จุดเริ่มต้นของความรักของผู้หญิงชื่อ ฟ กับผู้ชายชื่อ ท พวกเขาเริ่มคุยกับผ่านทางเฟสบุ๊ค ได้ทำความรู้จักกันในช่วงเวลาหนึ่งจนเกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น ฟ บอก ท ว่าช่วงวันหยุดยาว ฟ จะกลับบ้าน ตจว นะ เมื่อ ท รู้ก็อาสาขอไปส่งฟ้าขึ้นรถกลับบ้าน ตจว พวกเขาได้เจอกันในวันนี้เป็นครั้งแรก ฟ รู้สึกประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของ ท และ ท ก็ทำทุกอย่างให้ ฟ สบายใจ แล้วตัว ฟ ก็เชื่อใจ ท ในทุกการกระทำ ความรักของพวกเขาเปิดเผย ฟ ได้เชคทุกช่องทางว่า ท นั้นคบซ้อนหรือมีใครอีกคนในชีวิตหรือเปล่า ได้สืบเรื่องราวซักพักบวกกับ ท เปิดเผยมากไม่มีอะไรที่ปิดบัง ฟ สามารถนำโทรศัพท์ ท มาดูเมื่อไหร่ก็ได้ จนในตอนนี้ ฟ ได้เชื่อสนิทใจแล้วว่า ท ไม่ได้มีใครคนอื่นในชีวิตจริงๆ พวกเขาจึงตกลงคบหากันและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
พวกเขาได้เริ่มใช้ชีวิตด้วยกัน ในช่วงนั้น ฟ ได้เรียนจบพอดี ฟ้าเริ่มสมัครงานในสถานที่ต่างๆ แต่ ท ได้เกิดความคิดอยากทำธุรกิจ ท จึงได้เริ่มคุยกับ ฟ ว่าอยากทำธุรกิจนี่และไม่มีคนช่วยเห็น ฟ กำลังสมัครงาน ในวันที่ฝ่ายบุคคลติดต่อ ฟ กลับมาและเริ่มนัดหมายวันสัมภาษณ์และกำหนดวันเริ่มงาน ท มีความคิดอยากชวน ฟ มาทำด้วยกันมั้ย? หลังจากพูดคุยกันในเรื่องนี้ ฟ เริ่มสับสนว่าจะเลือกทางไหนดี ระหว่างอาชีพที่เรียนจบกับอาชีพใหม่ที่จะต้องเริ่มทำกับ ท และด้วยความรักที่ ฟ มีต่อ ท จึงตัดสินใจช่วย ท ทำธุรกิจส่วนตัว พวกเขาทั้งสองได้ดำเนินเอกสารทุกอย่างและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดกิจการและพวกเขาก็ได้เริ่มทำธุรกิจร่วมกันอย่างราบรื่น 3 ปี
ช่วงวันขึ้นปีใหม่ 2565 ฟ ได้เริ่มตั้งท้อง มีกิจกรรมการแลกของขวัญในคลินิก และในวันนั้น แฟนเก่าของ ท ชื่อ ม ก็ได้นำของขวัญมาด้วย ม มาร่วมงานโดยไม่ได้รับเชิญ และวันนั้น ม และ ฟ ก็ได้เจอกันเป็นครั้งแรก เจ้าของคลินิกก็ได้ให้คำยืนยันกับ ฟ ว่าไม่ได้เชิญ ม มาจริงๆ เมื่อ ม มาร่วมงานเขาก็ทำตัวสดใสร่าเริง เฟรนลี่พูดคุยไปทั่วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท เมื่อเห็น ม มาก็ทำตัวไม่ถูก อยู่ในบรรยากาศที่อึดอัด และต่างคนต่างฝืนให้กิจกรรมการแลกของขวัญนั้นผ่านไป ในช่วงต้นปี ท ได้ซื้อบ้านเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับลูกชายของเขา 5 เดือนต่อมา ฟ และ ท ได้แต่งงานกันวันที่ 19 พ.