.

.

ฟาร์มไก่ไข่ภาคใต้เดือดร้อนหนัก ไข่ไก่จากมาเลเซียทะลัก แย่งตลาด 30% หวั่นไข้หวัดนกระบาด

.

1 มิถุนายน 2568 ที่ ร้านสภากาแฟช่องเขา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ นำโดยนายยศพงศ์ ถิรวุฒิ เลขานุการสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ พร้อมด้วยผู้ประกอบการจาก จ.สงขลา พัทลุง เข้าร้องเรียนต่อ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ถึงความเดือดร้อน จากกรณีที่มีขบวนการ ลักลอบนำเข้าไข่ไก่จากประเทศมาเลเซีย เข้ามาทางชายแดนด่านศุลกากรสะเดา ,ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา และ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งไข่ไก่ที่มีขบวนการลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย มีการส่งขายในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอื่นๆรวมถึงพื้นที่ภาคกลางของประเทศ ในราคาที่ถูกกว่าฟองละ 1 บาท หรือแผงละ 30 ฟอง ในราคา 70 บาท ถูกกว่าไข่ไก่ในประเทศไทย

.

โดยไข่ไก่ที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ได้แย่งตลาดของไข่ไก่ภาคใต้ไปแล้ว 30 % ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ในภาคใต้กว่า 10 ฟาร์ม ที่ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการของมาเลเซีย เพราะราคาต้นทุนในการเลี้ยงไก่ของมาเลเซียมีต้นค่าอาหารสัตว์ ค่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ถูกกว่าของไทยครึ่งหนึ่ง

.

สาเหตุที่ทำให้มีการลักลอบนำเข้าไข่ไก่จากมาเลเซีย เพราะไข่ไก่ล้นตลาด และประเทศสิงคโปร์ไม่รับซื้อเนื่องจากเกรงการระบาดของไข้หวัดนก รวมทั้งรัฐบาลมาเลเซียเลิกหนุนผู้เลี้ยงไข่ที่เป็นการประกันราคาในประเทศ ทำให้มีการส่งไข่ไก่เข้ามาทุ่มตลาดในภาคใต้ และภาคกลางของประเทศไทย

สำหรับไข่ไก่เป็นสินค้าควบคุมทางการเกษตร จึงไม่มีพิกัดภาษีศุลกากร ไม่อนุญาตให้นำเข้า จึงทำให้ขบวนการค้าไข่ไก่จากประเทศมาเลเซีย ลักลอบการนำเข้าทางรถยนต์และขบวนการกองทัพมด ที่ลำเลียงเข้ามาตามช่องทางแนวชายแดน ด่านศุลกากรสะเดา และ ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนที่จะมีขบวนการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่างๆ โดยมี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นศูนย์กลาง มีการเปิดร้านค้าใน อำเภอหาดใหญ่ มีการโฆษณาขายทางออนไลน์ และตลาดใหญ่ที่สุดอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นพื้นที่ไม่มีฟาร์มไข่ไก่

ที่ผ่านมาสมาคมฯเคยร้องเรียนไปยังผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งให้ทราบถึงปัญหาและความเดือดร้อนเพื่อขอความช่วยเหลือให้ ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์ รวมทั้งชุดปราบปรามของกระทรวงเกษตร แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีการจับกุม ทั้งกับขบวนการที่ใช้รถยนต์ในการนำเข้าทางด่านศุลกากร และ กองทัพมดในแนวชายแดน รวมทั้งร้านค้าปลีกค้าส่งในพื้นที่ก็ไม่มีการตรวจสอบ

.

ส่งผลให้ ผู้ประกอบการฟาร์มเลี่ยงไข่ไก่ เสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และ สิ่งที่เป็นเรื่องที่น่ากังวลคือ เชื้อไข้หวัดนกที่อาจจะติดมากับไข่ไก่จากประเทศมาเลเซีย และเข้ามาแพร่เชื้อในประเทศไทย ที่อาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการเลี้ยงไก่เนื้อ และการส่งออกเนื้อไก่ไปยังต่างประเทศที่ไทยเป็นผู้ส่งออกในอันดับต้นๆ  สมาคมฯ จึงขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการป้องกัน ก่อนที่ความเสียหายจะลุกลามไปมากกว่านี้

.

ในขณะที่นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวว่า จะได้นำความเดือดร้อนของผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ทั้งหมด ที่เป็นธุรกิจของประชาชน ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก ไปดำเนินการตามช่องทางของวุฒิสภา เพื่อให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประกอบการ รวมทั้งให้เร่งดำเนินการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งศุลกากร ปศุสัตว์ และ อื่นๆ ดำเนินการป้องกันการลักลอบ และการจับกุม ซึ่งเท่าที่ได้รับการฟ้องเรียนจากประชาชนทราบว่าไม่ได้มีเฉพาะการลักลอบนำเข้าไข่ไก่เพียงอย่างเดียว แต่มีการลักลอบนำเข้า ปลากะพง จากประเทศมาเลเซีย ผ่านทางด่านศุลกากรสะเดา โดยใช้รถบรรทุกห้องเย็น เข้ามาตีตลาดในภาคใต้ในราคาถูก สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เลี้ยงปลากะพงเป็นอย่างมาก รวมทั้งที่ จ.นราธิวาส ยังปล่อยให้มีการ ลักลอบนำเข้ามะพร้าวจากประเทศอินโดนีเซียโดยทางเรือ และขึ้นฝั่งที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก่อนลำเลียงโดยรถบรรทุกเข้าไปยังโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นผู้รับซื้อ เนื่องจากมะพร้าวในประเทศมีราคาแพง

.

