ช่วงชีวิตที่ตกต่ำ และยังมีอะไรมาซ้ำเติม

​เราออกจากงาน เพราะอะไรไม่รู้ และอาจจะเพราะเราเองด้วย เราเป็นคนเวลาจะพูดอะไรคิดหนักมาก เพราะกลัวคนอื่นเข้าใจผิด และกลัวตัวเองคิดมากหลังจากพูดอะไรออกไป ทุกครั้งที่เราพูดออกไปแล้วก็ยังกลับมาคิดอีกว่าสิ่งที่พูดไปมันกระทบความรู้สึกอะไรใครไหม ใช้คำพูดถูกไหม เขาจะสื่อความหมายไปอีกแบบหรือไม่ ทำให้เราก่อนที่จะพูดคิดหนัก และไม่ว่าใครจะว่าเราทั้งที่เราไม่ได้ทำ เราก็ไม่เคยแก้ตัว เจอบ่อยมากคนที่ว่าเราทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไร เคยพูดอธิบายว่าฉันไม่ได้ทำ แต่คนนั้นทำ ทำให้เรามาคิดอีกว่าถ้าเราพูดแบบนี้เขาก็หาว่าเราโยนความผิดให้คนอื่น หรือว่าเราแก้ตัว ต่อให้คนอื่นทำยังไงเราก็ต้องแก้  ​ฉะนั้นเราไม่เคยเลยที่จะพูดอธิบายว่าเราไม่ได้ทำ ปล่อยให้เขาว่าไป

      ​เริ่มแรก เริ่มงานมนุษย์ป้าคนนี้ดูใจดีน่าเชื่อถือมาก เขามาบอกเราว่าอยู่ให้ได้นะ นี่คือเริ่มงานแรกๆ เราก็คิดว่าเขาหวังดีกับเรา พอนานเข้า เจอคนมนุษย์ป้าคนนี้ ที่ปากไม่มีหูรูด พูดบ่น นินทา ว่าร้ายคนนั้นคนนี้ พูดลับหลังคนอื่น และต่อหน้าหัวหน้างานทำเป็นพูดดี เงียบกริบ เวลาหัวหน้าเขามาที่หน้างาน เรียบร้อยมาก ไม่รู้โตมายังไงคนแบบนี้ พอเขาไม่อยู่ ฉันโดนว่านู่นนี่นั่น ตอนแรกๆไม่เท่าไหร่เราเป็นคนคิดบวกมากๆ พอเจอทุกวันได้ยินทุกวัน คนนู้นคนนี้มาเล่าให้ฟังว่าพูดถึงเราแย่แค่ไหน และบางทีก็เหมือนพูดดังๆให้เราได้ยิน แล้วมันรู้สึกแย่ ในตำแหน่งงานเขาทำเรียบร้อยมากเพราะล้างจาน เวลาคนตรวจร้านมาตรวจก็ได้คะแนนเยอะ เราก็ไม่อะไรเพราะเขาทำงานดี พยายามปบ่อยผ่าน พยายามอย่างมากเลยนะ ไม่โกรธ อย่าๆๆๆโกรธๆๆๆ  เคยได้ยินประโยคนี้ไหม "อยู่กับคนแบบไหนก็กลายเป็นคนแบบนั้น" อันนี้เรื่องจริงมาก อยู่เป็นเดือนพอรู้นิสัย อยู่เป็นปีรู้สันดาน อยู่ต่อไปนานๆ เรากลายเป็นคนโกรธง่ายมากๆ ตาขวางใส่ มีต่อปากต่อคำบ้าง นิ่งขึ้นนิ่งมากเวลาอยู่ต่อหน้า คือเข้าใจไหมเวลาเราเจอคนที่เราเกลียดแล้วเลี่ยงไม่ได้ คือมันนิ่งอัตโนมัติ และไม่มีความรู้สึกใดๆกับคนนี้ เหมือนประมาณว่าเจอมาเยอะ โดนมาเยอะ แล้วสมองมันรู้สึกขยะแขยงคนแบบนี้อัตโนมัติไปเลย ไม่ค่อยอยากคุยด้วย คุยแค่เรื่องจำเป็น มาถามเราก็แค่ตอบตามที่จำเป็น อยู่ด้วยเหมือนเป็นใบโพลาร์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
กลายเป็นว่างานที่ทำมีความสุข แต่คนที่อยู่ด้วยไม่มีความสุข เรากลัวที่จะไปทำงาน แต่พอทำทวนตัวเองแล้วกลัวอะไรวะ ไปทำงานสิ พอนานๆวันเข้าเราไปทำงานสายเพราะมันเหนื่อยทั้งกายและใจ เราทบทวนความรู้สึกตัวเองตลอดทั้งตื้นและลึก จนพบว่าเราหมดใจกับงานที่นี่แล้วจนลาออก