ค. 2565 และจดทะเบียนสมรสช่วงเดือน กพ 65 พวกเขาได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ก่อนคลอด1 สัปดาห์ ฟ ได้รู้ว่า ท และ ม ได้สมัครเรียนคอร์สด้วยกันในระยะเวลา~1ปี ท ปิดบังเรื่องนี้และ ฟ ได้รับรู้เรื่องนี้ในตอนหลังจึงรู้สึกเสียใจ ไม่โอเคกับสิ่งที่เกิด บวกกับการเตรียมตัวคลอด ฟ ก็ต้องฝืนใจยอมรับ และให้ ท กับ ม ไปเรียนด้วยกัน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ ( ระเบิดเวลาได้เริ่มขึ้นจากจุดนี้ )ความบาดหมางในอดีตของ ม และ ท ได้จบสิ้นลง พวกเขากลับมาเป็นเพื่อนกัน ม สนิทกับแม่และพี่สาวของ ท คนในครอบครัว ท รักและเอ็นดู ม เหมือนคนในครอบครัว พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ติดต่อกันตลอดในบางครั้งที่ ม มีปัญหากับสามีของตัวเอง ม ก็จะมาปรึกษาแม่ของ ท ช่วงเทศกาลวันสำคัญ ม ก็เปย์ทุกคนให้ของขวัญทุกคนที่สนิทสนม เมื่อ ฟ เห็นว่า ม สนิทสนมกับคนในครอบครัว ท จึงเกิดความสงสัย จึงได้ถาม ท ว่าทำไมแฟนเก่าคนนี้ถึงยังวนเวียนในชีวิต ท ก็บอก ฟ ว่า มันเป็นเรื่องของพวกเขา เขาสนิทกันตั้งแต่เมื่อก่อน ถึงจบกันไปเขาติดต่อกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับ ท หลังจากนั้น ฟ ก็พยายามทำความเข้าใจ ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆกับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่มันจะเป็น
ช่วงปี2566 ฟ ได้รู้ว่า ท ได้เข้าทำงานกับที่คลินิก ม เมื่อ ฟ รู้เรื่อง ฟ ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับ ท ได้คอยดูการกระทำของ ท ว่าจะทำอย่างไรและจะปิดบัง ฟ ไปถึงไหน ฟ แกล้งทำเป็นไม่รู้ 1 ปี จนในที่สุดก็ไม่สามารถอดทนไหว จึงถาม ท ว่าคิดจะบอกความจริงกับ ฟ มั้ย ว่าได้ไปลงทำงานให้คลินิก ม เมื่อ ท ได้ยิน ก็หงุดหงิดและโมโห ไม่พูดอะไรและเดินหนีไป จนในตอนท้าย ท ก็มาพูดกับ ฟ ว่า ถ้าบอก ฟ ตรงๆว่าไปทำงานคลินิก ม ส่วนตัว ฟ ก็ไม่โอเค ฟ ก็จะเป็นแบบนี้มาชวนทะเลาะแบบนี้ ก็เลยไม่อยากบอก แล้วที่ทำงาน ก็เพราะหาเงินให้ครอบครัวทั้งนั้น ฟ จะมานั่งจับผิดอะไร ที่ทำไปก็เพื่อครอบครัว ตั้งใจทำงานให้ครอบครัว ฟ ก็พูดกับ ท ว่า รู้อยู่ว่าทำเพื่อครอบครัว ฟ ก็ทำเพื่อครอบครัวเหมือนกันดูแลทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน งานธุรกิจหลังบ้าน ฟ ก็ดูแลให้ ท ได้ทำงานหน้างานได้สบาย ไม่ต้องห่วงหลังบ้าน เพียงแค่ ท ทำในสิ่งที่ช่วยให้ ฟ สบายใจ ทำไม ท ถึงไม่เลือกที่จะทำมัน และ ท ก็ยืนยันคำเดิมว่า มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ ฟ ไม่รู้หรอก ทำงานหลายที่ไม่มีเวลาพัก ก็เพื่อหาเงินให้ครอบครัว ท พูดแค่นี้และวนๆอยู่กับคำพูดพวกนี้
