ผมลงรถไฟที่สถานีอาซาคุซะ นึก ๆ ดูวันนี้ผมไปกลับแถวนี้บ่อยจังแหะ ที่พักของผมจากตรงนี้ต้องเดินไปอีกสองกิโล ซึ่งมีเส้นทางที่ใกล้กว่าแต่ต้องเปลี่ยนรถไฟอีกต่อนึง ผมเลยเลือกที่จะเดินเอา
ฟ้ามืดเต็มที่แล้ว แสงไฟในเมืองค่อย ๆ เหลือน้อยลงระหว่างกำลังเดินเข้าเขตที่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ย่าน มินามิ-เซนจู เป็นย่านที่พักราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยว ญี่ปุ่นครั้งแรกของผมก็เลือกพักแถวนี้แต่ไม่ใช่ที่เดิมเพราะราคาขึ้นและมีที่ถูกกว่าอยู่
โรงแรมฟุคุเซน(Fukusen) เป็นที่พักของผมในคืนนี้และอีกห้าคืนที่เหลือ
ก่อนจะได้ที่พักที่นี่ ผมเคยจองไว้อีกที่หนึ่ง
แต่ภายหลังพบว่าโรงแรมนั้นไม่อนุญาตให้ออกจากที่พักก่อนเจ็ดโมงเช้า
สำหรับผม มันสายเกินไป — โดยเฉพาะเวลาจะเที่ยว (แค่เรื่องนี้แหละที่ตื่นเช้าได้)
สุดท้ายจึงต้องยกเลิก และมาควานหาที่พักใหม่หลังเหลือเวลาประมาณสี่เดือนก่อนไปแถมเป็นช่วงช่วงซากุระที่มีความต้องการสูง ทำให้ราคาที่พักพุ่งแบบฉุดไม่อยู่ ผมไล่หาโรงแรมผ่านการดูแผนที่ในกูเกิ้ลแมพ มีโรงแรมราคาดีอยู่หลายที่ แต่ที่ผมสะดุดให้กับโรงแรมนี้เพราะใกล้สถานีรถไฟที่สุดพ่วงด้วยราคาที่ถูกสุดในย่านด้วย
ถึงผมจะเป็นคนประหยัด แต่ใช่ว่าผมจะนอนที่ไหนยังไงก็ได้ โจทย์ของผมคือต้องสะอาด(ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย)ไม่นอนรวมและถ้านอนติดต่อกันหลายคืนต้องไม่ใช่โรงแรมแบบแคปซูลเนื่องจากไม่สามารถนำกระเป๋าเข้าในแคปซูลได้ ส่วนตัวผมไม่ชอบที่ต้องจัดเสื้อจัดกระเป๋านอกห้องเพราะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญที่จะต้องเดินเข้าเดินออกบ่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะเกะกะคนอื่นมั้ยถ้าทำบริเวณพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งโรงแรมฟุคุเซนเป็นโรงแรมแบบห้องพักเดี่ยว ถึงจะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ผมโอเคเรื่องห้องน้ำรวม ตัวห้องพักสำหรับนอนหนึ่งคนและสามารถนำกระเป๋าเข้ามาเก็บในห้องได้เลย
รีวิวในกูเกิ้ลและสารพัดเว็บจองโรมแรมที่เรารู้จักกันดีอย่างBooking หรือAgoda ต่างบอกว่าโรงแรมนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเลย แต่ปัญหาคือ ไม่มีวันว่างในวันที่ผมต้องการ... รู้สึกเหมือนงานจะหยาบ รู้ดีว่าที่พักช่วงซากุระเป็นที่หมายปองจากนักท่องเที่ยวมาก แต่ก็ดึงสติกลับมาและลองค้นหาวันว่างวันอื่นเล่น ๆ ปรากฏว่า เต็มทุกวัน แบบทุกวันจริง ๆ จะเดือนไหนวันไหนก็เต็มหมด รู้สึกแปลก ๆ ว่าอะไรที่จองกันเต็มทุกวันขนาดนี้
