เพิ่งอ่านเล่ม L’ immoraliste จบ โห้เล่มนี้สุดยอด สุดยอดในแง่เป็นงานเขียนที่เป็นงานศิลปะขั้นสูง มีความสมมาตรระหว่างสองสิ่งได้อย่างลงตัว ไม่ใช่หนังสือที่แต่งอย่างสุกเอาเผากิน ผู้เขียนคิด วางแผน เสนอองค์ประกอบต่างๆ อย่างประณีตพิถีพิถัน
แต่สิ่งเหนืออื่นใด คือการส่งสาร และการสะท้อนสิ่งสำคัญ ที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้
ในมุมส่วนตัวมองว่า เล่มนี้เขียนถึงวิธีคิด ทัศนคติ ความเชื่อของคนทุศีลได้อย่างแจ่มชัดที่สุด ผลของการครองตนแบบเปลือกนอก ความเชื่อ ศรัทธาแบบตื้นเขิน มองความงามแค่ไม่เกินชั้นผิวหนังกำพร้า
ความสนุกของเล่มนี้คือเมื่อนำทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) มาวิเคราะห์ดู จะเผยอุปลักษณ์ที่ผู้เขียนใช้คือ Superego กับ Id ได้อย่างชัดเจนมาก ตัวแทนของตัวเอก ที่ครั้งหนึ่งเคยครองตนในครรลองของ Superego แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหนังชั้นกำพร้าหลุดลอกออกกลับเผย Id ที่เป็น Pleasure Principle อย่างดิบเถื่อนแทน ผมมองว่าผู้เขียนตั้งใจจะสื่อถึงสภาวะจิตใจของมนุษย์ทั่วไปว่าเป็นเช่นนี้แหละ มันพลิกผันได้ตลอดเวลา
หลังอ่านเล่มนี้จบ ผมนึกถึงหนังสืออีกเล่มคือ House of the sleeping beauties ของยาสึนาริ คาวาบาตะ เล่มนี้สื่อวิธีการ Self-control ได้สนใจครับ
ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล
มโนธรรมกลับด้าน L’immoraliste
แต่สิ่งเหนืออื่นใด คือการส่งสาร และการสะท้อนสิ่งสำคัญ ที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้
ในมุมส่วนตัวมองว่า เล่มนี้เขียนถึงวิธีคิด ทัศนคติ ความเชื่อของคนทุศีลได้อย่างแจ่มชัดที่สุด ผลของการครองตนแบบเปลือกนอก ความเชื่อ ศรัทธาแบบตื้นเขิน มองความงามแค่ไม่เกินชั้นผิวหนังกำพร้า
ความสนุกของเล่มนี้คือเมื่อนำทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) มาวิเคราะห์ดู จะเผยอุปลักษณ์ที่ผู้เขียนใช้คือ Superego กับ Id ได้อย่างชัดเจนมาก ตัวแทนของตัวเอก ที่ครั้งหนึ่งเคยครองตนในครรลองของ Superego แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหนังชั้นกำพร้าหลุดลอกออกกลับเผย Id ที่เป็น Pleasure Principle อย่างดิบเถื่อนแทน ผมมองว่าผู้เขียนตั้งใจจะสื่อถึงสภาวะจิตใจของมนุษย์ทั่วไปว่าเป็นเช่นนี้แหละ มันพลิกผันได้ตลอดเวลา
หลังอ่านเล่มนี้จบ ผมนึกถึงหนังสืออีกเล่มคือ House of the sleeping beauties ของยาสึนาริ คาวาบาตะ เล่มนี้สื่อวิธีการ Self-control ได้สนใจครับ
ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล