มาคุยเรื่องงบการเงิน และสถานกาณ์ของค่าย YG สักหน่อย ว่าทำไมต้องทำ GG BG วงใหม่เพิ่มเติม

อย่างที่รู้กันว่าหยางออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า YG กำลังวางแผนเพิ่มศิลปินให้กับค่าย  หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเดบิ้ววงใหม่ล่าสุดอย่าง Babymonster ไป  ซึ่งเดบิ้วไม่ถึงปี ก็คืนทุนได้แล้ว และกำลังเก็บเกี่ยวกำไรเข้าบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง  และมีส่วนอย่างมากที่ทำให้งบของ YG เติบโตขึ้นมาอย่างมากมาย  

ในช่วง Q4/2024  กำไร 2025B  +378.13%  และ Q1/2025 กำไรเพิ่มขึ้น 5.18B  +1375.57% เมื่อเทียบกันแบบไตรมาศต่อไตรมาศ  (Q/Q)  ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่ Babymonster เริ่มทำกิจกรรมหลังออกอัลบั้มเต็มในช่วงปลายปีนั่นเอง  และรายได้น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาศ 2 และ 3 ต่อไป  เดี๋ยวค่อยมาเจาะรายละเอียดเพิ่มเติม  

ก่อนอื่นมาคุยเจาะประเด็นต่างๆ ไปทีละประเด็นก็แล้วกัน

.

1. ปัญหาของ YG


1.1 จำนวนศิลปินที่มีน้อยเกินไป

อย่างที่ทราบกันดีว่า YG อยู่ในช่วงผลัดใบ ศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ในอดีต  ก็ไม่ได้ต่อสัญญากับ YG แล้ว  ไม่ว่าจะเป็น Bigbang, 2NE1, iKon  ทำให้ตอนนี้เหลือศิลปินในค่ายน้อยมาก   เบอร์ใหญ่สุดอย่าง Blackpink แม้จะต่อสัญญาวง  แต่ในส่วนของสัญญาส่วนตัวก็ไม่ได้ต่อกับค่าย เลือกแยกย้ายออกไปทำค่ายกันเอง  ทำให้ช่วงที่ผ่านมาหลังต่อสัญญา  สมาชิกของ Blackpink ก็แยกย้ายไปทำงานเดี่ยวของตัวเองเป็นหลัก   รายได้ส่วนบุคคลที่เคยได้จากสมาชิก BP แล้วเข้า YG ก็หายไปทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบกับค่ายค่อนข้างมาก  และวงเองก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมเลย นอกจากรายได้จากช่องทาง Social Media ของ Blackpink  อันนี้ส่งผลกระทบหนักที่สุดแล้ว

วงอื่นที่เหลือก็ตามภาพ จะเห็นว่ามีน้อยมากๆ  





Winner : ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร  เพราะบางคนก็เข้ากรม  บางคนตอนนี้มีคดีความเรื่องรับใช้ชาติอีก  

AKMU : ก็หมดช่วงโปรโมท อยู่ในช่วงพักทำเพลงกันอยู่  

2NE1 : ไม่ได้ต่อสัญญาทำเพลง แต่มีสัญญาพิเศษในการให้ YG ช่วยในการจัดทัวร์คอนเสิร์ตครบรอบ 15 ปี  ซึ่งจัดครบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่ Olympic Hall ในกรุงโซล และมีกำหนดสิ้นสุดที่ KSPO Dome ในวันที่ 13 เมษายน 2568 โดยครอบคลุม 27 การแสดงทั่วเอเชีย

Treasure  : มี comeback บ้าง  มีทัวร์บ้าง  แต่ก็ถือว่ามีกิจกรรมไม่ได้เยอะมากนัก  ยังไม่สามารถแบกค่ายได้  และค่ายเองก็ไม่ได้ดูแลศิลปินดีเท่าที่ควร  แต่ตอนนี้ต่อสัญญากันเรียบร้อยแล้ว  และหยางประกาศเองแล้วว่าจะมี comeback และมี World Tour ตามมาในปีนี้ แล้วจากนั้นจะให้มี comeback ปีละ 2 ครั้ง  ก็ต้องลุ้นกันว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า

Babymonster : เป็นวงเดียวที่ Active และมีผลงานมากที่สุดในช่วงนี้  หลังจากออก mini album ในช่วงเมษาปีที่แล้ว  และอัลบั้มเต็มในช่วงปลายปี  ต่อด้วยการ World Tour  ในช่วงต้นปี 2025  ซึ่งตารางทัวร์แน่นมาก  กลายเป็นวงเดบิ้วอายุ 1 ปีที่กำลังแบกค่ายอยู่ ณ เวลานี้