พอมาคิดใหม่ก็เป็นสัญญาณที่ดีเพราะไม่มีทางเลยที่โรงแรมที่ไม่ได้โด่งดังอะไรจะจองกันเต็มขนาดนี้และผมพอรู้มาว่าโรงแรมมักจะขึ้นว่าเต็มไว้ก่อนหากยังไม่เปิดให้จอง อาจแปลได้ว่าทางโรงแรมไม่เปิดให้จองทางเว็บจองโรงแรมทั่วไปหรือเปล่า ทำให้ผมนึกถึงเว็บของโรงแรมโดยตรงขึ้นมา ผมลองเข้าเว็บไซต์ของโรงแรมที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วน แต่ข้อดีของสมัยนี้คือสามารถแปลหน้าเว็บเป็นภาษาที่เราต้องการได้ทั้งเว็บและพอเข้าใจด้วย ในเว็บมีรายละเอียดห้องพัก ราคา ของอำนวยความสะดวก และเวลาที่สามารถออกจากโรงแรมได้ตั้งแต่ตีห้าซึ่งตรงตามที่ผมต้องการทุกอย่าง และที่สำคัญหน้าเว็บมีให้จองห้องด้วย! ผมใส่รายละเอียดข้อมูลของตัวเอง ชื่อ อีเมล พร้อมวันที่จะพัก แต่สิ่งที่ทำให้ต้องลุ้นคือไม่มีบอกว่าวันไหนว่างวันไหนเต็ม ผมเลยลองกดยืนยันการจองไปก่อนและต่อมาไม่นานก็ผมก็ได้รับอีเมลจากโรงแรม แน่นอนเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน ผมเอามาแปลแล้วได้ความประมาณว่าขอบคุณสำหรับการจองโรงแรม พร้อมรายละเอียดข้อมูลของตัวเองที่ผมใส่ไปตอนยืนยันการจองนั่นแหละ ผมอ่านแล้วพอเดาได้ว่านี่คงเป็นอีเมลตอบกลับอัตโนมัติและไม่มีระบุเลยว่าการจองของผมสำเร็จ ผมจึงตัดสินใจตอบกลับไปอีกครั้ง เขียนเป็นทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นที่แปลมาแล้วสอบถามว่า การจองของผมได้รับการยืนยันแล้วใช่ไหม จนหนึ่งสัปดาห์ต่อมา โรงแรมก็ตอบกลับมาในที่สุด... ผมเห็นกล่องข้อความใหม่จากทางโรงแรมเข้าพร้อมลุ้นเนื้อหาด้านในหลังรอมาหลายวัน เนื้อหาเป็นการขอชื่อ-นามสกุลของผมอีกครั้งเนื่องจากทางโรงแรมได้รับข้อมูลส่วนนี้เป็นอักษรสี่เหลี่ยม ผมส่งกลับไปพร้อมเขียนเชิงอ้อน ๆ เพิ่มเติมว่าได้โปรดให้ผมพักที่นี่เถิด ผมอยากพักที่นี่จริง ๆ
เกือบอีกสัปดาห์ถึงได้รับอีเมลใหม่จากทางโรงแรม คงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลุ้นเพราะเนื้อหาด้านในระบุชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผมได้ที่พักตามวันที่ต้องการ ผมโล่งอกทั้งตอนนั้นและตอนนี้ที่ได้มายืนอยู่หน้าโรงแรม การนอนที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ
