิ้น ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แม้จะใช้เนื้อเพลงเดียวกัน ทำนองเดียวกัน เสียงร้องเดิม แต่คนละปีคนละช่วง และเล่นแทบจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ ก็ตาม ก็ถือว่าเป็นสิ่งบันทึกเสียงคนละชิ้นกัน ซึ่งในที่นี้ Scooter Braun ถือเฉพาะ "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights)" (ตามข้อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว) ของเวอร์ชั่นเก่าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ Taylor's Version รวมถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม (ตามข้อ 1 ย่อหน้าที่แล้ว) ในเพลงของ Taylor Swift เลย ทั้งคำร้อง ทำนอง หรือโน้ตการเรียบเรียงแม้แต่น้อย ดังนั้น Taylor จึงสามารถนำเพลงของเธอทุกเพลงมาบันทึกเสียงใหม่ได้ โดยไม่ต้องมีข้อพิพาททางลิขสิทธิ์กับ Braun หรือกับนายทุนคนไหน เพราะเธอเขียนเองเป็นหลักทุกเพลง ก็เลยนำมาทำ master ใหม่ เป็น Taylor's Version แบบสะดวกโยธินนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้นำมาสู่ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของวงการเพลงสากล เนื่องจากการนำไปสู่การพูดถึงการบันทึกเสียงใหม่ด้วยเหตุผลข้างต้นแล้ว ด้านยอดขาย Taylor's Version หลายอัลบั้มของเธอนั้นก็ประสบความสำเร็จด้านยอดขายไม่แพ้อัลบั้มเพลงใหม่ ๆ ของศิลปินที่ออกในช่วงนั้น ทั้งที่มุมหนึ่งคืออัลบั้มเพลงเก่าบันทึกเสียงใหม่ก็ตาม
กลับมาที่ไทม์ไลน์ของข่าวนี้ ล่าสุด Taylor Swift ได้เปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ของเธอเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เธอได้ซื้อลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดจาก Shamrock Holdings เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้รายได้จากการจัดจำหน่ายสิ่งบันทึกเสียงของเธอ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่จับต้องได้ (เทป ซีดี แผ่นเสียง) หรือรูปแบบดิจิทัลและสตรีมมิ่ง จะเข้าสู่ Taylor Swift โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับ Scooter Braun อีกต่อไป ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งกับศิลปินและคนฟัง เพราะว่าถึงจะเป็นเพลงเดียวกัน แต่ถ้าเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ก็จะมีเสน่ห์บางอย่างที่ต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือเนื้อเสียงของ Taylor ที่มีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกัน ทำให้คนฟังจะชอบไม่เหมือนกันก็มี และการเลือกฟังเวอร์ชั่นไหนก็ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงเรื่องข่าวลิขสิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ดีของแฟนเพลง ขณะเดียวกัน Taylor เองยังกล่าวถึงเรื่องนี้ ผ่านการเล่าถึงความพยายามบันทึกเสียงอัลบั้ม Reputation ใหม่ ว่ามีความยากเนื่องจากเป็นอัลบั้มที่มีความเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกในช่วงเวลานั้น เลยเป็นอัลบั้มที่จะทำใหม่เป็น Taylor's Version ได้ดีขึ้นกว่าเดิมยากมาก จึงทำให้กระบวนการทำและปล่อยอัลบั้มนี้ต้องเลื่อนออกไปก่อน สิ่งนี้คือเหตุผลหนึ่งที่งานออริจินอลเองก็มีความคลาสสิก เพราะมันเป็นสิ่งที่เก็บห้วงเวลานั้น ๆ ของศิลปินเอาไว้ในแบบที่ศิลปินทำได้และอยากให้มันออกมา
และเป็นเรื่องดียิ่ง ที่ศิลปินที่เป็นเจ้าของผลงานได้รับรายได้จากผลงานตัวเองอย่างเหมาะสม ซึ่งเหมาะสมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าศิลปินต้องได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเสมอไป แต่รวมถึงการตกลงกับบริษัทหรือค่ายเพลงผู้ถือครองลิขสิทธิ์อย่างเป็นธรรม มีการจ่ายผลประโยชน์แก่ผู้สมควรได้รับที่เหมาะสม เพราะค่ายเพลงที่ดี ก็มีส่วนร่วมในการที่ช่วยให้เพลงมันกระจายไปสู่คนฟังได้กว้าง รายได้ที่มากขึ้นของเพลงเหล่านั้น และศิลปิน ก็มีอิทธิพลร่วมจากค่ายเช่นกัน ซึ่งเป็นอีกมุมที่ต้องยอมรับไม่แพ้กัน
สุดท้ายก็ขอแสดงความยินดีกับ Taylor Swift ทีมงานที่มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียง และแฟนเพลงสำหรับข่าวที่เรียกได้ว่าข่าวดีจริง ๆ หลังจากเป็นเรื่องราวกันมา 6 ปีได้
ที่มา:
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน). 2565.