4 พค 2567 ฟ พบแว่นกันแดดเรย์แบรนด์ของ ม ในรถของ ท เมื่อ ฟ เห็นก็ได้ถาม ท ว่าไปที่ไหนและทำไรกับ ม ผู้ชายก็ไม่ยอมพูดและไม่บอกอะไรหัวเราะกลบเกลื่อน ฟ จึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับ ม ตรงๆในไลน์ ในช่วงแรก ม ก็ไม่ยอมรับว่าเป็นแว่นของ ม และในตอนหลัง ม ก็ยอมรับว่านั่นคือแว่น ของ ม และได้บอกกับ ฟ ว่าถ้าอยากให้ ท เลิกมาคลินิก ม ก็ให้ไปคุยกันเอง หลังจากนั้น ฟ ก็เลยเอาแชทที่คุยกับ ม ส่งให้ ท ดูทั้งหมด และถาม ว่า … สิ่งที่ ม พูดมามันคืออะไร ขอข้อเท็จจริงได้ไหม?+คำพูดให้โอกาสที่จะปรับความเข้าใจกัน ท ได้อ่านข้อความ และกดหัวใจ แค่นั้น โดยที่ไม่มีคำพูดหรือคำอธิบายอะไร
1เดือนต่อมา21มิย67 ฟ ก็จับได้ว่า ท ไม่ทำตามสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ ซึ่งวันนั้นตรงกับ“วันศุกร์”ฟ ได้รู้ว่า ท ได้เจียดเวลาไปทำงานที่คลินิก ม ซึ่งเดิมวันศุกร์มีที่ทำงานประจำยุแล้วคำถามคือ ทำไมไม่บอกกัน,ทำไมถึงต้องแบ่งเวลาไปทำ,ทำงาน2ที่(โดยไม่บอกกันรู้ )แล้วมาบ่นให้ฟังว่าเหนื่อย ฟ จะรู้ไหม? ทำงานเหนื่อยกันทุกคน ฟ เองทำงานไม่มีวันหยุด+เลี้ยงลูกด้วยก็เหนื่อยเคยคิดถึงตรงนี้บ้างไหม ฟ ถามหมดทุกคำถามที่ข้องใจสุดท้ายไม่ได้คำตอบชุดเดิม และทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ การทะเลาะกันครั้งนี้ ท ก็โมโหและเริ่มทำตัวก้าวร้าวมากขึ้นทะเลาะกันหนักมาก หนักกว่าเดิมและหนักกว่าทุกๆครั้ง ท ได้บอกให้ ฟ ว่า "ไม่ใช่เจ้าของชีวิตกู(แต่ ฟ เป็นเมีย)มาทำลายชีวิตกู(ฟ อยู่สร้างทุกวันนี้เพราะรัก)" กูบอกให้ รีบๆขอโทษกูเดี๋ยวนี้เลย กูไปทำงานหาเงินจูนเจือครอบครัว กูกับอีนั่นเป็นอดีตของกัน กูไม่ได้อะไรกับมันอยู่แล้ว กูบอกให้รีบๆขอโทษกู ส่วนมุมมองของ ฟ ก็โกรธมากที่ ท ไม่ได้ทำตามที่พูดและตกลงกันไว้ ท ผิดคำพูดและทำในสิ่งที่ ฟ ไม่สบายใจ ทำทุกอย่างลับหลัง ฟ ในตอนนั้นที่ทะเลาะ ฟ ก็ไม่ได้ขอโทษ ท และ ท ก็พูดว่า "กูไม่ได้สนใจมันและกูก็ไม่ได้สนใจด้วย"หลังจากที่ ฟ และ ท ทะเลาะกันในเรื่องนี้ ท ก็เริ่มกลับบ้านดึกทุกคืน เมาเกือบทุกวัน ออกไปฟิสเนสและดื่มเกือบทุกวัน กลับบ้านมาก็นอน ตื่นมาก็ไปทำงาน เลิกงานก็ไปฟิสเนสและไปดื่มเหล้า วงจรชีวิตวนลูปแบบนั้น เรื่องแว่น ฟ ก็ส่งแว่นคืนไปให้ ม ที่คลินิกของ ม และความสัมพันธ์ของ ท และ ฟ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฟ ผิดหวังในตัว ท และ ท ก็กล่าวหา ว่า ฟ ชอบหาเรื่อง ฟ พยายามเปิดใจคุยกับ ท หลายครั้งและพยายามหาข้อตกลงตรงกลางที่ยอมรับได้ แต่ ท ก็บอก ฟ ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตัวกูคนเดิมได้ตายไปแล้ว กูยังดึงตัวเองกลับมาไม่ได้เลย ท ทำงานดื่มหนักเมาทุกวัน กลับบ้านดึกทุกวัน ฟ อยู่กับลูกสองคนที่บ้าน ฟ คอยดูหน้าบ้านรอ ท กลับมาทุกวัน และทุกอย่างก็ไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ท ได้บอก ฟ ว่า ไปเรียกผู้ใหญ่มาคุยกัน ท ไม่ไหวละ ท พูดแบบนี้
