สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกอาจจะเล่าติดขัดหน่อยนะคะ
เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา อายุ27 ที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะใช้ชีวิตและเรียนต่อที่ต่างประเทศ เราเซ็ตเป้าหมายและเตรียมความพร้อมตั้งแต่ทำงานหลังเรียนจบว่าจะต้องเก็บเงินไปเรียนต่อก่อนจะอายุ 30 ให้ได้ ซึ่งก็แพลนว่าคงจะไปประเทศอังกฤษ เพราะถ้าเป็นสายที่เราเรียนประเทศนี้ค่าเทอมถูกสุด ส่วนเหตุผลที่เราอยากไปเรียนต่อหลักๆ ก็คือ อยากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ+พัฒนาภาษา และยังได้ใบปริญญามาด้วย
พื้นฐานครอบครัวเราไม่ใช่คนมีฐานะ พ่อเราเสียตั้งแต่เราอยู่ป.1 ก็จะมีแม่คนเดียวที่คอยเลี้ยงแล้วก็ดูแลเรากับพี่จนเรียนจบ แต่แม่เราเป็นคนที่เห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงแม้บ้านเราจะไม่ได้มีเงินมากมายแต่ไม่ว่าเราจะอยากเรียนพิเศษอะไร มากแค่ไหนแค่เราขอแม่ก็จะทุ่มให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะต้องทำงานหนัก หรือไปกู้มาให้เราเรียนก็ตาม (ไม่เคยรู้ว่าแม่ไปกู้มาให้เรียนจนเรียนจบ) แม่เราพยายาม provide ทุกอย่างเท่าที่เค้าจะสามารถหาให้ได้แล้ว จนเค้าไม่มีสมบัติหรือเงินเก็บอะไรให้ตัวเองเลย และช่วงที่เราเรียนจบก็เป็นช่วงที่แม่เราเกษียณอายุพอดี (แม่เราเป็นครูอัตราจ้างเลยไม่ได้มีเงินบำนาญเหมือนข้าราชการ) ทำให้เค้าไม่ได้มีโอกาสในการเก็บเงินหรือหาเงินเพื่อตัวเองเลย
พอเราเรียนจบและหางานทำได้ เราก็ส่งเงินให้แม่เดือนละ 5000 บาทละก็เพิ่มตามจำนวนปีที่เราได้ปรับเงินเดือน ปัจจุบันก็จะให้ค่าอาหาร + ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าหาหมอ ตกรวมๆประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน แต่ทั้งนี้เงินเดือนปัจจุบันเราอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับเงินที่เราให้แม่ อาจจะเปอร์เซ็นไม่เยอะ แต่อย่างที่เราบอกว่าเราต้องการเก็บเงินไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งถ้าจะทำให้ถึงเป้านั้น เราต้องเก็บอย่าฃน้อยเดือนละ 40,000 บาท เราก็จะเหลือค่ากิน ค่าเช่าคอนโด ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 10,000 บาท
เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาจนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ เราได้รับสายจากแม่โทรมาบอกว่าเจ้าของบ้านเช่าจะขายบ้านที่แม่เราอยู่ ขอให้แม่ย้ายออก ทำให้ตอนนี้=แม่เราจะไม่มีที่อยู่ และเราก็จะให้แม่มาอยู่ด้วยก็ไม่สะดวก เพราะคอนโดที่อยู่ตอนนี้ก็เล็ก และไม่วามารถอยู่ได้สองคนจริงๆ แม่เราพูดเสมอตั้งแต่เรียนจบว่า ทำงานแล้วก็ซื้อบ้าน ซื้อรถให้แม่ไหม เราจะได้อยู่กันแบบสบายๆ ซึ่งเราก้แพลนไว้ว่าหลังจากไปเรียนป โท กลับมา เราจะซื้อบ้าน แต่พอตอนนี้สถานการณ์มันกดดันให้เราต้องรีบซื้อ มันก็จะกระทบแพลนที่เราวางไว้ เพราะถ้าผ่อนบ้านเราก็คงไปเรียนต่อไม่ได้แล้ว เพราะต่อให้เราเก็บเงินถึงเป้าแต่ช่วงที่เราไปเรียนและไม่มีรายได้ ก็จะไม่มีใครผ่อน เราแอบเสียใจ เสียดายและก้คิดหนักจริงๆ เพราะก็เป็นความฝันเราตั้งแต่เด็ก แต่เราก้จะทิ้งแม่ไม่ได้เพราะเค้าก้ไม่มีที่พึ่งอื่นแล้วนอกจากเรา ใจนึงเราก็คิดว่าทำไมเราต้องมารับภาระ ความกดดันและความคาดหวังแบบนี้จากแม่ ทำไมแม่ไม่วางแผนการเงินให้ดี แต่อีกใจเราก็รู้สึกผิดว่าทำไมเราถึงคิดว่สแม่เป็นภาระ ทั้งๆที่สิ่งที่แม่ทำก้เพื่อเรากับพี่
เราเลยอยากขอกำลังใจ หรือคำแนะนำว่าทำยังไงให้เลิกคิดแบบนี้สักที หรือใครมีคำแนะนำ หรือมีวิธีแก้ปัญหาอะไรก็ได้เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ตอนนี้ไปสักมี
ปล. คนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรากับแม่ไม่อยู่ด้วยกัน ตอนนี้เราทำงานที่กรุงเทพ ส่วนแม่เราอยู่ต่างจังหวัด
ปล.2 เรามีพี่ชาย แต่จอนนี้พี่เราก้มีภาระที่ต้องผ่อนคอนโด ต่อให้เราไม่อยู่ แต่เราคิดว่าพี่เราคงผ่อนสองที่ไม่ไหว คนที่ต้องผ่อนหลักๆ คงต้องเป็นเรา
ขอระบายปัญหาชีวิต เมื่อเราต้องเลือกระหว่างความฝันกับหน้าที่
เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา อายุ27 ที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะใช้ชีวิตและเรียนต่อที่ต่างประเทศ เราเซ็ตเป้าหมายและเตรียมความพร้อมตั้งแต่ทำงานหลังเรียนจบว่าจะต้องเก็บเงินไปเรียนต่อก่อนจะอายุ 30 ให้ได้ ซึ่งก็แพลนว่าคงจะไปประเทศอังกฤษ เพราะถ้าเป็นสายที่เราเรียนประเทศนี้ค่าเทอมถูกสุด ส่วนเหตุผลที่เราอยากไปเรียนต่อหลักๆ ก็คือ อยากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ+พัฒนาภาษา และยังได้ใบปริญญามาด้วย
พื้นฐานครอบครัวเราไม่ใช่คนมีฐานะ พ่อเราเสียตั้งแต่เราอยู่ป.1 ก็จะมีแม่คนเดียวที่คอยเลี้ยงแล้วก็ดูแลเรากับพี่จนเรียนจบ แต่แม่เราเป็นคนที่เห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงแม้บ้านเราจะไม่ได้มีเงินมากมายแต่ไม่ว่าเราจะอยากเรียนพิเศษอะไร มากแค่ไหนแค่เราขอแม่ก็จะทุ่มให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะต้องทำงานหนัก หรือไปกู้มาให้เราเรียนก็ตาม (ไม่เคยรู้ว่าแม่ไปกู้มาให้เรียนจนเรียนจบ) แม่เราพยายาม provide ทุกอย่างเท่าที่เค้าจะสามารถหาให้ได้แล้ว จนเค้าไม่มีสมบัติหรือเงินเก็บอะไรให้ตัวเองเลย และช่วงที่เราเรียนจบก็เป็นช่วงที่แม่เราเกษียณอายุพอดี (แม่เราเป็นครูอัตราจ้างเลยไม่ได้มีเงินบำนาญเหมือนข้าราชการ) ทำให้เค้าไม่ได้มีโอกาสในการเก็บเงินหรือหาเงินเพื่อตัวเองเลย