แค่นี้ก็ไม่ต้องถามกันแล้วว่าปัญหาของ YG อยู่ตรงไหน  เพราะคำตอบก็คือศิลปินที่สร้างรายได้ให้ค่ายมีน้อยเกินไปนั่นเอง  ทางแก้ที่ง่ายที่สุด  ก็คือการเพิ่มศิลปินใหม่ๆ เข้ามา  โดยเฉพาะวง Boygroup วงใหม่   ซึ่งหยางก็ประกาศแล้วว่าภายในปีหน้า  จะมี Boygroup จาก YG เดบิ้วเพิ่มขั้นมาแน่นอน 1 วง

ส่วน New GG นั้น  ตามที่หยางแจ้งก็คือกว่าจะเดบิ้วก็น่าจะต้องรออีกสองปี  คือเดบิ้วในช่วงปี 2027 นู้นเลย  แต่จะเอามาแนะนำให้รู้จักกันก่อน  ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องรีบแนะนำไวขนาดนั้น

.

สรุปปัญหาใหญ่สุดก็คือมีศิลปินแบกค่ายน้อยเกินไป  และเมื่อวงแบกค่ายอย่าง Blackpink หมดสัญญา แล้วเลือกต่อสัญญาแบบพิเศษเฉพาะวง  แล้วหลังจากจบทัวร์คอน Born Pink สมาชิกก็มุ่งหน้าทำงานเดี่ยวเป็นหลังตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 - ปัจจุบัน  ทำให้รายได้ที่เคยได้รับอย่างมากมายช่วงที่ผ่านมา หายไปเยอะมาก  จนทำให้ตัวเลข Net Income ของงบบริษัท ติดลบมาตั้งแต่ Q3/2023 ยาวมาถึง Q3-2024 รวมทั้งหมด 5 ไตรมาศเลยที่ติดลบมา

ปล.ที่ขีดเส้นคือ Net Income ของบริษัทหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว  จะเห็นได้ว่าพึ่งมาฟื้นช่วง Q4/2024 - Q1/2025 ในช่วงที่ Babymonster เริ่มปล่อย Full Album แล้วเริ่ม World Tour นี่เอง



.

1.2  ปัญหาระบบของค่ายที่ไม่สามารถ support ศิลปินในค่ายได้มากพอ

ปัญหาอีกอย่างที่สำคัญมาก ที่คนที่เป็นแฟนคลับของ YG ทราบดี ก็คือการออกเพลงช้า  และเหมือนจะไม่สามารถ Support ศิลปินให้ออกผลงานได้พร้อมๆ กันหลายๆ วงได้  เหมือนทำได้ทีละวง  ถ้าวงแรกยังไม่จบ Promote ก็ยังทำอะไรกับอีกวงไม่ได้  ทำให้การออกผลงานของศิลปินทำได้น้อย ไม่สมกับการเป็นค่ายใหญ่เลย  

ปัญหาเหล่านี้ก็ส่งผลให้ศิลปินหลายกลุ่ม เลือกไม่ต่อสัญญากับค่าย  หมดสัญญาก็แยกย้ายกันไปทางใครทางมัน

มันเป็นไปได้ยังไงที่วงอย่าง Blackpink ตลอดระยะเวลาสัญญา 7 ปี  มีเพลงแบบ Original ไม่รวมพวก สารพัด Version อยู่ทั้งหมดแค่ 30 เพลงเท่านั้น  AI สรุปมาให้ดังนี้

BLACKPINK มีอัลบั้มทั้งหมด 8 อัลบั้ม (สตูดิโออัลบั้ม 2, มินิอัลบั้ม 2, อัลบั้มซิงเกิล 2, อัลบั้มแสดงสด 2)

จำนวนเพลงต้นฉบับทั้งหมดจากอัลบั้มหลัก (ไม่รวมรีมิกซ์หรือเวอร์ชันซ้ำ) อยู่ที่ 30 เพลง

