นวัตกรรมสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ให้คำนิยามถึงประเทศที่มีจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ นับว่าประเทศนั้นได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete- Aging Society) ซึ่งประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน จากสถิติย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562-2564 พบว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ร้อยละ 14.83, 15.37 และ 15.82 ตามลำดับ (กรมอนามัย, 2561) ซึ่งปัจจุบันผู้สูงอายุในคนไทยมีจำนวน 11.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.50 (อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์, 2563) สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวคือการสร้างระบบการดูแลสุขภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันด้วยตนเอง ซึ่งส่งผลให้การดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะสมรรถภาพทางกายและจิตใจที่ลดลง (Srisorrachatr, 2562) การติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันหรือชะลอความเสื่อมของสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ โดยมีหัวหน้าโครงการวิจัยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช จึงมีแนวคิดเพื่อพัฒนาและประดิษฐ์านวัตกรรมสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearable Devices) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากสามารถติดตามข้อมูลการทำกิจกรรมทางกายด้วย ค่าดัชนีกิจกรรมส่วนบุคคล (Personal Activity Intelligence: PAI) และค่าประเมินระดับความมีชีวิตชีวา (Active Ageing Assessment Tool: AAT) สำหรับผู้สูงอายุโดยไม่กระทบต่อกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้และเป็นส่วนหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้วัดระดับสมรรถภาพทางกายและระดับความมีชีวิตชีวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังสมรรถภาพด้านสุขภาพและการรับรู้ความสามารถตนเอง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อประเมินผลผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน
กระบวนการประดิษฐ์งานวิจัยครั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช กล่าวว่า นี้ผ่านการรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามจากผู้สูงอายุภายในจังหวัดสงขลาจำนวน 300 คน โดยความร่วมมือจากโรงเรียนผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยศึกษาปัญหา พฤติกรรมและผู้ดูแลผู้สูงอายุโดยให้ความร่วมมือสวมใส่สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพเพื่อจัดเก็บข้อมูลสำหรับกระบวนการเรียนรู้ของเครื่อง จากจึงออกแบบและพัฒนาเป็นสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพโดยผ่านการประเมินประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญ
จากนั้นนำข้อมูลมาออกแบบและพัฒนาควบคู่กับแอปพลิเคชันสำหรับเชื่อมโยงสายรัดข้อมือผ่านการสแกนด้วยคิวอาร์โค๊ดเพื่อแสดงผลข้อมูลผู้สูงอายุ และข้อมูลของผู้ใกล้ชิดที่ดูแลผู้สูงอายุที่สามารถโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันได้หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด สามารถแสดงผลค่าดัชนีกิจกรรมส่วนบุคคล (PAI) ตลอดทั้งเดือนและสามารถประเมินระดับความมีชีวิตชีวา (Active Ageing Assessment Tool: AAT) สำหรับผู้สูงอายุเพื่อดูแลสุขภาพกายและสุขภาวะทางอารมณ์โดยแสดงผลเป็นลักษณะกราฟและแถบสีที่สามารถเข้าใจเข้าใจง่ายผ่านสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับสื่อสารข้อมูลเพื่อตอบสนองในเชิงรุกทั้งแก่ผู้รับสารและส่งสารทั้งสองฝ่ายได้อย่างถูกต้อง เป็นการส่งเสริมการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุเพื่อให้ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีสุขภาวะที่ดีต่อไป
ขอขอบคุณแหล่งสนับสนุนงานมูลฐาน กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (FF ปีงบประมาณ 2567) โรงเรียนผู้สูงอายุและ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ ที่คอยสนับสนุนให้คำแนะนำอันมีประโยชน์ยิ่ง
เหตุผลในการจัดทำงานวิจัย
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความต้องการในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้สูงอายุจำนวนมากเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรัง การหกล้ม และการเข้ารับการรักษาโดยไม่สามารถให้ข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในรูปแบบสายรัดข้อมือที่สามารถเก็บและแสดงข้อมูลสุขภาพกายและระดับความมีชีวิตชีวาสำหรับผู้สูงอายุได้อย่างปลอดภัย จึงมีศักยภาพในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับติดต่อญาติหรือผู้ดูแลในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ซึ่งงานวิจัยนี้นำเสนอต้นแบบสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพเฉพาะให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ทั้งในด้านภาษา รูปแบบการใช้งาน และประเภทข้อมูลสำคัญที่จำเป็น สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะกลุ่ม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอย่างเป็นรูปธรรม
วัตถุประสงค์ของงานวิจัย
1. เพื่อออกแบบและพัฒนาต้นแบบสายรัดข้อมือที่สามารถเก็บและแสดงข้อมูลสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
2. เพื่อศึกษาความเหมาะสมด้านการใช้งาน ความสะดวก และความปลอดภัยของสายรัดข้อมือที่พัฒนาขึ้น
เป้าหมายของงานวิจัย
ได้ต้นแบบสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ทั้งในด้านการออกแบบ การใช้งาน และประเภทข้อมูล
ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงและใช้งานอุปกรณ์ได้ด้วยตนเองหรือภายใต้การดูแลของผู้ช่วย
เป็นต้นแบบสำหรับการต่อยอดเชิงพาณิชย์หรือการพัฒนาอุปกรณ์สาธารณสุขในอนาคต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช
สาขาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ
โทรศัพท์ 086-7617851 Email aroonrak.t@rmutsv.ac.th
นวัตกรรมสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ทางออกของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ให้คำนิยามถึงประเทศที่มีจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ นับว่าประเทศนั้นได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete- Aging Society) ซึ่งประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน จากสถิติย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562-2564 พบว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ร้อยละ 14.83, 15.37 และ 15.82 ตามลำดับ (กรมอนามัย, 2561) ซึ่งปัจจุบันผู้สูงอายุในคนไทยมีจำนวน 11.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.50 (อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์, 2563) สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวคือการสร้างระบบการดูแลสุขภาพเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันด้วยตนเอง ซึ่งส่งผลให้การดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะสมรรถภาพทางกายและจิตใจที่ลดลง (Srisorrachatr, 2562) การติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันหรือชะลอความเสื่อมของสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ โดยมีหัวหน้าโครงการวิจัยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช จึงมีแนวคิดเพื่อพัฒนาและประดิษฐ์านวัตกรรมสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearable Devices) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากสามารถติดตามข้อมูลการทำกิจกรรมทางกายด้วย ค่าดัชนีกิจกรรมส่วนบุคคล (Personal Activity Intelligence: PAI) และค่าประเมินระดับความมีชีวิตชีวา (Active Ageing Assessment Tool: AAT) สำหรับผู้สูงอายุโดยไม่กระทบต่อกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้และเป็นส่วนหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้วัดระดับสมรรถภาพทางกายและระดับความมีชีวิตชีวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังสมรรถภาพด้านสุขภาพและการรับรู้ความสามารถตนเอง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อประเมินผลผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน
กระบวนการประดิษฐ์งานวิจัยครั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช กล่าวว่า นี้ผ่านการรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามจากผู้สูงอายุภายในจังหวัดสงขลาจำนวน 300 คน โดยความร่วมมือจากโรงเรียนผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยศึกษาปัญหา พฤติกรรมและผู้ดูแลผู้สูงอายุโดยให้ความร่วมมือสวมใส่สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพเพื่อจัดเก็บข้อมูลสำหรับกระบวนการเรียนรู้ของเครื่อง จากจึงออกแบบและพัฒนาเป็นสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพโดยผ่านการประเมินประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญ
จากนั้นนำข้อมูลมาออกแบบและพัฒนาควบคู่กับแอปพลิเคชันสำหรับเชื่อมโยงสายรัดข้อมือผ่านการสแกนด้วยคิวอาร์โค๊ดเพื่อแสดงผลข้อมูลผู้สูงอายุ และข้อมูลของผู้ใกล้ชิดที่ดูแลผู้สูงอายุที่สามารถโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชันได้หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด สามารถแสดงผลค่าดัชนีกิจกรรมส่วนบุคคล (PAI) ตลอดทั้งเดือนและสามารถประเมินระดับความมีชีวิตชีวา (Active Ageing Assessment Tool: AAT) สำหรับผู้สูงอายุเพื่อดูแลสุขภาพกายและสุขภาวะทางอารมณ์โดยแสดงผลเป็นลักษณะกราฟและแถบสีที่สามารถเข้าใจเข้าใจง่ายผ่านสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพสำหรับสื่อสารข้อมูลเพื่อตอบสนองในเชิงรุกทั้งแก่ผู้รับสารและส่งสารทั้งสองฝ่ายได้อย่างถูกต้อง เป็นการส่งเสริมการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุเพื่อให้ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีสุขภาวะที่ดีต่อไป
ขอขอบคุณแหล่งสนับสนุนงานมูลฐาน กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (FF ปีงบประมาณ 2567) โรงเรียนผู้สูงอายุและ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ ที่คอยสนับสนุนให้คำแนะนำอันมีประโยชน์ยิ่ง
เหตุผลในการจัดทำงานวิจัย
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทำให้ความต้องการในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้สูงอายุจำนวนมากเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรัง การหกล้ม และการเข้ารับการรักษาโดยไม่สามารถให้ข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในรูปแบบสายรัดข้อมือที่สามารถเก็บและแสดงข้อมูลสุขภาพกายและระดับความมีชีวิตชีวาสำหรับผู้สูงอายุได้อย่างปลอดภัย จึงมีศักยภาพในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับติดต่อญาติหรือผู้ดูแลในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน ซึ่งงานวิจัยนี้นำเสนอต้นแบบสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพเฉพาะให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ทั้งในด้านภาษา รูปแบบการใช้งาน และประเภทข้อมูลสำคัญที่จำเป็น สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะกลุ่ม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอย่างเป็นรูปธรรม
วัตถุประสงค์ของงานวิจัย
1. เพื่อออกแบบและพัฒนาต้นแบบสายรัดข้อมือที่สามารถเก็บและแสดงข้อมูลสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
2. เพื่อศึกษาความเหมาะสมด้านการใช้งาน ความสะดวก และความปลอดภัยของสายรัดข้อมือที่พัฒนาขึ้น
เป้าหมายของงานวิจัย
ได้ต้นแบบสายรัดข้อมือข้อมูลสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย ทั้งในด้านการออกแบบ การใช้งาน และประเภทข้อมูล
ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงและใช้งานอุปกรณ์ได้ด้วยตนเองหรือภายใต้การดูแลของผู้ช่วย
เป็นต้นแบบสำหรับการต่อยอดเชิงพาณิชย์หรือการพัฒนาอุปกรณ์สาธารณสุขในอนาคต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณรักษ์ ตันพานิช
สาขาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ
โทรศัพท์ 086-7617851 Email aroonrak.t@rmutsv.ac.th