พอเราเรียนจบและหางานทำได้ เราก็ส่งเงินให้แม่เดือนละ 5000 บาทละก็เพิ่มตามจำนวนปีที่เราได้ปรับเงินเดือน ปัจจุบันก็จะให้ค่าอาหาร + ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าหาหมอ ตกรวมๆประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน แต่ทั้งนี้เงินเดือนปัจจุบันเราอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับเงินที่เราให้แม่ อาจจะเปอร์เซ็นไม่เยอะ แต่อย่างที่เราบอกว่าเราต้องการเก็บเงินไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งถ้าจะทำให้ถึงเป้านั้น เราต้องเก็บอย่าฃน้อยเดือนละ 40,000 บาท เราก็จะเหลือค่ากิน ค่าเช่าคอนโด ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 10,000 บาท
เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาจนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ เราได้รับสายจากแม่โทรมาบอกว่าเจ้าของบ้านเช่าจะขายบ้านที่แม่เราอยู่ ขอให้แม่ย้ายออก ทำให้ตอนนี้=แม่เราจะไม่มีที่อยู่ และเราก็จะให้แม่มาอยู่ด้วยก็ไม่สะดวก เพราะคอนโดที่อยู่ตอนนี้ก็เล็ก และไม่วามารถอยู่ได้สองคนจริงๆ แม่เราพูดเสมอตั้งแต่เรียนจบว่า ทำงานแล้วก็ซื้อบ้าน ซื้อรถให้แม่ไหม เราจะได้อยู่กันแบบสบายๆ ซึ่งเราก้แพลนไว้ว่าหลังจากไปเรียนป โท กลับมา เราจะซื้อบ้าน แต่พอตอนนี้สถานการณ์มันกดดันให้เราต้องรีบซื้อ มันก็จะกระทบแพลนที่เราวางไว้ เพราะถ้าผ่อนบ้านเราก็คงไปเรียนต่อไม่ได้แล้ว เพราะต่อให้เราเก็บเงินถึงเป้าแต่ช่วงที่เราไปเรียนและไม่มีรายได้ ก็จะไม่มีใครผ่อน เราแอบเสียใจ เสียดายและก้คิดหนักจริงๆ เพราะก็เป็นความฝันเราตั้งแต่เด็ก แต่เราก้จะทิ้งแม่ไม่ได้เพราะเค้าก้ไม่มีที่พึ่งอื่นแล้วนอกจากเรา ใจนึงเราก็คิดว่าทำไมเราต้องมารับภาระ ความกดดันและความคาดหวังแบบนี้จากแม่ ทำไมแม่ไม่วางแผนการเงินให้ดี แต่อีกใจเราก็รู้สึกผิดว่าทำไมเราถึงคิดว่สแม่เป็นภาระ ทั้งๆที่สิ่งที่แม่ทำก้เพื่อเรากับพี่
เราเลยอยากขอกำลังใจ หรือคำแนะนำว่าทำยังไงให้เลิกคิดแบบนี้สักที หรือใครมีคำแนะนำ หรือมีวิธีแก้ปัญหาอะไรก็ได้เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ตอนนี้ไปสักมี
ปล. คนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรากับแม่ไม่อยู่ด้วยกัน ตอนนี้เราทำงานที่กรุงเทพ ส่วนแม่เราอยู่ต่างจังหวัด
ปล.2 เรามีพี่ชาย แต่จอนนี้พี่เราก้มีภาระที่ต้องผ่อนคอนโด ต่อให้เราไม่อยู่ แต่เราคิดว่าพี่เราคงผ่อนสองที่ไม่ไหว คนที่ต้องผ่อนหลักๆ คงต้องเป็นเรา