Music Copyright 101 คู่มือการใช้ลิขสิทธิ์ดนตรีเบื้องต้น. กรุงเทพฯ. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน).
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน). 2567.
คู่มือการใช้ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง ตอน สิทธิที่ค่ายเพลงต้องรู้! = Music Copyright 103. กรุงเทพฯ. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน).
Jayakumar Anagha.
Taylor Swift finally owns all her master recordings: the story, and why this is significant.
https://indianexpress.com/article/explained/explained-culture/taylor-swift-owns-her-all-masters-story-significance-10040326/ (May 31, 2025).
Marc Tracy.
Taylor Swift Buys Back Rights to Her First 6 Albums.
https://www.nytimes.com/2025/05/30/arts/music/taylor-swift-buys-masters.html (May 31, 2025).
Taylor Swift homepage.
https://www.taylorswift.com/
Taylor Swift masters dispute.
https://en.wikipedia.org/wiki/Taylor_Swift_masters_dispute
รู้จักคำว่า "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง" ผ่านมหากาพย์ 6 ปี และ 6 อัลบั้มของ Taylor Swift
ก่อนจะไปลงภาคบรรยายเชิงลิขสิทธิ์ ขอเล่าเรื่องแบบคร่าว ๆ และย่อ ๆ ในฝั่งของเรื่องราวที่เกิด เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักบุคคลในเรื่อง ตัวละครที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว ทั้งในมุม fact และ gossip ก็ตาม
ในปี 2019 ค่ายเพลง Big Machine Records ซึ่งเป็นค่ายเก่าของ Taylor Swift ได้ถูกซื้อโดย Scooter Braun ไป ทำให้สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมด (master) และลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights, master rights) ของค่าย Big Machine Records ทั้งหมดตกอยู่ในมือของ Braun ซึ่งก็รวมถึงลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้ง 6 อัลบั้มของ Taylor Swift ตั้งแต่ชุดแรก จนชุด Reputation ด้วย นำมาสู่ข้อพิพาทหลายอย่างจากการที่ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดของเธอดันตกอยู่ในมือของคนอย่าง Scooter Braun ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Kanye West ที่ทำเรื่องไม่ดีกับ Taylor ในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งนั่นหมายถึงว่ารายได้จากสิ่งบันทึกเสียงเหล่านั้น จะไปตกอยู่ที่มือของ Braun ในฐานะผู้ถือครองลิขสิทธิ์ แม้หลังจากนั้นไม่นาน Scooter Braun จะขายลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดของ Taylor Swift ให้กับ Shamrock Holdings ก็ตาม แต่เหมือนข้อสัญญาบางอย่าง ณ ขณะนั้น จะทำให้ทาง Braun ยังได้รับรายได้บางส่วนจากลิขสิทธิ์สื่อบันทึกเสียงของ Taylor อยู่ดี ทำให้เธอตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งขึ้นมา คือทยอยทำการบันทึกเสียงเพลงอัลบั้มในยุคเก่าแล้วปล่อยออกมาพร้อมวงเล็บห้อยตามหลังว่า "Taylor's Version" เริ่มจากชุด Fearless และ Red ตอนปี 2021 Speak Now และ 1989 ตอนปี 2023 ตามลำดับ ซึ่งการบันทึกเสียงใหม่ที่ว่านี้ คือการบันทึกเสียงทุกเพลงในอัลบั้มเหล่านั้นใหม่อีกครั้งทั้งเสียงร้องและเครื่องดนตรี บนเนื้อร้อง ทำนองเดิม เพื่อให้สิ่งบันทึกเสียง (master) ที่ออกมาเป็นของใหม่ โดยไม่เกี่ยวกับสิ่งบันทึกเสียงเดิมที่เคยอยู่กับค่ายเก่าและถูกสร้างรายได้โดย Braun อยู่ ณ ขณะนั้น
