การรีเบรนด์ “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” เป็น “ธนาคารประชาชน”
เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางนโยบายที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านแนวคิดจากการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของชุมชน ไปสู่แนวทางประชานิยม
การกระตุ้นการบริโภคและการหมุนเวียนของเงินในระบบมากกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินแก่ประชาชน
ความเป็นมา:
ก่อน รัฐบาลประชานิยม
ยุทธศาสตร์ “เศรษฐกิจชุมชน” ของ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544)
ภายใต้แนวคิด “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” ส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์ วิสาหกิจชุมชน อุตสาหกรรมชุมชน และกลไกของชุมชนให้สามารถจัดการ “ทุน” ได้เองภายใต้หลักของ การพึ่งตนเอง และ การมีส่วนร่วม โดยเรียกว่า “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” หรือ “กองทุนชุมชน”
หลังปี 2544 เป็นต้นมา หรือ ตั้งแต่ประเทศไทยใช้ แนวทางประชานิยม ทั้งรัฐบาลพลเรือน และ รัฐบาลทหาร
รัฐบาล ประชานิยม ได้รีแบรนด์ “ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชน “ เป็น “ธนาคารประชาชน” โดยดำเนินการผ่าน ธนาคารของรัฐ คือ ธนาคารออมสิน เพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชน โดยลดเงื่อนไขในการกู้เงิน เพื่อให้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยไม่ให้ความรู้ เพิ่มเติม จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือน สูงสุดในอาเซี่ยน
ผลกระทบของการรีเบรนด์:
การลดบทบาทชุมชนในการบริหารทุน
เดิมทีชุมชนเป็นผู้กำหนดเกณฑ์การกู้ กลไกการตรวจสอบ และกระบวนการติดตามหนี้เอง แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นธนาคารประชาชน การควบคุมเหล่านี้กลับตกไปอยู่ในมือของรัฐ ซึ่งขาดความเข้าใจบริบทท้องถิ่นและมักเน้นการเร่งรัดการใช้จ่ายมากกว่าการประเมินศักยภาพของผู้กู้
การขาดการส่งเสริมวินัยทางการเงิน
ธนาคารประชาชนแม้จะมีเจตนาที่ดีในการเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงเงินทุน แต่ก็ไม่ได้มีกลไกส่งเสริมความรู้ทางการเงินหรือการออมอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเข้าสู่วงจรหนี้ซ้ำซ้อน
การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนในระยะยาว
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังปี 2544 โดยเฉพาะจากแหล่งสินเชื่อที่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้ หนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการลงทุน แต่ใช้เพื่อการบริโภคและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ข้อสรุป:
การรีเบรนด์ “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” เป็น “ธนาคารประชาชน” เป็นการเปลี่ยนจากแนวนโยบายพัฒนาแบบพึ่งตนเอง สู่การพึ่งพารัฐและเข้าสู่ระบบหนี้ภายใต้การควบคุมจากส่วนกลาง แม้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นในระยะสั้น แต่กลับสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหา หนี้ครัวเรือนเรื้อรัง การลดทอนอำนาจการจัดการตนเองของชุมชน และส่งผลให้ประเทศไทยหยุดพัฒนา หากไม่มีรัฐประหาร คนไทยบางส่วนอาจเข้าใจมากขึ้น ในปัจจุบัน 2568
การรีเบรนด์ “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” เป็น “ธนาคารประชาชน”
เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางนโยบายที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านแนวคิดจากการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของชุมชน ไปสู่แนวทางประชานิยม
การกระตุ้นการบริโภคและการหมุนเวียนของเงินในระบบมากกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินแก่ประชาชน
ความเป็นมา:
ก่อน รัฐบาลประชานิยม
ยุทธศาสตร์ “เศรษฐกิจชุมชน” ของ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540–2544)
ภายใต้แนวคิด “คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” ส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์ วิสาหกิจชุมชน อุตสาหกรรมชุมชน และกลไกของชุมชนให้สามารถจัดการ “ทุน” ได้เองภายใต้หลักของ การพึ่งตนเอง และ การมีส่วนร่วม โดยเรียกว่า “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” หรือ “กองทุนชุมชน”
หลังปี 2544 เป็นต้นมา หรือ ตั้งแต่ประเทศไทยใช้ แนวทางประชานิยม ทั้งรัฐบาลพลเรือน และ รัฐบาลทหาร
รัฐบาล ประชานิยม ได้รีแบรนด์ “ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชน “ เป็น “ธนาคารประชาชน” โดยดำเนินการผ่าน ธนาคารของรัฐ คือ ธนาคารออมสิน เพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชน โดยลดเงื่อนไขในการกู้เงิน เพื่อให้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยไม่ให้ความรู้ เพิ่มเติม จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือน สูงสุดในอาเซี่ยน
ผลกระทบของการรีเบรนด์:
การลดบทบาทชุมชนในการบริหารทุน
เดิมทีชุมชนเป็นผู้กำหนดเกณฑ์การกู้ กลไกการตรวจสอบ และกระบวนการติดตามหนี้เอง แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นธนาคารประชาชน การควบคุมเหล่านี้กลับตกไปอยู่ในมือของรัฐ ซึ่งขาดความเข้าใจบริบทท้องถิ่นและมักเน้นการเร่งรัดการใช้จ่ายมากกว่าการประเมินศักยภาพของผู้กู้
การขาดการส่งเสริมวินัยทางการเงิน
ธนาคารประชาชนแม้จะมีเจตนาที่ดีในการเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงเงินทุน แต่ก็ไม่ได้มีกลไกส่งเสริมความรู้ทางการเงินหรือการออมอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเข้าสู่วงจรหนี้ซ้ำซ้อน
การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนในระยะยาว
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังปี 2544 โดยเฉพาะจากแหล่งสินเชื่อที่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้ หนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการลงทุน แต่ใช้เพื่อการบริโภคและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ข้อสรุป:
การรีเบรนด์ “เงินกู้เศรษฐกิจชุมชน” เป็น “ธนาคารประชาชน” เป็นการเปลี่ยนจากแนวนโยบายพัฒนาแบบพึ่งตนเอง สู่การพึ่งพารัฐและเข้าสู่ระบบหนี้ภายใต้การควบคุมจากส่วนกลาง แม้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นในระยะสั้น แต่กลับสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหา หนี้ครัวเรือนเรื้อรัง การลดทอนอำนาจการจัดการตนเองของชุมชน และส่งผลให้ประเทศไทยหยุดพัฒนา หากไม่มีรัฐประหาร คนไทยบางส่วนอาจเข้าใจมากขึ้น ในปัจจุบัน 2568