เวลา 7 ปี มีเพลงในนามวง Blackpink 30 เพลง  เฉลี่ยอยู่ที่  4.28 เพลงต่อปี






เรียกว่าเทียบกับศิลปินในเจน 3 ด้วยกันไม่ติด   แต่ด้วยศักยภาพของสมาชิกในวง ก็ยังสามารถแบกเพลง แล้วพาตัวเองไประดับโลก สร้างสถิติต่างๆ ได้อย่างมากมายขนาดนั้น  ทั้งๆ ที่ค่ายออกเพลงให้น้อยมาก  ถ้าอยู่ค่ายอื่นน่ามีเพลงมากกว่านี้หลายเท่า

ซึ่งตอนนี้หยางออกมารับปากแล้วว่า YG ปรับปรุงระบบต่างๆ ให้พร้อมรับมือกับการออกเพลงที่คุณภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง  และสามารถรับมือกับการโปรโมทหลายๆ วงได้พร้อมกันแล้ว ไม่ต้องทำทีละวงอีกแล้ว

ถ้าดูจากผลงานของ Babymonster ที่เดบิ้ว 1 ปี  มี Mini Album  และ  Full Album  รวมเพลงพิเศษอย่าง Dream และ Ost. Ghost แล้ว  จะมี Original Song ทั้งหมด 14 เพลง  เรียกว่าเดบิ้วมี 1 ปี มีเพลงเกือบครึ่งนึงของ Blackpink แล้ว   และในวันที่ 1 ตค. ก็จะมี Mini Album เพิ่มมาอีก 4 เพลง  ทำให้จะมีเพลง Original รวมทั้งหมดเป็น 18 เพลงแล้ว  แสดงให้เห็นว่า YG สามารถทำเพลงได้เร็วขึ้นแล้ว  แม้ว่าจะยังไม่สามารถสร้างเพลงระดับ Mega Hit ที่ถล่มชาร์ตเพลงได้  แต่เพลงอย่าง Sheesh และ Drip ก็ถือว่าทำอันดับชาร์ตได้ดีเช่นกัน  เพราะอย่าง Blackpink กว่าจะได้เพลงพลิกชีวิตแบบ 4D ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน




.

พัฒนาการของการดูแล Support ศิลปินของ YG

หยางยืนยันว่าบริษัทได้ทำการปรับปรุงระบบ  รับพนักงาน และ Producer เพิ่มเติมเข้ามามากมาย  และพร้อมรับมือกับการดูแลศิลปินพร้อมๆ กันหลายๆ วงแล้ว  วึ่งครึ่งปีหลังนี้จะได้พิสูจน์ว่าทำได้ดีจริงหรือเปล่า

หลังจากนี้ตารางงานของ YG จะค่อนข้างแน่นมาก  เริ่มจากมีการ Comeback ของ BP ในช่วงเดือน มิย. (ตามสมมติฐานว่าต้องมีเพลงใหม่ก่อนคอนที่เกาหลีในวันที่ 5-6 กค.)  และเริ่มงาน World Tour ที่ตารางงานน่าจะแน่นกันยันข้ามปี   จากตารางที่ประกาศมา น่าจะยังไม่ครบแน่นอน  ยังมีช่องว่างให้เติมเต็มได้อีกพอสมควร  ที่ประกาศไปตอนนี้ก็มีเกาหลี อเมริกา  ยุโรป  เอเชีย  รอลุ้นว่าจะมีไปพวกอเมริกาใต้  อินเดีย  หรือตะวันออกกลาง และออสเตรเลียเพิ่มอีกหรือเปล่า  ยังไม่เป็น final call แค่นี้แน่นอน

เอาแค่ในตารางนี้ก็ยังเหลือเดือน กย. และ ธค. ที่ว่างไว้ทั้งเดือน  และตารางของปีหน้าก็ยังเหลืออีกมากเช่นกัน  น่าจะมีเมืองให้ไปอีกเยอะมากๆ แน่ๆ





ตามมาด้วยการปล่อย Mini Album ของ Treasure ในวันที่ 1 กันยา   และเริ่ม World Tour  1 ตค  

ปิดท้ายด้วยการปล่อย Mini Album ของ Babymosnter ในวันที่ 1 ตค.  และสานต่อ World Tour เพิ่มเติมในเมืองที่เหลือ และน่าจะมีประกาศเพิ่มต่ออีกหลายๆ เมืองโดยเฉพาะในโซนยุโรป  เพลงแรกเปิดตัวในวันที่ 1 กค.  ก็ถือว่ายังมีเพลงใหม่ไปทัวร์ที่เมกาเพิ่มอยู่นะ



นั่นหมายความว่าต้องมีทีมสามถึง 3 ชุด ในการดูแลรับผิดชอบงานต่างๆ รวมไปถึงการจัด World Tour ของทั้งสามวง  มารอดูกันว่าจะเป็นอย่างไร

.