ก้าวเท้าเข้าโรงแรม ผมยื่นพาสปอร์ตให้หลังคุณตาท่าทางใจดีกล่าวทักทาย ยืนรออยู่หน้าเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีกระจกกั้นอยู่ไม่นานคุณตายื่นเครื่องคิดเลขผ่านช่องว่างที่มีตัวเลข19,800 ถึงจะน้อยกว่าที่คำนวณไว้นิดหน่อยตอนจอง แต่ผมก็ยื่นแบงค์หมื่นไปสองใบพร้อมรับเงินทอนมา200เยน คุณตาอธิบายไปพลาง เดินนำผมชี้จุดต่าง ๆ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ตู้เย็นส่วนรวม — ซึ่งหากต้องแช่ของ ต้องแปะชื่อไว้ด้วย ระหว่างฟัง ผมก็แปลกใจที่คุณตาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมโรงแรมถึงไม่เปิดให้จองผ่านเว็บทั่วไป? นอกจากเว็บของโรงแรมโดยตรงทั้ง ๆ ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ ผมเดาในหัวไปเรื่อย ถ้ามองในแง่ที่ว่าโรงแรมอยากคัดกรองนักท่องเที่ยวหรือเปล่า ด้วยความที่ราคาถูกเลยอาจจะมีนักท่องเที่ยวมาพักมากเกินไปจนสร้างปัญหาให้กับโรงแรม ทำห้องสกปรกเกินจะทำความสะอาดได้ หรือจองไว้แต่วันจริงไม่มา เพราะการจองกับทางโรงแรมนี้ไม่มีการผูกบัตรหรือมัดจำใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงในเว็บจะบอกว่าถ้าไม่แจ้งยกเลิกจะหักเงิน100% แต่ผมก็นึกภาพไม่ออกว่าถ้าจองแล้วแต่ไม่ได้มาพักจริง ๆ ทางโรงแรมจะหักเงินยังไง หรือมองอีกแง่เว็บจองโรงแรมทั่วไปคิดค่าคอมมิชชั่น โรงแรมนี้เลยอยากให้ที่พักยังคงราคาเดิมไว้ รับลูกค้าต่างชาติได้ แต่เน้นรับคนญี่ปุ่น คงเป็นความสงสัยที่ผมคงไม่ได้หาคำตอบหรือทะลึ่งไปถามคุณตาตรง ๆ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรู้สึกโชคดีที่ได้พักที่นี่
ห้องแนวยาวสำหรับนอนหนึ่งคนที่สำหรับคนสูง180 อย่างผมนอนได้สบาย มีพื้นที่วางกระเป๋าที่เพียงพอสำหรับผม ที่แขวนเสื้อพร้อมชุดยูกาตะ ทีวีเล็ก ๆ และ ไดรเป่าผมที่คงไม่ได้ใช้ ห้องกว้างกว่าที่คิด สะอาดสะอ้าน ผมรู้สึกพอใจมากสำหรับราคานี้
ผมทิ้งกระเป๋าไปพร้อมกับร่างกายที่รู้สึกหนักอึ้งมาตลอดสองสามวันนี้ นอนแผ่ในห้องเล็ก ๆ ทันทีที่ไฟเปิดสว่างแต่แอร์ยังคงปิด ผมคิดว่าตลอดการพักที่นี่ผมคงไม่เปิดแอร์ อากาศช่วงเดือนฤดูใบไม้ผลิยังเย็นสบายโดยไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ส่วนภารกิจอีกอย่างที่ต้องทำก่อนจะเผลอหลับไป ผมฝืนพาร่างตัวเองให้ลุกออกไปอาบน้ำที่มาญี่ปุ่นทุกครั้งก็งงกับการปรับน้ำร้อนน้ำเย็น ผมแปรงฟันพลางรอให้น้ำอุ่นได้ที่ และเริ่มชโลมแชมพูลงหัวและสบู่เหลวทั่วร่างที่ไม่ได้สัมผัสน้ำมาสองคืน เกือบลืมความสดชื่นไปแล้วว่ามันเป็นยังไง
ฟูกที่ดูหนานุ่นน่านอนและเวลาที่พร้อมกับการหลับตาลง ผมกางออกและปูไปบนพื้นที่รองด้วยเสื่อก่อนจะลุกไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิท
เสียงรถไฟเบา ๆ ด้านนอก กลายเป็นเสียงกล่อมผมนอนได้ในคืนนี้
ตะกอนโตเกียว ตอนที่7 "พักผ่อน"
ฟ้ามืดเต็มที่แล้ว แสงไฟในเมืองค่อย ๆ เหลือน้อยลงระหว่างกำลังเดินเข้าเขตที่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ย่าน มินามิ-เซนจู เป็นย่านที่พักราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยว ญี่ปุ่นครั้งแรกของผมก็เลือกพักแถวนี้แต่ไม่ใช่ที่เดิมเพราะราคาขึ้นและมีที่ถูกกว่าอยู่
โรงแรมฟุคุเซน(Fukusen) เป็นที่พักของผมในคืนนี้และอีกห้าคืนที่เหลือ
ก่อนจะได้ที่พักที่นี่ ผมเคยจองไว้อีกที่หนึ่ง
แต่ภายหลังพบว่าโรงแรมนั้นไม่อนุญาตให้ออกจากที่พักก่อนเจ็ดโมงเช้า
สำหรับผม มันสายเกินไป — โดยเฉพาะเวลาจะเที่ยว (แค่เรื่องนี้แหละที่ตื่นเช้าได้)
สุดท้ายจึงต้องยกเลิก และมาควานหาที่พักใหม่หลังเหลือเวลาประมาณสี่เดือนก่อนไปแถมเป็นช่วงช่วงซากุระที่มีความต้องการสูง ทำให้ราคาที่พักพุ่งแบบฉุดไม่อยู่ ผมไล่หาโรงแรมผ่านการดูแผนที่ในกูเกิ้ลแมพ มีโรงแรมราคาดีอยู่หลายที่ แต่ที่ผมสะดุดให้กับโรงแรมนี้เพราะใกล้สถานีรถไฟที่สุดพ่วงด้วยราคาที่ถูกสุดในย่านด้วย
ถึงผมจะเป็นคนประหยัด แต่ใช่ว่าผมจะนอนที่ไหนยังไงก็ได้ โจทย์ของผมคือต้องสะอาด(ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย)ไม่นอนรวมและถ้านอนติดต่อกันหลายคืนต้องไม่ใช่โรงแรมแบบแคปซูลเนื่องจากไม่สามารถนำกระเป๋าเข้าในแคปซูลได้ ส่วนตัวผมไม่ชอบที่ต้องจัดเสื้อจัดกระเป๋านอกห้องเพราะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญที่จะต้องเดินเข้าเดินออกบ่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะเกะกะคนอื่นมั้ยถ้าทำบริเวณพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งโรงแรมฟุคุเซนเป็นโรงแรมแบบห้องพักเดี่ยว ถึงจะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ผมโอเคเรื่องห้องน้ำรวม ตัวห้องพักสำหรับนอนหนึ่งคนและสามารถนำกระเป๋าเข้ามาเก็บในห้องได้เลย
รีวิวในกูเกิ้ลและสารพัดเว็บจองโรมแรมที่เรารู้จักกันดีอย่างBooking หรือAgoda ต่างบอกว่าโรงแรมนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเลย แต่ปัญหาคือ ไม่มีวันว่างในวันที่ผมต้องการ... รู้สึกเหมือนงานจะหยาบ รู้ดีว่าที่พักช่วงซากุระเป็นที่หมายปองจากนักท่องเที่ยวมาก แต่ก็ดึงสติกลับมาและลองค้นหาวันว่างวันอื่นเล่น ๆ ปรากฏว่า เต็มทุกวัน แบบทุกวันจริง ๆ จะเดือนไหนวันไหนก็เต็มหมด รู้สึกแปลก ๆ ว่าอะไรที่จองกันเต็มทุกวันขนาดนี้
