ฉันเป็นลูกครึ่งพ่อจีน กับแม่คนไทย
จะว่าไปแม่ฉันก็ไม่ได้ไทยเสียทีเดียว พอเริ่มรู้ความฉันก็ชอบฟังยายและแม่เล่าเรื่องเก่า ๆ
แม่มักจะบอกว่ายายของแม่ หรือ ทวดของฉันชื่อทวดยา เป็นคนมอญและเป็นหมอยาอยู่ในวัง วังอะไรก่อน?? แฮร่ ^___^
ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับญาติทางแม่มากนัก เพราะอยู่ห่างกัน นาน ๆ ที ยายจึงจะมาจากลำพยา บางเลนมาพักที่บ้านเรา
ฉันเกิดและเติบโตที่ตลาดพระปฐม บ้านที่เกิดและอยู่สมัยเล็ก ๆ เป็นห้องแถวไม้
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นห้องแถวชั้นกว่า ๆ ไม่เต็มสองชั้นดี
ด้านหน้าบ้านเป็นชั้นเดียว ส่วนข้างหลังมีเหล่าเต๊งน้อย ๆ ปีนบันไดขึ้นไปอาศัยนอน
บ้านฉันหันหน้าหาคลองเจดีย์บูชาบนถนนบ่อเริ่ม ทางขวามือของบ้านคือพระปฐมเจดีย์
ส่วนทางซ้ายสุดถนนบ่อเริ่ม เป็นคลองเจดีย์บูชาที่เลี้ยวซ้ายอ้อมหลังรูปปั้นพระยากงตรงไปลอดสะพานยักษ์ถึงปลายคลอง

อาโผ นางเวยซือ แซ่เว่ย
ที่บ้านหลังนี้ฉันอยู่กับพ่อแม่ อาม่า แต่จริง ๆ ที่บ้านเราเรียกว่าอาโผ หรือ โผโพ และมีพี่ ๆ ฉันอีก ๖ คน
ตอนอยู่บ้านหลังนี้ฉันเป็นลูกคนที่ ๕ ... งง สิ!! ฉันมีพี่ ๖ รวมฉันก็ต้องเป็น ๗ ทำไม ๕ ก็เพราะพี่ชายอีก ๒ คน เป็นลูกแม่ใหญ่น่ะสิ ^____^
พี่ชายคนโตสุดมักจะพูดว่าเขามีแม่คนจีนกับแม่คนไทย แม่คนจีนอยู่ตลาดนางเลิ้ง กรุงเทพฯ พัก ๆ ก็จะมาเป๋อถม คำเรียกนครปฐมของอาโผฉัน
สมัยเด็กฉันไม่รู้เรื่องอะไรของอาโผมากนักหรอก อากงก็เจออยู่ในหีบใบเล็กที่อาปาฝากไว้วัดดอน ยานนาวา ทุกปีที่ไปไหว้เช็งเม้ง
ฉันไม่รู้ประวัติความเป็นมาของอาโผ กับ เตี๊ยเตีย (ก็อากงนั่นล่ะ ที่บ้านเราเรียกเตี๊ยเตีย) ไม่รู้อะไรเลย
รู้แต่ว่าตั้งแต่เล็กอาโผก็อยู่ข้าง ๆ ฉันทุกวัน ไม่เชื่อดูรูปวัยละอ่อนที่อาโผนั่งเฝ้าฉันดูดขวดนมสิ

ฉันถ่ายกับอาโผที่บ้านไม้หลังเก่า ตลาดพระปฐมเจดีย์ (ท่ารถเมล์ขาว) ราว ๒๕๐๘-๙
ฉันเริ่มรู้ว่าอาโผเป็นคนจีนมาจากที่ไหน ก็ราว ๆ ประถม สมัยนั้นญาติพี่น้องทางพ่อไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ
พี่ ๆ บางคนก็เริ่มโต เริ่มแต่งงาน และก็มักมาจัดงานแต่งที่นครปฐม...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ญาติพ่อทางกรุงเทพฯ ทางปักษ์ใต้ โคราช บางแสน พัทยา ต่างก็มางานกัน
ลุง ๒ คน ที่มักมาพักอยู่ที่บ้านฉันเสมอ คือ ลุงที่พัทยา ฉันเรียกว่าหมั่นทังเป๋อ แต่ส่วนใหญ่ก็เรียกเป๋อพัทยา