ท ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟังและ ฟ ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฝั่งผู้หญิงฟังแล้วเช่นกัน ทั้งสองได้ให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน ในวันที่ครอบครัวฝ่ายชายมาถึงครอบครัวฝ่ายชายแม่ของ ท ก็ได้เปิดใจคุยกับ ฟ ถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา แม่ของ ท ได้เล่าว่า พวกเขาทะเลาะกันเรื่องธุรกิจส่วนตัว หลังจากนั้นพ่อของ ม ก็มาขนของของ ม ทั้งหมดออกจากบ้าน ท และทั้งคู่ก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย และ ท ก็มาคบกับ ฟ และตอนหลัง ม ได้ทักมาคุยกับแม่ ม กับ ท ก็ได้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเพื่อนกัน
วันที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้มาถึงทุกคนทั้งรวมกันและเริ่มพูดคุยถึงเรื่องปัญหาทั้งหมด ฝ่ายชายพยายามให้ฝ่ายหญิงเลือกวันที่หย่าให้ไวที่สุด โดยทีให้เหตุผลว่าทำทุกอย่างให้มันชัดเจนไปเลย ไม่ต้องรอ ไม่วันนี้หรือวันไหน ยังไงก็หย่าอยู่ดี ด้วยความที่ ฟ ยังคงรัก ท จึงบอกกับ ท ว่า ฟ ขอเวลาทำใจก่อนได้มั้ย ฟ พร้อมแล้วจะไปหย่าให้ ท ก็บอกว่าจะเอาอะไรก็เอาไปเลย ขอแค่ทำทุกอย่างให้ชัดเจน รีบหย่า ไม่ต้องมายื้อเวลาค้างคาแบบนี้ ฟ เครียดมากร้องไห้จนหมดสติหลังจากนั้นทุกคนก็นำ ฟ ไปส่งรพ.การคุยวันที่สองยังไม่ได้ข้อสรุป
วันที่3 ของการคุยกันเรื่องหย่า ฟ ร่างกายไม่พร้อมสำหรับการพูดคุยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้กลับบ้านกันไป ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ฟ และ ท สามารถคุยกับได้เพียงแค่เรื่องงานและเรื่องลูกเท่านั้น ก่อนที่เรื่องทะเลาะทั้งหมดจะเกิดขึ้น มีคุณป้าคนหนึ่งเคยได้เข้ามาใช้บริการคลินิกที่ ท ทำงานและได้ชมและรีวิวความประทับใจพร้อมชวนลูกและญาติมาใช้บริการ และหลังจากนั้นความสนิทสนมที่มากขึ้น ท ได้เข้าไปใช้บริการฟิสเนสและคาร์แคร์ของคุณป้าคนนั้น เมื่อคุณป้าคนนั้นได้พบกับ ฟ เขาไม่ยิ้ม ฟ สวัสดีทักทายก็ไม่รับไหว้ นิ่งเฉยทำเหมือน ฟ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทั้งๆที่ ท ก็พยายามแนะนำให้ ฟ และคุณป้าคนนั้นรู้จักกัน ความเป็นมิตรต่อกันเท่ากับ0% คุณป้าเขามีลูกสาว2ชาย2 ครอบครัวนี้ได้รู้จักกับ ท และ ท