  ย้อนกลับอีกที เริ่มแรกหน้างานก็ประมาณว่า เราอายุเยอะสุดในหน้างานแล้วเพราะลายๆคนมีอายุ 20++ แต่ละคนยังมีอีโก้ แบบคนนี้ทำคนนั้นไม่ทำ เราก็ไม่ทำประมาณนี้ กลัวเสียเปรียบ แต่เราไฟแรง ไม่เคยคิดว่าใครจะเอาเปรียบทำงานอย่างเดียวไม่สนใจผู้ใดจะคิดยังไง ยืนเรียกลูกค้าก็ทำ เสิร์ฟ กวาด ถู ทิ้งขยะ แล้วแต่ว่า หน้าหน้างานจะมอบหมาย หรือพวกเราคุยกันว่าใครทำอะไรตอนจะปิดร้าน เราทำหมดไม่เคยคิดถึงเรื่องเสียเปรียบ แรกเขาให้เราไปทิ้งขยะ พวกเขาก็อกวาดถู จริงๆมีเด็กคนหนึ่งที่ถูกมอบหมายให้ไปทิ้งขยะบ่อยๆ พอเรามาเราก็ไปทิ้งมันง่ายดีแค่ไปทิ้งไม่ต้องกวาดถูแต่เดินไกลแต่เราชอบเพราะได้ออกมาเจอร้านอื่นๆ คนอื่นๆ ทิ้งเสร็จก็กลับไม่ต้องทำอะไรต่อ พอเราไปทิ้งบ่อยๆ วันต่อๆไป อีกคนหนึ่งก็มาคุยกับเราว่า พี่วันนี้ไปทิ้งขยะนะ จะให้คนนั้นไปแต่มันไม่ไป เราก็โอเคร แล้วอีคนนั้นที่มันไม่ไป ก็มาแซะว่า ไปทิ้งแต่ขยะเหนาะ คนที่มาบอกเราก็ตอบว่าก็มึ_ ไม่ไปเขาก็ไปทิ้ง รึมึ_จะไป สรุปเขาก็ไม่ไป พอต่อๆไปเขาก็ไปทิ้งกันสองคน เรากับอีกคนก็พากันก็วาดถู เราก็คิดก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเดินกวาดเสร็จก็ได้นั่งพัก อีกคนก็ถู สรุปช่วงหลังๆเขาก็ไปทิ้งกันบ่อยขึ้น จากที่เกี่ยงกันไปทิ้งขยะมาตลอด

     พออยู่นานๆไปเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้น ทะเลาะกัน เกี่ยงกันทำงาน คนนี้ไม่พูดกับคนนั้น คนนั้นไม่พูดกับคนนี้ คนนั้นไม่ทำ คนนี้ทำ วุ่นวาย ปัญหาลูกค้าเจออยู่แล้วในแต่ละวันทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็มี
     จนเราได้มาเป็นหัวหน้างานเพราะคนเก่าลาออก ​ปัญหาเพิ่มขึ้นทวีคูณรอบด้าน ทั้งพนักงาน ปัญหาสุขภาพเราเริ่มแย่ เริ่มแพนิค ​ยิ่งลูกค้าด้วยคือแบบขอเดินออกจากร้าน ณ ตอนนั้นเลยได้ไหมอารมณ์ประมาณนี้ เราจะไม่เล่าปัญหาแบบเจาะลึกนะ ถ้าเป็นกราฟก็แบบเส้นจากลงแล้วขึ้นแล้วลงแล้วขึ้นๆๆๆลงๆๆๆๆๆ จบออก


​เอาจริงนะ เราชอบงานที่นี่มาก แค่แต่ละคนมอบหมายหน้าที่กันทำก็เสร็จแปบเดียว งานไม่หนักเลย ลูกค้าก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นในแต่ละวัน ด้วยความที่ว่าเราผ่านงานหนักกว่านี้มาเยอะ ทั้งแคชเชียร์ เสิร์ฟ ล้างจาน เก็บโต๊ะ เราไม่ได้ทำคนเดียวแต่ช่วงวุ่นๆคือต้องช่วยกันทั้งหมด ​ร้านใหญ่ลูกค้าเยอะ อาหารต้องเร็ว  กวาดถู ทำทุกอย่าง
แต่ปัญหาอยู่ที่คนล้วนๆ

ส่วนตัวเราเป็นคนที่ดวงซวย คือชีวิตเราซวยมาตลอด แต่เราคิดบวกแบบมากๆ เพราะเรารู้ตัวว่า ตัวเราเองเจออะไรมาบ้าง แบบไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันไหม แบบซวยขั้นสุดยอด โดยที่ไม่มีใครรู้และไม่เคยเล่าให้ใครฟังทั้งเพื่อนและคนรอบตัว ก็เลยทำตัวเองไม่เครียดต่อให้เจอปัญหาหนักจนน้ำตาไหล วันต่อมาปกติ ทำให้ตัวเองเครียดน้อยที่สุด คิดบวกมากที่สุด

จริงๆมันเยอะกว่านี้​ แค่นี้แหละขอแค่ได้ระบาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่