ถึงจุดนี้ขออนุญาตเบรกเรื่องราวฝั่งไทม์ไลน์เหตุการณ์นี้ไว้ก่อนสักครู่ เพราะบางคนอาจจะเริ่มมีคำถามงอกมาแล้วว่า "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights)" ที่พิมพ์เต็มยศมาตั้งแต่ชื่อหัวข้อยันย่อหน้าที่แล้วคืออะไร "สิ่งบันทึกเสียง (master)" สองเวอร์ชั่นต่างกันตรงไหนในเชิงการใช้งาน รวมถึงโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ตามเรื่องนี้มาอย่างละเอียด ก็จะเริ่มตั้งคำถามกับ "Taylor's Version" ว่าทำได้อย่างไร ในเมื่อต้นเรื่องนี้เล่าการซื้อลิขสิทธิ์กันเสียยาวเหยียด
ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนว่า ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเพลงนั้นถูกหั่นออกหลายส่วน แต่หลัก ๆ ที่คนมักพูดถึงบ่อยมักจะเป็นสองส่วนที่ประกอบด้วย
1) ลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม (musical work rights) ประกอบด้วย คำร้อง ทำนอง และโน้ตเพลงที่ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสาน
ถ้ายกตัวอย่างด้วยเพลง Taylor Swift แบบง่าย ๆ คำร้องคือเนื้อเพลง อย่างท่อน "So it's gonna be forever, Or it's gonna go down in flames" โดยอ่านแบบไม่ใส่ทำนองตามดู แต่พอใส่ทำนองไปปุ๊บ นั่นแหละคือทำนองเพลง ส่วนโน้ตเพลงที่ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสาน คือเรื่องของคอร์ดที่ใช้ในท่อนนั้น โน้ตที่จะเล่นกับดนตรีในท่อนนี้ แบบที่ยังไม่ได้อัดเสียงจริง ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ก็ต้องเป็น คนเขียนคำร้อง (Author, Lyricist) คนแต่งทำนอง (Composer) และคนเรียบเรียงดนตรี (Arranger)
2) ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights) พระเอกของเรื่องนี้เลย มันคือเสียงเพลง เสียงการแสดง หรือเสียงใด ๆ ที่ถูกบันทึกลงในสื่อวัสดุ ไม่ว่าจะแผ่นเสียง ซีดี เทป ออนไลน์ สตรีมมิ่ง หรือถ้าแปลง่าย ๆ คือเพลงที่เอาข้อที่แล้วมาบันทึกเสียงให้มันเกิดการฟังได้ขึ้นมา ผู้ถือครองลิขสิทธิ์สิ่งนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นค่ายเพลง บริษัทบันทึกเสียง หรือผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง หรือแล้วแต่การตกลงกันระหว่างค่ายกับศิลปิน เพราะในกรณีของ Taylor Swift กับสังกัดปัจจุบันอย่าง Republic Records ภายใต้ Universal Music นั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันให้ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงเป็นของ Taylor Swift นั่นเอง
ซึ่งสิ่งที่นำมาสู่การสร้าง "Taylor's Version" ให้เกิดขึ้น คือเงื่อนไขของ "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง" นี่แหละ เพราะเมื่อมีการนำคำร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงของเพลงเดิม มาบันทึกเสียงใหม่ ภายใต้เงื่อนไขค่ายใหม่ หรือผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงใหม่ ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights) ของเพลงเดียวกันในเวอร์ชั่นใหม่ ก็จะเป็นของเจ้าใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเก่าโดยทันที