พอมาคิดใหม่ก็เป็นสัญญาณที่ดีเพราะไม่มีทางเลยที่โรงแรมที่ไม่ได้โด่งดังอะไรจะจองกันเต็มขนาดนี้และผมพอรู้มาว่าโรงแรมมักจะขึ้นว่าเต็มไว้ก่อนหากยังไม่เปิดให้จอง อาจแปลได้ว่าทางโรงแรมไม่เปิดให้จองทางเว็บจองโรงแรมทั่วไปหรือเปล่า ทำให้ผมนึกถึงเว็บของโรงแรมโดยตรงขึ้นมา ผมลองเข้าเว็บไซต์ของโรงแรมที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วน แต่ข้อดีของสมัยนี้คือสามารถแปลหน้าเว็บเป็นภาษาที่เราต้องการได้ทั้งเว็บและพอเข้าใจด้วย ในเว็บมีรายละเอียดห้องพัก ราคา ของอำนวยความสะดวก และเวลาที่สามารถออกจากโรงแรมได้ตั้งแต่ตีห้าซึ่งตรงตามที่ผมต้องการทุกอย่าง และที่สำคัญหน้าเว็บมีให้จองห้องด้วย! ผมใส่รายละเอียดข้อมูลของตัวเอง ชื่อ อีเมล พร้อมวันที่จะพัก แต่สิ่งที่ทำให้ต้องลุ้นคือไม่มีบอกว่าวันไหนว่างวันไหนเต็ม ผมเลยลองกดยืนยันการจองไปก่อนและต่อมาไม่นานก็ผมก็ได้รับอีเมลจากโรงแรม แน่นอนเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน ผมเอามาแปลแล้วได้ความประมาณว่าขอบคุณสำหรับการจองโรงแรม พร้อมรายละเอียดข้อมูลของตัวเองที่ผมใส่ไปตอนยืนยันการจองนั่นแหละ ผมอ่านแล้วพอเดาได้ว่านี่คงเป็นอีเมลตอบกลับอัตโนมัติและไม่มีระบุเลยว่าการจองของผมสำเร็จ ผมจึงตัดสินใจตอบกลับไปอีกครั้ง เขียนเป็นทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นที่แปลมาแล้วสอบถามว่า การจองของผมได้รับการยืนยันแล้วใช่ไหม จนหนึ่งสัปดาห์ต่อมา โรงแรมก็ตอบกลับมาในที่สุด... ผมเห็นกล่องข้อความใหม่จากทางโรงแรมเข้าพร้อมลุ้นเนื้อหาด้านในหลังรอมาหลายวัน เนื้อหาเป็นการขอชื่อ-นามสกุลของผมอีกครั้งเนื่องจากทางโรงแรมได้รับข้อมูลส่วนนี้เป็นอักษรสี่เหลี่ยม ผมส่งกลับไปพร้อมเขียนเชิงอ้อน ๆ เพิ่มเติมว่าได้โปรดให้ผมพักที่นี่เถิด ผมอยากพักที่นี่จริง ๆ
เกือบอีกสัปดาห์ถึงได้รับอีเมลใหม่จากทางโรงแรม คงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลุ้นเพราะเนื้อหาด้านในระบุชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผมได้ที่พักตามวันที่ต้องการ ผมโล่งอกทั้งตอนนั้นและตอนนี้ที่ได้มายืนอยู่หน้าโรงแรม การนอนที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ
ก้าวเท้าเข้าโรงแรม ผมยื่นพาสปอร์ตให้หลังคุณตาท่าทางใจดีกล่าวทักทาย ยืนรออยู่หน้าเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีกระจกกั้นอยู่ไม่นานคุณตายื่นเครื่องคิดเลขผ่านช่องว่างที่มีตัวเลข19,800 ถึงจะน้อยกว่าที่คำนวณไว้นิดหน่อยตอนจอง แต่ผมก็ยื่นแบงค์หมื่นไปสองใบพร้อมรับเงินทอนมา200เยน คุณตาอธิบายไปพลาง เดินนำผมชี้จุดต่าง ๆ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ตู้เย็นส่วนรวม — ซึ่งหากต้องแช่ของ ต้องแปะชื่อไว้ด้วย ระหว่างฟัง ผมก็แปลกใจที่คุณตาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมโรงแรมถึงไม่เปิดให้จองผ่านเว็บทั่วไป? นอกจากเว็บของโรงแรมโดยตรงทั้ง ๆ ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ ผมเดาในหัวไปเรื่อย ถ้ามองในแง่ที่ว่าโรงแรมอยากคัดกรองนักท่องเที่ยวหรือเปล่า ด้วยความที่ราคาถูกเลยอาจจะมีนักท่องเที่ยวมาพักมากเกินไปจนสร้างปัญหาให้กับโรงแรม ทำห้องสกปรกเกินจะทำความสะอาดได้ หรือจองไว้แต่วันจริงไม่มา เพราะการจองกับทางโรงแรมนี้ไม่มีการผูกบัตรหรือมัดจำใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงในเว็บจะบอกว่าถ้าไม่แจ้งยกเลิกจะหักเงิน100% แต่ผมก็นึกภาพไม่ออกว่าถ้าจองแล้วแต่ไม่ได้มาพักจริง ๆ ทางโรงแรมจะหักเงินยังไง หรือมองอีกแง่เว็บจองโรงแรมทั่วไปคิดค่าคอมมิชชั่น โรงแรมนี้เลยอยากให้ที่พักยังคงราคาเดิมไว้ รับลูกค้าต่างชาติได้ แต่เน้นรับคนญี่ปุ่น คงเป็นความสงสัยที่ผมคงไม่ได้หาคำตอบหรือทะลึ่งไปถามคุณตาตรง ๆ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรู้สึกโชคดีที่ได้พักที่นี่
ห้องแนวยาวสำหรับนอนหนึ่งคนที่สำหรับคนสูง180 อย่างผมนอนได้สบาย มีพื้นที่วางกระเป๋าที่เพียงพอสำหรับผม ที่แขวนเสื้อพร้อมชุดยูกาตะ ทีวีเล็ก ๆ และ ไดรเป่าผมที่คงไม่ได้ใช้ ห้องกว้างกว่าที่คิด สะอาดสะอ้าน ผมรู้สึกพอใจมากสำหรับราคานี้
ผมทิ้งกระเป๋าไปพร้อมกับร่างกายที่รู้สึกหนักอึ้งมาตลอดสองสามวันนี้ นอนแผ่ในห้องเล็ก ๆ ทันทีที่ไฟเปิดสว่างแต่แอร์ยังคงปิด ผมคิดว่าตลอดการพักที่นี่ผมคงไม่เปิดแอร์ อากาศช่วงเดือนฤดูใบไม้ผลิยังเย็นสบายโดยไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ส่วนภารกิจอีกอย่างที่ต้องทำก่อนจะเผลอหลับไป ผมฝืนพาร่างตัวเองให้ลุกออกไปอาบน้ำที่มาญี่ปุ่นทุกครั้งก็งงกับการปรับน้ำร้อนน้ำเย็น ผมแปรงฟันพลางรอให้น้ำอุ่นได้ที่ และเริ่มชโลมแชมพูลงหัวและสบู่เหลวทั่วร่างที่ไม่ได้สัมผัสน้ำมาสองคืน เกือบลืมความสดชื่นไปแล้วว่ามันเป็นยังไง
ฟูกที่ดูหนานุ่นน่านอนและเวลาที่พร้อมกับการหลับตาลง ผมกางออกและปูไปบนพื้นที่รองด้วยเสื่อก่อนจะลุกไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิท
เสียงรถไฟเบา ๆ ด้านนอก กลายเป็นเสียงกล่อมผมนอนได้ในคืนนี้