2. แนวทางการแก้ไขปัญหา และทิศทางของบริษัท

2.1 การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดก็คือการเพิ่มจำนวนศิลปินวงใหม่ๆ ที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้สูง  และสามารถผลิตผลงานเพลงออกมาได้อย่างสม่ำเสมอตามวงรอบที่ควรเป็น เช่น 1 mini album + 1 Full Album ต่อหนึ่งปี ให้กับศิลปินในค่าย เพราะสร้างรายได้จากการขายอัลบั้ม และการเปิดทัวร์คอนเสิร์ตได้มากขึ้น  

และแน่นอนว่าต้องสามารถทำหลายๆ วงในกรอบเวลาใกลเคียงกันได้  ไม่ใช่ทำได้แค่ทีละวงอย่างที่เป็นมาในอดีต  

เช่นปีนี้จะมี World Tour กันทั้ง Blackpink, Treasure, Babymonster  ก็ต้องมีทีมงานที่เพียงพอในการดูและ Support ศิลปินให้ดี  อย่าให้มีปัญหาใด  ถ้าทำได้แบบนี้   รายได้ของบริษัทก็จะเติบโตขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

.

2.2 การใช้กลยุทธ์ดึงศิลปินเเก่าๆ มาจัด Concert แบบที่ทำกับ 2NE1 ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ   เช่นอาจจะดึง Bigbang มาจัด Concert แบบ World Tour ตตอนครบรอบ 20 ปี  ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้  เพราะศักยภาพ และฐานแฟนคลับของ Bigbang ก็ยังพร้อมจะมาสนับสนุนวงได้ตลอดเวลา  ปัญหาแค่ตารางงานของสมาชิกทั้งสามคนมากกว่า ว่าจะทำได้หรือเปล่า  

ในปี 2568 (ปัจจุบัน) BIGBANG มีอายุวง 19 ปี และกำลังใกล้ครบรอบ 20 ปีในวันที่ 19 สิงหาคม 2569   ใครจะไปรู้ ปีหน้าอาจจะมี Concert ใหญ่ก็เป็นไปได้ หากเคลียร์คิวและเซ็นต์สัญญากันได้ เหมือนเคสของ 2NE1

.

2.3 การผลิตศิลปินรายใหม่เข้าบริษัท   เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่า YG มีเด็กฝึกคุณภาพสูงอยู่ในค่ายเยอะมากๆ  หลายคนฝีมือดี  แต่ค่ายไม่สามารถเดบิ้วได้ด้วยปัญหาต่างๆ นานามากมาย ทำให้เด็กฝึกที่ความสามารถสูงหลายคนหมดสัญญา  แล้วเลือกจะไปเดบิ้วที่บริษัทอื่นมากกว่า  ซึ่งก็เห็นว่ามีเด็กฝึกจาก YG ไปเดบิ้วในวงอื่นมากมายหลายคน   ดังนั้นหาก YG สามารถสร้าง Boygroup หรือ Girlgroup ใหม่เพิ่มขึ้นมาได้  ก็สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขั้นได้เช่นกัน  แบบเดียวกับที่ Babymonster ทำได้ ณ เวลานี้

นั่นคือเหตุผลที่หยางออกมาประกาศเมื่อคืน  ว่ามีแนวโน้มจะเดบิ้ววง Boygroup ออกมาในปี 2026 1 วง  จากเด็กฝึกชายที่มีอยู่ 2 กลุ่ม   และปีถัดไป 2027 มีแนวโน้มจะเดบิ้ววง Girlgroup เพิ่มอีกหนึ่งวง ที่มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน  โดยจะมีระยะห่างจากการเดบิ้วของ Babymonster เป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี  ก็ถือว่าเป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม

สรุปคือจะมี Boygroup และ Girlgroup เพิ่มขึ้นมาอีกรวมเป็น 2 วงในปี 2026 และ 2027  ก็ถือว่าเป็นแผนงานที่ดี  หากว่า YG สามารถบริหารเรื่องทีมงานดูแล และการทำเพลงได้อย่างต่อเนื่องจริง  ปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นในค่ายก็น่าจะลดลงไป

.

ทีนี้มาดูที่งบการเงินกันในความเห็นที่ 1 ...


ปล.ถูกใจบทวิเคราะห์แนวๆ นี้กด Like และให้เหรียญเป็นกำลังใจกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่