ไปฟิสเนสหลังเลิกงานเกือบทุกวันหลังจากนั้นก็มีไปดื่มเบียร์กันต่อ และวันหนึ่งวันที่ ท เมามากๆครอบครัวป้าคนนั้นและลูกของเขามาส่ง ท ที่บ้านแล้ว ฟ ได้เห็นแชทของ ท ที่พูดคุยกับลูกสาวคุณป้าคนนั้น บทสนทนาพูดประมาณว่า พวกเขาค่อยเป็นกำลังใจให้กับ ท อยู่เสมอ และคุยกันเรื่องไปร้านเหล้า และตกลงกันว่าจะนัดเจอกันที่ร้านไหน เมื่อ ฟ เห็นสิ่งเหล่านั้น ฟ ถึงแน่ใจแล้วว่า ท นั้นมีเซฟโซนใหม่คือครอบครัวของคุณป้านั้น และ ท อาจมีความรู้สึกดีๆกับลูกสาวของคุณป้าคนนั้น ลูกสาวคนโตของคุณป้าคนนั้นชื่อ ต เขามีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ในระดับหนึ่งเป็นขวัญใจของหลายๆคนทำคอนเทนต์ยิ้มหวานอ้อนและหอมแก้ม..ช่วงที่ ท คุยกับ ฟ เรื่องหย่า ต ก็ลงสตอรี่ชูสองนิ้วคอยให้กำลังใจอยู่เสมอและ ต ก็ยังคงทำคอนเทนต์พูดยุยงให้ ท รีบๆทำในสิ่งที่ ท ต้องจัดการและหันมารักกับ ต ก่อนถึงวันเกิด ต ทำให้ ท รีบมากดดัน ฟ ให้รีบหย่า ฟ ก็พอรู้สึกว่าใบหย่านี่จะเป็นของขวัญวันเกิดให้ ต แต่เขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการหรอก
เมื่อ ฟ เริ่มแน่ใจว่า ท กำลังมีใจให้กับ ต พวกเขาได้มีโอกาสได้เจอกันหลังจาก ท เลิกงาน มีเวลาความสุขร่วมกันโดยการไปดื่มสังสรรค์ และ ท กดดันให้ ฟ หย่าโดยพูดว่า ถ้าไม่หย่าจะพังบ้านหลังนี้ และ ท ก็ยังพูดว่ารู้จักกูน้อยไป อย่าให้กูต้องทำอะไรที่ไม่ดี จะหย่าก็รีบหย่าไม่ต้องรอเวลาทำทุกอย่างให้ชัดเจน จนในที่สุด ฟ ก็ได้ให้ครอบครัวมาอีกครั้งมาเพื่อไปหย่าและขนของทั้งหมดออกจากบ้านพร้อมลูกน้อย ฟ ออกมาอยู่กับลูกสองคน เมื่อ ท มาหาลูกมีเงื่อนไขว่า อย่าพาผู้หญิงคนไหนมาให้ลูกเห็นหน้า 9 วันหลังหย่า เจอลูกครั้งแรก ท ก็ยังแอบพา ต ให้มาพบกับลูก และตีสนิทกับลูกโดยการให้เด็กเรียกชื่อ ต จนลูก วัย 2.1 จำชื่อ ต ได้ เมื่อ ท พาลูกออกไปเที่ยวเสร็จแล้ว ลูกกับมาถึงบ้านพร้อมตุ๊กตามากมาย เหตุการณ์นี้ทำให้ ฟ รู้สึกไม่ไว้ใจให้ ท พาลูกไปเที่ยวสองต่อสองอีกต่อไป และหลังจากนั้นทุกครั้งที่ ท มาพบลูก ฟ ก็จะไปด้วยและจะอยู่ดูห่างๆ และ ต ก็จะตามมากับ ท ในบางครั้ง บางครั้งที่ ท ใช้เวลาอยู่กับลูก ต ก็จะไปเที่ยวคาเฟ่รอ หรืออยู่ที่อื่นที่ไม่ต้องมาเจอเด็กและแม่ของลูก
หลังหย่าหลัง ฟ กับลูก ออกจากบ้าน ต ได้เข้าไปอยู่ในบ้าน ท หลังหย่า 3เดือน ทำคอนเทนต์ฯลงโซเชี่ยล นอนอยู่บนที่นอนของ ฟ และ ท ในอดีตฯ
หลังหย่า5เดือน ต และ ท ก็ได้หมั้นหมายกัน ต ได้เปิดตัวลงในโซเชียลอย่างภาคภูมิใจ สุดท้ายคนที่สงสัยว่า ท ต้องการก็เป็นคนนั้นจริงๆ คนที่ ท ยอมทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น
เรื่องนี้ใครเป็นคนผิดคะ?