ไชยยงค์ ยังกล่าวอีกว่าที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องไข้หวัดนก ที่อาจจะมาจากไข่ไก่จากมาเลเซีย หมายถึงหายนะครั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่รับผิดชอบเรื่องสินค้าการเกษตรและปศุสัตว์ ที่มีหน้าที่ในการตรวจโรค รวมทั้ง กระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแลกรมศุลกากร ที่วันนี้ยังเป็นหน่วยงานที่ “นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น” กับเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. สมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา จังหวัดสระแก้ว จับมือเครือข่ายชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ เตรียมยกระดับการเรียกร้องค่าชดเชยการตัดอ้อยสดเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ตันละ 120 บาท ที่รัฐบาลเคยรับปากไว้ หลังเรื่องเงียบหายไม่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี

.

นายมนตรี คำพล นายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา หรือสมาคมชาวไร่อ้อย จังหวัดสระแก้ว และประธานสถาบันชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย แถลงข่าวว่า ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการตามที่รับปากไว้ แม้ว่าเกษตรกรจะให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดจนสามารถลดการเผาอ้อยลงเหลือเพียง 14.5% ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย แต่กลับต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น

.

นายมนตรี กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เรียกร้องผ่านคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายให้รัฐบาลชดเชยตันละ 120 บาท คิดเป็นงบประมาณราว 7,000 ล้านบาท แต่เรื่องยังคงไม่ถูกนำเข้า ครม.

.

“เรารอมานานหลายเดือนแล้ว หากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในการนำเรื่องนี้เข้า ครม. ภายในต้นสัปดาห์หน้าคือวันที่ 10 มิ.ย.นี้ พวกเราจำเป็นต้องนำชาวไร่อ้อยกว่า 2,000 คน จากทั่วประเทศ เข้ากรุงเทพฯ เพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้อง” นายมนตรี กล่าว

.

ทั้งนี้ ตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อยจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 4 มิ.ย. ซึ่งตรงกับการประชุม ครม. หากมีสัญญาณที่ดีและรัฐบาลพร้อมเจรจาก็จะขอบคุณ แต่หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ การเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ วันที่ 10 มิ.ย. จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยคาดการณ์ว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้กว่า 2,000 – 3,600 คน

บีบีซี รายงานว่า วันที่ 2 มิถุนายน หน่วยงานความมั่นคงยูเครน ระบุว่า ได้โจมตีสนามบินของฐานทัพอากาศรัสเซียอย่างน้อย 4 แห่ง พร้อมทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิด มากกว่า 40 ลำ และถือเป็นการโจมตีที่อุกอาจต่อเครื่องบินของรัสเซียมากที่สุดครั้งหนึ่ง

.

แถลงการณ์ของหน่วยข่าวกรองยูเครน (เอสบียู) ระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ของศัตรูกำลังเผาไหม้วอดวายเป็นจำนวนมากในรัสเซีย ทั้งนี้ ยูเครนยังได้เดินหน้าปฏิบัติการพิเศษขนาดใหญ่เพื่อทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดของศัตรูซึ่งถูกโจมตีมากกว่า 40 ลำ

นอกจากนี้ ยังเผยแพร่คลิปวิดีโอชวนระทึก ซึ่งระบุว่า เป็นการโจมตีด้วยโดรนที่ฐานทัพอากาศเบลายาในแคว้นอีร์คุตสก์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไซบีเรีย โดยสามารถมองเห็นควันดำทะมึนจากการระเบิดได้อย่างชัดเจน

.

ขณะที่สื่อท้องถิ่นรัสเซีย รายงานว่า มีเครื่องบินลำอื่นๆ ถูกโจมตีที่ฐานทัพอากาศโอเลนยาใกล้กับเมืองมูร์มันสก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่าเมื่อค่ำวันที่ 31 พ.ค. มีโดรน 472 ลำ รวมถึงขีปนาวุธพิสัยไกลและขีปนาวุธร่อน 7 ลูกพุ่งเป้าโจมตียูเครนหลายครั้ง

นับเป็นการโจมตียูเครนด้วยโดรนในครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนระบุว่าสามารถทำลายเป้าหมายทางอากาศจากรัสเซียอย่างน้อย 385 เป้าหมาย ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่รัสเซียกับยูเครนจะเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพรอบต่อไปในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี

.

โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 มิ.ย. ว่า คณะผู้แทนจะเดินทางไปยังตุรกีโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อบรรลุ “การหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข” ขณะเดียวกัน สื่อรัสเซียรายงานว่า คณะผู้แทนรัสเซียเดินทางไปร่วมการเจรจาที่ตุรกีแล้ว

.