กับลุงขาว หรือ ลุงสวัสดิ์ เชิญสวัสดิ์ ชื่อนี้คนในวงการถ่ายภาพสมัยก่อนน่าจะรู้จักเพราะแกคิดเทคนิคถ่ายภาพซ้อน
ญาติ ๆ หลายคน หลายครัว มักส่งลูกหลานไปเรียนวิชากับแกที่แหลมหิน หรือหาดสมิหรา สงขลา
ก่อนจะไปไกลเรื่องลุงขาวไว้โอกาสต่อไปค่อยเล่านะ กลับมาที่ญาติ ๆ พ่อก่อน
เพราะความมาแต่งงานที่นครปฐมนี่ล่ะ ทำให้ฉันเริ่มรู้ที่มาที่ไปของอาโผ เตี๊ยเตีย
เรื่องของเรื่อง คือ พี่ชายวัยรุ่นของฉัน สร้างวีรกรรมชกต่อยกับญาติ ๆ ในงานที่จัดที่ร้านอาหารโพธิ์ทอง
นาง ๆ ก็วิ่งกลับมาบ้านที่ตลาด จะมาเอาปืนพ่อไปยิงชาวบ้าน ปากก็โวยวายว่า "หูเป๊อเหล่าเยาสื่อ"
ภาษาอาจฟังไม่คุ้นเคย ฉันแปลไทยให้เลยละกัน เขาบอกว่า "พวกหูเป่ยอยากตาย" หึหึ นักเลงมั้ยล่ะ พี่ฉัน
พอคลายสงสัยยังคะ ทำไมคำเรียกญาติของฉันจึงแปลก ๆ
จะจีนกลางก็ไม่ใช่ แคะก็ไม่เชิง ยิ่งแต้จิ๋วนี่ห่างไกลกันหลาย
โยชน์* มาก เปรียบเหมือนภาษาเหนือกับใต้ราว ๆ นั้น
แต่เหตุการณ์สมัยเด็กแค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันล่วงรู้อะไรไปมากกว่าคำว่า "หูเป่ย"
รู้เพิ่มเติมอีกนิดก็เพื่อนคนแคะหลังบ้านที่ตลาด นางได้ยินเรียกอาโผกินข้าวว่า "ฉีฟั่น"
นางบอกคล้าย ๆ ภาษาบ้านนางเลย "ซิฟฟั่น" ฉันก็ได้แต่เออ ๆ ออ ๆ ไป
ส่วนเรื่องอาโผมาจากมูซัง ฉันก็เพิ่งรู้เอาเมื่อตอนอายุย่างเข้า ๖๑ อีก ไม่ถึง ๒ เดือนข้างหน้านี่ล่ะ
ทำไมถึงรู้ น่ะหรือ ค่อยมาเล่าต่อเน๊อะ
ตอนนี้ขอตัว กับหัว ราตรีสวัสดิ์ เอ๊ะ!! น่าจะต้อง บอกว่า เจ่าชางฮ่าว ถึงจะถูกเพราะนี่ก็จวน ๖ โมงเช้า...อีกแล้วสิ
.
.
.
นฤมล บุญญานิตย์
๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
.
#ตลาดพระปฐมเจดีย์ #นครปฐม
.
ปล.
*โยชน์ เป็นภาษาเก่าสักนิด สมัยนี้เขายังใช้กันมั้ยนะ?
คำนี้มาจากไหน บทความออนไลน์ของนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เรื่อง
“โยชน์” ชื่อมาตราวัดนี้ มีที่มาจากอะไร? กล่าวว่า
...ในหนังสือ “ถังซำจั๋ง จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตกของมหาราชวงศ์ถัง” (สำนักพิมพ์มติชน) ที่แปลโดย ชิว ซูหลุน อธิบายไว้ว่า…
“คำว่าโยชน์ มาจากการคำนวณเดินทางทัพของกษัตริย์มาแต่โบราณกาลที่แล้วมา เชื่อกันว่าระยะทาง ๑ โยชน์เทียบเท่ากับ ๔๐ ลี้
แต่ถ้านับแบบอินเดีย ก็จะมีเพียง ๓๐ ลี้ แต่ถ้าว่าตามที่บันทึกในพุทธศาสนาก็จะมีเพียง ๑๖ ลี้เท่านั้น...
ใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
https://www.silpa-mag.com/culture/article_142117
ฉันเกิดที่ตลาดพระปฐม: ตอนที่ ๑ อาโผ...มาจากมูชัง
จะว่าไปแม่ฉันก็ไม่ได้ไทยเสียทีเดียว พอเริ่มรู้ความฉันก็ชอบฟังยายและแม่เล่าเรื่องเก่า ๆ
แม่มักจะบอกว่ายายของแม่ หรือ ทวดของฉันชื่อทวดยา เป็นคนมอญและเป็นหมอยาอยู่ในวัง วังอะไรก่อน?? แฮร่ ^___^
ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับญาติทางแม่มากนัก เพราะอยู่ห่างกัน นาน ๆ ที ยายจึงจะมาจากลำพยา บางเลนมาพักที่บ้านเรา
ฉันเกิดและเติบโตที่ตลาดพระปฐม บ้านที่เกิดและอยู่สมัยเล็ก ๆ เป็นห้องแถวไม้
จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นห้องแถวชั้นกว่า ๆ ไม่เต็มสองชั้นดี
ด้านหน้าบ้านเป็นชั้นเดียว ส่วนข้างหลังมีเหล่าเต๊งน้อย ๆ ปีนบันไดขึ้นไปอาศัยนอน
บ้านฉันหันหน้าหาคลองเจดีย์บูชาบนถนนบ่อเริ่ม ทางขวามือของบ้านคือพระปฐมเจดีย์
ส่วนทางซ้ายสุดถนนบ่อเริ่ม เป็นคลองเจดีย์บูชาที่เลี้ยวซ้ายอ้อมหลังรูปปั้นพระยากงตรงไปลอดสะพานยักษ์ถึงปลายคลอง
ที่บ้านหลังนี้ฉันอยู่กับพ่อแม่ อาม่า แต่จริง ๆ ที่บ้านเราเรียกว่าอาโผ หรือ โผโพ และมีพี่ ๆ ฉันอีก ๖ คน
ตอนอยู่บ้านหลังนี้ฉันเป็นลูกคนที่ ๕ ... งง สิ!! ฉันมีพี่ ๖ รวมฉันก็ต้องเป็น ๗ ทำไม ๕ ก็เพราะพี่ชายอีก ๒ คน เป็นลูกแม่ใหญ่น่ะสิ ^____^
พี่ชายคนโตสุดมักจะพูดว่าเขามีแม่คนจีนกับแม่คนไทย แม่คนจีนอยู่ตลาดนางเลิ้ง กรุงเทพฯ พัก ๆ ก็จะมาเป๋อถม คำเรียกนครปฐมของอาโผฉัน
สมัยเด็กฉันไม่รู้เรื่องอะไรของอาโผมากนักหรอก อากงก็เจออยู่ในหีบใบเล็กที่อาปาฝากไว้วัดดอน ยานนาวา ทุกปีที่ไปไหว้เช็งเม้ง
ฉันไม่รู้ประวัติความเป็นมาของอาโผ กับ เตี๊ยเตีย (ก็อากงนั่นล่ะ ที่บ้านเราเรียกเตี๊ยเตีย) ไม่รู้อะไรเลย
รู้แต่ว่าตั้งแต่เล็กอาโผก็อยู่ข้าง ๆ ฉันทุกวัน ไม่เชื่อดูรูปวัยละอ่อนที่อาโผนั่งเฝ้าฉันดูดขวดนมสิ
ฉันเริ่มรู้ว่าอาโผเป็นคนจีนมาจากที่ไหน ก็ราว ๆ ประถม สมัยนั้นญาติพี่น้องทางพ่อไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ๆ
พี่ ๆ บางคนก็เริ่มโต เริ่มแต่งงาน และก็มักมาจัดงานแต่งที่นครปฐม...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ญาติพ่อทางกรุงเทพฯ ทางปักษ์ใต้ โคราช บางแสน พัทยา ต่างก็มางานกัน
ลุง ๒ คน ที่มักมาพักอยู่ที่บ้านฉันเสมอ คือ ลุงที่พัทยา ฉันเรียกว่าหมั่นทังเป๋อ แต่ส่วนใหญ่ก็เรียกเป๋อพัทยา