ยิ่งเป็นเจ้าของเพลงเดิมที่ถือครองคำร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงของเพลงเดิมไว้แบบ Taylor Swift ก็ยิ่งง่ายใหญ่ เพราะไม่ต้องอนุญาตใครมากนอกจากผู้แต่งเพลงร่วมในแต่ละเพลง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่มี "Taylor's Version" ออกมา เพื่อให้เกิดอีกเวอร์ชั่นที่ไม่มีรายได้เกี่ยวพันตกถึง Scooter Braun ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่นนี้นั่นเอง ถ้าในกรณีบ้านเราก็คงจะเป็นเพลง รอวันฉันรักเธอ ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่นคีรีบูนที่อยู่กับอาร์เอส และเวอร์ชั่นเดี่ยวของพี่อ๊อด รณชัย ที่ออกกับแกรมมี่ได้ เพราะพี่อ๊อดชนะข้อพิพาทเรื่องลิขสิทธิ์ดนตรีกรรมของเพลงตัวเองแต่ง จนเอามาถือครองเองได้ และทำอีกเวอร์ชั่นออกมาภายหลังเหมือนกัน หรืออย่างวง Lomosonic ที่เพิ่งออกอัลบั้ม Lost Frequencies ซึ่งเป็นการนำงานเพลงบางส่วนจากอัลบั้ม Echo & Silence มาบันทึกเสียงใหม่
สรุปจากย่อหน้าที่แล้วแบบกันงงอีกนิดหน่อย ก็คือเพลงที่เราได้ฟังจาก Taylor Swift หนึ่งเพลงที่เสร็จสิ้นผ่านหูเรา ก็คือสิ่งบันทึกเสียงหนึ่งชิ้น เวอร์ชั่นเก่าก็เป็นชิ้นนึง เวอร์ชั่น Taylor's Version ก็เป็นสิ่งบันทึกเสียงอีกชิ้น ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แม้จะใช้เนื้อเพลงเดียวกัน ทำนองเดียวกัน เสียงร้องเดิม แต่คนละปีคนละช่วง และเล่นแทบจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ ก็ตาม ก็ถือว่าเป็นสิ่งบันทึกเสียงคนละชิ้นกัน ซึ่งในที่นี้ Scooter Braun ถือเฉพาะ "ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง (publishing rights)" (ตามข้อ 2 ย่อหน้าที่แล้ว) ของเวอร์ชั่นเก่าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ Taylor's Version รวมถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ดนตรีกรรม (ตามข้อ 1 ย่อหน้าที่แล้ว) ในเพลงของ Taylor Swift เลย ทั้งคำร้อง ทำนอง หรือโน้ตการเรียบเรียงแม้แต่น้อย ดังนั้น Taylor จึงสามารถนำเพลงของเธอทุกเพลงมาบันทึกเสียงใหม่ได้ โดยไม่ต้องมีข้อพิพาททางลิขสิทธิ์กับ Braun หรือกับนายทุนคนไหน เพราะเธอเขียนเองเป็นหลักทุกเพลง ก็เลยนำมาทำ master ใหม่ เป็น Taylor's Version แบบสะดวกโยธินนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้นำมาสู่ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของวงการเพลงสากล เนื่องจากการนำไปสู่การพูดถึงการบันทึกเสียงใหม่ด้วยเหตุผลข้างต้นแล้ว ด้านยอดขาย Taylor's Version หลายอัลบั้มของเธอนั้นก็ประสบความสำเร็จด้านยอดขายไม่แพ้อัลบั้มเพลงใหม่ ๆ ของศิลปินที่ออกในช่วงนั้น ทั้งที่มุมหนึ่งคืออัลบั้มเพลงเก่าบันทึกเสียงใหม่ก็ตาม
กลับมาที่ไทม์ไลน์ของข่าวนี้ ล่าสุด Taylor Swift ได้เปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ของเธอเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เธอได้ซื้อลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียงทั้งหมดจาก Shamrock Holdings เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้รายได้จากการจัดจำหน่ายสิ่งบันทึกเสียงของเธอ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่จับต้องได้ (เทป ซีดี แผ่นเสียง) หรือรูปแบบดิจิทัลและสตรีมมิ่ง