หญิง3ชาย1และของแถมไม่พึงประสงค์ เรื่องนี้ใครเป็นคนผิด?
พวกเขาได้เริ่มใช้ชีวิตด้วยกัน ในช่วงนั้น ฟ ได้เรียนจบพอดี ฟ้าเริ่มสมัครงานในสถานที่ต่างๆ แต่ ท ได้เกิดความคิดอยากทำธุรกิจ ท จึงได้เริ่มคุยกับ ฟ ว่าอยากทำธุรกิจนี่และไม่มีคนช่วยเห็น ฟ กำลังสมัครงาน ในวันที่ฝ่ายบุคคลติดต่อ ฟ กลับมาและเริ่มนัดหมายวันสัมภาษณ์และกำหนดวันเริ่มงาน ท มีความคิดอยากชวน ฟ มาทำด้วยกันมั้ย? หลังจากพูดคุยกันในเรื่องนี้ ฟ เริ่มสับสนว่าจะเลือกทางไหนดี ระหว่างอาชีพที่เรียนจบกับอาชีพใหม่ที่จะต้องเริ่มทำกับ ท และด้วยความรักที่ ฟ มีต่อ ท จึงตัดสินใจช่วย ท ทำธุรกิจส่วนตัว พวกเขาทั้งสองได้ดำเนินเอกสารทุกอย่างและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดกิจการและพวกเขาก็ได้เริ่มทำธุรกิจร่วมกันอย่างราบรื่น 3 ปี
ช่วงวันขึ้นปีใหม่ 2565 ฟ ได้เริ่มตั้งท้อง มีกิจกรรมการแลกของขวัญในคลินิก และในวันนั้น แฟนเก่าของ ท ชื่อ ม ก็ได้นำของขวัญมาด้วย ม มาร่วมงานโดยไม่ได้รับเชิญ และวันนั้น ม และ ฟ ก็ได้เจอกันเป็นครั้งแรก เจ้าของคลินิกก็ได้ให้คำยืนยันกับ ฟ ว่าไม่ได้เชิญ ม มาจริงๆ เมื่อ ม มาร่วมงานเขาก็ทำตัวสดใสร่าเริง เฟรนลี่พูดคุยไปทั่วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท เมื่อเห็น ม มาก็ทำตัวไม่ถูก อยู่ในบรรยากาศที่อึดอัด และต่างคนต่างฝืนให้กิจกรรมการแลกของขวัญนั้นผ่านไป ในช่วงต้นปี ท ได้ซื้อบ้านเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับลูกชายของเขา 5 เดือนต่อมา ฟ และ ท ได้แต่งงานกันวันที่ 19 พ.ค. 2565 และจดทะเบียนสมรสช่วงเดือน กพ 65 พวกเขาได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ก่อนคลอด1 สัปดาห์ ฟ ได้รู้ว่า ท และ ม ได้สมัครเรียนคอร์สด้วยกันในระยะเวลา~1ปี ท ปิดบังเรื่องนี้และ ฟ ได้รับรู้เรื่องนี้ในตอนหลังจึงรู้สึกเสียใจ ไม่โอเคกับสิ่งที่เกิด บวกกับการเตรียมตัวคลอด ฟ ก็ต้องฝืนใจยอมรับ และให้ ท กับ ม ไปเรียนด้วยกัน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ ( ระเบิดเวลาได้เริ่มขึ้นจากจุดนี้ )ความบาดหมางในอดีตของ ม และ ท ได้จบสิ้นลง พวกเขากลับมาเป็นเพื่อนกัน ม สนิทกับแม่และพี่สาวของ ท คนในครอบครัว ท รักและเอ็นดู ม เหมือนคนในครอบครัว พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ติดต่อกันตลอดในบางครั้งที่ ม มีปัญหากับสามีของตัวเอง ม ก็จะมาปรึกษาแม่ของ ท ช่วงเทศกาลวันสำคัญ ม ก็เปย์ทุกคนให้ของขวัญทุกคนที่สนิทสนม เมื่อ ฟ เห็นว่า ม สนิทสนมกับคนในครอบครัว ท จึงเกิดความสงสัย จึงได้ถาม ท ว่าทำไมแฟนเก่าคนนี้ถึงยังวนเวียนในชีวิต ท ก็บอก ฟ ว่า มันเป็นเรื่องของพวกเขา เขาสนิทกันตั้งแต่เมื่อก่อน ถึงจบกันไปเขาติดต่อกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับ ท หลังจากนั้น ฟ ก็พยายามทำความเข้าใจ ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆกับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่มันจะเป็น
ช่วงปี2566 ฟ ได้รู้ว่า ท ได้เข้าทำงานกับที่คลินิก ม เมื่อ ฟ รู้เรื่อง ฟ ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับ ท ได้คอยดูการกระทำของ ท ว่าจะทำอย่างไรและจะปิดบัง ฟ ไปถึงไหน ฟ แกล้งทำเป็นไม่รู้ 1 ปี จนในที่สุดก็ไม่สามารถอดทนไหว จึงถาม ท ว่าคิดจะบอกความจริงกับ ฟ มั้ย ว่าได้ไปลงทำงานให้คลินิก ม เมื่อ ท ได้ยิน ก็หงุดหงิดและโมโห ไม่พูดอะไรและเดินหนีไป จนในตอนท้าย ท ก็มาพูดกับ ฟ ว่า ถ้าบอก ฟ ตรงๆว่าไปทำงานคลินิก ม ส่วนตัว ฟ ก็ไม่โอเค ฟ ก็จะเป็นแบบนี้มาชวนทะเลาะแบบนี้ ก็เลยไม่อยากบอก แล้วที่ทำงาน ก็เพราะหาเงินให้ครอบครัวทั้งนั้น ฟ จะมานั่งจับผิดอะไร ที่ทำไปก็เพื่อครอบครัว ตั้งใจทำงานให้ครอบครัว ฟ ก็พูดกับ ท ว่า รู้อยู่ว่าทำเพื่อครอบครัว ฟ ก็ทำเพื่อครอบครัวเหมือนกันดูแลทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน งานธุรกิจหลังบ้าน ฟ ก็ดูแลให้ ท ได้ทำงานหน้างานได้สบาย ไม่ต้องห่วงหลังบ้าน เพียงแค่ ท ทำในสิ่งที่ช่วยให้ ฟ สบายใจ ทำไม ท ถึงไม่เลือกที่จะทำมัน และ ท ก็ยืนยันคำเดิมว่า มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ ฟ ไม่รู้หรอก ทำงานหลายที่ไม่มีเวลาพัก ก็เพื่อหาเงินให้ครอบครัว ท พูดแค่นี้และวนๆอยู่กับคำพูดพวกนี้
4 พค 2567 ฟ พบแว่นกันแดดเรย์แบรนด์ของ ม ในรถของ ท เมื่อ ฟ เห็นก็ได้ถาม ท ว่าไปที่ไหนและทำไรกับ ม ผู้ชายก็ไม่ยอมพูดและไม่บอกอะไรหัวเราะกลบเกลื่อน ฟ จึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับ ม ตรงๆในไลน์ ในช่วงแรก ม ก็ไม่ยอมรับว่าเป็นแว่นของ ม และในตอนหลัง ม ก็ยอมรับว่านั่นคือแว่น ของ ม และได้บอกกับ ฟ ว่าถ้าอยากให้ ท เลิกมาคลินิก ม ก็ให้ไปคุยกันเอง หลังจากนั้น ฟ ก็เลยเอาแชทที่คุยกับ ม ส่งให้ ท ดูทั้งหมด และถาม ว่า … สิ่งที่ ม พูดมามันคืออะไร ขอข้อเท็จจริงได้ไหม?+คำพูดให้โอกาสที่จะปรับความเข้าใจกัน ท ได้อ่านข้อความ และกดหัวใจ แค่นั้น โดยที่ไม่มีคำพูดหรือคำอธิบายอะไร