กับลุงขาว หรือ ลุงสวัสดิ์ เชิญสวัสดิ์ ชื่อนี้คนในวงการถ่ายภาพสมัยก่อนน่าจะรู้จักเพราะแกคิดเทคนิคถ่ายภาพซ้อน
ญาติ ๆ หลายคน หลายครัว มักส่งลูกหลานไปเรียนวิชากับแกที่แหลมหิน หรือหาดสมิหรา สงขลา
ก่อนจะไปไกลเรื่องลุงขาวไว้โอกาสต่อไปค่อยเล่านะ กลับมาที่ญาติ ๆ พ่อก่อน
เพราะความมาแต่งงานที่นครปฐมนี่ล่ะ ทำให้ฉันเริ่มรู้ที่มาที่ไปของอาโผ เตี๊ยเตีย
เรื่องของเรื่อง คือ พี่ชายวัยรุ่นของฉัน สร้างวีรกรรมชกต่อยกับญาติ ๆ ในงานที่จัดที่ร้านอาหารโพธิ์ทอง
นาง ๆ ก็วิ่งกลับมาบ้านที่ตลาด จะมาเอาปืนพ่อไปยิงชาวบ้าน ปากก็โวยวายว่า "หูเป๊อเหล่าเยาสื่อ"
ภาษาอาจฟังไม่คุ้นเคย ฉันแปลไทยให้เลยละกัน เขาบอกว่า "พวกหูเป่ยอยากตาย" หึหึ นักเลงมั้ยล่ะ พี่ฉัน
พอคลายสงสัยยังคะ ทำไมคำเรียกญาติของฉันจึงแปลก ๆ
จะจีนกลางก็ไม่ใช่ แคะก็ไม่เชิง ยิ่งแต้จิ๋วนี่ห่างไกลกันหลายโยชน์* มาก เปรียบเหมือนภาษาเหนือกับใต้ราว ๆ นั้น
แต่เหตุการณ์สมัยเด็กแค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันล่วงรู้อะไรไปมากกว่าคำว่า "หูเป่ย"
รู้เพิ่มเติมอีกนิดก็เพื่อนคนแคะหลังบ้านที่ตลาด นางได้ยินเรียกอาโผกินข้าวว่า "ฉีฟั่น"
นางบอกคล้าย ๆ ภาษาบ้านนางเลย "ซิฟฟั่น" ฉันก็ได้แต่เออ ๆ ออ ๆ ไป
ส่วนเรื่องอาโผมาจากมูซัง ฉันก็เพิ่งรู้เอาเมื่อตอนอายุย่างเข้า ๖๑ อีก ไม่ถึง ๒ เดือนข้างหน้านี่ล่ะ
ทำไมถึงรู้ น่ะหรือ ค่อยมาเล่าต่อเน๊อะ
ตอนนี้ขอตัว กับหัว ราตรีสวัสดิ์ เอ๊ะ!! น่าจะต้อง บอกว่า เจ่าชางฮ่าว ถึงจะถูกเพราะนี่ก็จวน ๖ โมงเช้า...อีกแล้วสิ
.
.
.
นฤมล บุญญานิตย์
๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
.
#ตลาดพระปฐมเจดีย์ #นครปฐม
.
ปล. *โยชน์ เป็นภาษาเก่าสักนิด สมัยนี้เขายังใช้กันมั้ยนะ?
คำนี้มาจากไหน บทความออนไลน์ของนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เรื่อง “โยชน์” ชื่อมาตราวัดนี้ มีที่มาจากอะไร? กล่าวว่า
...ในหนังสือ “ถังซำจั๋ง จดหมายเหตุการเดินทางสู่ดินแดนตะวันตกของมหาราชวงศ์ถัง” (สำนักพิมพ์มติชน) ที่แปลโดย ชิว ซูหลุน อธิบายไว้ว่า…
“คำว่าโยชน์ มาจากการคำนวณเดินทางทัพของกษัตริย์มาแต่โบราณกาลที่แล้วมา เชื่อกันว่าระยะทาง ๑ โยชน์เทียบเท่ากับ ๔๐ ลี้
แต่ถ้านับแบบอินเดีย ก็จะมีเพียง ๓๐ ลี้ แต่ถ้าว่าตามที่บันทึกในพุทธศาสนาก็จะมีเพียง ๑๖ ลี้เท่านั้น...
ใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/culture/article_142117