จะเข้าสู่ Taylor Swift โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับ Scooter Braun อีกต่อไป ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งกับศิลปินและคนฟัง เพราะว่าถึงจะเป็นเพลงเดียวกัน แต่ถ้าเป็นคนละเวอร์ชั่นกัน ก็จะมีเสน่ห์บางอย่างที่ต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือเนื้อเสียงของ Taylor ที่มีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกัน ทำให้คนฟังจะชอบไม่เหมือนกันก็มี และการเลือกฟังเวอร์ชั่นไหนก็ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงเรื่องข่าวลิขสิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ดีของแฟนเพลง ขณะเดียวกัน Taylor เองยังกล่าวถึงเรื่องนี้ ผ่านการเล่าถึงความพยายามบันทึกเสียงอัลบั้ม Reputation ใหม่ ว่ามีความยากเนื่องจากเป็นอัลบั้มที่มีความเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกในช่วงเวลานั้น เลยเป็นอัลบั้มที่จะทำใหม่เป็น Taylor's Version ได้ดีขึ้นกว่าเดิมยากมาก จึงทำให้กระบวนการทำและปล่อยอัลบั้มนี้ต้องเลื่อนออกไปก่อน สิ่งนี้คือเหตุผลหนึ่งที่งานออริจินอลเองก็มีความคลาสสิก เพราะมันเป็นสิ่งที่เก็บห้วงเวลานั้น ๆ ของศิลปินเอาไว้ในแบบที่ศิลปินทำได้และอยากให้มันออกมา
และเป็นเรื่องดียิ่ง ที่ศิลปินที่เป็นเจ้าของผลงานได้รับรายได้จากผลงานตัวเองอย่างเหมาะสม ซึ่งเหมาะสมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าศิลปินต้องได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเสมอไป แต่รวมถึงการตกลงกับบริษัทหรือค่ายเพลงผู้ถือครองลิขสิทธิ์อย่างเป็นธรรม มีการจ่ายผลประโยชน์แก่ผู้สมควรได้รับที่เหมาะสม เพราะค่ายเพลงที่ดี ก็มีส่วนร่วมในการที่ช่วยให้เพลงมันกระจายไปสู่คนฟังได้กว้าง รายได้ที่มากขึ้นของเพลงเหล่านั้น และศิลปิน ก็มีอิทธิพลร่วมจากค่ายเช่นกัน ซึ่งเป็นอีกมุมที่ต้องยอมรับไม่แพ้กัน
สุดท้ายก็ขอแสดงความยินดีกับ Taylor Swift ทีมงานที่มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียง และแฟนเพลงสำหรับข่าวที่เรียกได้ว่าข่าวดีจริง ๆ หลังจากเป็นเรื่องราวกันมา 6 ปีได้
ที่มา:
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน). 2565. Music Copyright 101 คู่มือการใช้ลิขสิทธิ์ดนตรีเบื้องต้น. กรุงเทพฯ. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน).
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน). 2567. คู่มือการใช้ลิขสิทธิ์สิ่งบันทึกเสียง ตอน สิทธิที่ค่ายเพลงต้องรู้! = Music Copyright 103. กรุงเทพฯ. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน).
Jayakumar Anagha. Taylor Swift finally owns all her master recordings: the story, and why this is significant. https://indianexpress.com/article/explained/explained-culture/taylor-swift-owns-her-all-masters-story-significance-10040326/ (May 31, 2025).
Marc Tracy. Taylor Swift Buys Back Rights to Her First 6 Albums. https://www.nytimes.com/2025/05/30/arts/music/taylor-swift-buys-masters.html (May 31, 2025).
Taylor Swift homepage. https://www.taylorswift.com/
Taylor Swift masters dispute. https://en.wikipedia.org/wiki/Taylor_Swift_masters_dispute