‘ระบบสุขภาพจิต’ วันนี้..ไทยทำไม่ถึง?

มุมสะท้อนมูเตลูฮิต ‘ระบบสุขภาพจิต’ วันนี้..ไทยทำไม่ถึง?

“คนไทยยังพึ่งพาช่องทางอื่นในการจัดการปัญหาสุขภาพจิต เช่น การปรึกษาหมอดู การมูเตลู หรือแม้แต่การพึ่งพาไสยศาสตร์” นี่เป็นบางส่วนจากบทวิเคราะห์ที่ระบุไว้ใน “รายงานวิจัยสุขภาพจิตคนไทยปี 2568” ที่สะท้อน “สถานการณ์สุขภาพจิตคนไทย” ในปีที่ผ่านมา...
รายงานวิจัยสุขภาพจิตคนไทยดังกล่าวจัดทำโดย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โดยข้อมูลในรายงานวิจัยล่าสุดในมุมหนึ่งนั้นก็ดูจะสะท้อนว่า…การที่ “ปรากฏการณ์ฮิตมูฯ” ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยนั้น อาจจะมีสาเหตุจาก “ปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านจิตเวช” ของประเทศไทย…

ในไทย “บุคลากรด้านจิตเวชยังขาด”

ขณะที่ “จำนวนผู้ป่วยจิตเพิ่มเรื่อย ๆ”

นี่อาจทำให้ “บางส่วนหันไปพึ่งมูเตลู”

ทั้งนี้ ในรายงานวิจัยสุขภาพจิตคนไทยฉบับล่าสุดที่ทาง สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำขึ้น ได้ชี้ถึง “ความสำคัญของสุขภาพจิต” ไว้ว่า… สุขภาพจิตเป็น หนึ่งในองค์ประกอบที่ “กำหนดคุณภาพชีวิต กับความสุข” ของประชากร และจากความสำคัญดังกล่าวนี้ทำให้ทีมวิจัยจึงสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชากรคนไทย ซึ่งพบว่า… คนไทยเกือบ 1 ใน 3 มีความรอบรู้สุขภาพจิต (mental health literacy) ในระดับมากที่สุด ซึ่งความรอบรู้สุขภาพจิตหมายถึงการ มีความสามารถเข้าใจ ตีความ และใช้ข้อมูลสุขภาพจิตดูแลตนเองหรือคนรอบข้างได้เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แม้คนไทยเกือบ 1 ใน 3 จะมีความรอบรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตในระดับที่ดีมาก หากแต่ก็ยังมีเรื่องน่าตกใจ…เพราะ ยังมีคนไทยเกือบครึ่งที่ไม่ทราบเกี่ยวกับระบบบริการการคัดกรองสุขภาพจิต ทำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพจิต และที่ น่าตกใจยิ่งขึ้นคือ…เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากลและค่าเฉลี่ยโลก พบว่า…บุคลากรสุขภาพจิตของไทยยังคงมีจำนวนจำกัดที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยทำให้ “คนไทยเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพจิต”

“ปี 2567 มีผู้ป่วยจิตเวชที่เป็นผู้ป่วยนอกเข้ารับบริการถึง 4.4 ล้านคน แต่ลึก ๆ แล้วจำนวนผู้มีปัญหาสุขภาพจิตอาจจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากยังพบปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการด้านนี้ที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ”…ในรายงานวิจัยได้สะท้อนถึงปัญหาไว้ ซึ่งถือเป็น “ความท้าทายของประเทศไทย” ว่า…จะจัดการและรับมือปัญหานี้อย่างไร?


ในรายงานฉบับดังกล่าวยังระบุไว้อีกว่า… จากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์ระดับโลก ทำให้คนไทยกำลังเผชิญกับผลกระทบเชิงลึกทางด้านสุขภาพจิต โดยจากผลการสำรวจพบว่า… มีคนไทย 13.4 ล้านคนเคยประสบปัญหาสุขภาพจิต หรือป่วยด้วยโรคจิตเวช โดยที่ “ประชากรอายุ 15-29 ปี” เป็น “กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุด”…นี่เป็นสถานการณ์สำคัญด้านสุขภาพจิตของไทย

ไทยมีผู้มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น…

แต่มีบุคลากรไม่พอรองรับได้ทั้งหมด

ปัญหาการขาดบุคลากรจิตเวชของไทยรุนแรงแค่ไหน? ก็สะท้อนได้จากตัวเลขสำคัญที่มีการรายงานไว้ โดยในส่วน จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น…ทั่วประเทศมี 295 คนเท่านั้น ซึ่งกรุงเทพฯ มีมากสุด คือ 111 คน ขณะที่ใน 15 จังหวัด คือ กระบี่, กาญจนบุรี, กำแพงเพชร, ตาก, ปราจีนบุรี, พัทลุง, เพชรบุรี, แม่ฮ่องสอน, ลพบุรี, ลำพูน, สระแก้ว, สุโขทัย, อ่างทอง, อุตรดิตถ์, อุทัยธานี มีเพียงแค่ 1 คน และในอีก 18 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยนาท, ชัยภูมิ, ตราด, บึงกาฬ, ปัตตานี, พังงา, เพชรบูรณ์, แพร่, มุกดาหาร, ยโสธร, ระนอง, เลย, ศรีสะเกษ, สตูล, สิงห์บุรี, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ…

ไม่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นประจำการ

จากปัญหา “ขาดแคลนบุคลากรจิตเวช–เข้าไม่ถึงบริการทางด้านสุขภาพจิต” ทางทีมผู้จัดทำรายงานวิจัยฉบับนี้ก็มีการวิเคราะห์ว่า…จากสาเหตุเหล่านี้ อาจจะเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ “ทำให้คนไทยเลือกพึ่งพาช่องทางอื่นในการจัดการปัญหาสุขภาพจิต” ซึ่งสะท้อนถึง “วัฒนธรรมการดูแลจิตใจแบบดั้งเดิม” ของสังคมไทย และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า…การไปพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์บางครั้งดูเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องน่าอายของหลาย ๆ คน ทำให้หลาย ๆ คนจึงเลือกช่องทางอื่น ๆ ในการบรรเทาและจัดการปัญหาสุขภาพจิต เช่น ปรึกษาหมอดู พึ่งไสยศาสตร์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนกระแส“มูเตลู”ฮิต

คนไทย “ใช้จัดการปัญหาสุขภาพจิต”

ทั้งนี้ ในรายงานวิจัยสุขภาพจิตยังได้ระบุไว้ด้วยว่า… การมูเตลู การเสริมดวงชะตา หรือการปรึกษาหมอดู กับคนรุ่นใหม่ก็กำลังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้เพื่อจัดการความเครียดและความวิตกกังวล ถึงแม้จะไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่ก็มีประโยชน์เชิงอารมณ์เพื่อช่วยให้บรรเทาได้ชั่วคราว ทำให้ช่องทางต่าง ๆ เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็น “เครื่องมือเบื้องต้น” ในการ “บรรเทาทุกข์ทางใจ” อย่างไรก็ตาม แต่กระแสนี้ก็ สะท้อนถึง “ปัญหาระบบบริการสุขภาพจิต” ที่ยังไม่สามารถรองรับประชากรทุกกลุ่ม–ทุกคน ดังนั้น การพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตของประเทศยังเป็นสิ่งจำเป็น…

สรุปคือ…“ใครหวังพึ่งมูเตลูก็ว่ากันไป”

ไทย “ยังต้องพัฒนาบริการสุขภาพจิต”

ต้อง “ให้คนไทยเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง”.

... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/4755222/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่