1เดือนต่อมา21มิย67 ฟ ก็จับได้ว่า ท ไม่ทำตามสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ ซึ่งวันนั้นตรงกับ“วันศุกร์”ฟ ได้รู้ว่า ท ได้เจียดเวลาไปทำงานที่คลินิก ม ซึ่งเดิมวันศุกร์มีที่ทำงานประจำยุแล้วคำถามคือ ทำไมไม่บอกกัน,ทำไมถึงต้องแบ่งเวลาไปทำ,ทำงาน2ที่(โดยไม่บอกกันรู้ )แล้วมาบ่นให้ฟังว่าเหนื่อย ฟ จะรู้ไหม? ทำงานเหนื่อยกันทุกคน ฟ เองทำงานไม่มีวันหยุด+เลี้ยงลูกด้วยก็เหนื่อยเคยคิดถึงตรงนี้บ้างไหม ฟ ถามหมดทุกคำถามที่ข้องใจสุดท้ายไม่ได้คำตอบชุดเดิม และทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ การทะเลาะกันครั้งนี้ ท ก็โมโหและเริ่มทำตัวก้าวร้าวมากขึ้นทะเลาะกันหนักมาก หนักกว่าเดิมและหนักกว่าทุกๆครั้ง ท ได้บอกให้ ฟ ว่า "ไม่ใช่เจ้าของชีวิตกู(แต่ ฟ เป็นเมีย)มาทำลายชีวิตกู(ฟ อยู่สร้างทุกวันนี้เพราะรัก)" กูบอกให้ รีบๆขอโทษกูเดี๋ยวนี้เลย กูไปทำงานหาเงินจูนเจือครอบครัว กูกับอีนั่นเป็นอดีตของกัน กูไม่ได้อะไรกับมันอยู่แล้ว กูบอกให้รีบๆขอโทษกู ส่วนมุมมองของ ฟ ก็โกรธมากที่ ท ไม่ได้ทำตามที่พูดและตกลงกันไว้ ท ผิดคำพูดและทำในสิ่งที่ ฟ ไม่สบายใจ ทำทุกอย่างลับหลัง ฟ ในตอนนั้นที่ทะเลาะ ฟ ก็ไม่ได้ขอโทษ ท และ ท ก็พูดว่า "กูไม่ได้สนใจมันและกูก็ไม่ได้สนใจด้วย"หลังจากที่ ฟ และ ท ทะเลาะกันในเรื่องนี้ ท ก็เริ่มกลับบ้านดึกทุกคืน เมาเกือบทุกวัน ออกไปฟิสเนสและดื่มเกือบทุกวัน กลับบ้านมาก็นอน ตื่นมาก็ไปทำงาน เลิกงานก็ไปฟิสเนสและไปดื่มเหล้า วงจรชีวิตวนลูปแบบนั้น เรื่องแว่น ฟ ก็ส่งแว่นคืนไปให้ ม ที่คลินิกของ ม และความสัมพันธ์ของ ท และ ฟ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ฟ ผิดหวังในตัว ท และ ท ก็กล่าวหา ว่า ฟ ชอบหาเรื่อง ฟ พยายามเปิดใจคุยกับ ท หลายครั้งและพยายามหาข้อตกลงตรงกลางที่ยอมรับได้ แต่ ท ก็บอก ฟ ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตัวกูคนเดิมได้ตายไปแล้ว กูยังดึงตัวเองกลับมาไม่ได้เลย ท ทำงานดื่มหนักเมาทุกวัน กลับบ้านดึกทุกวัน ฟ อยู่กับลูกสองคนที่บ้าน ฟ คอยดูหน้าบ้านรอ ท กลับมาทุกวัน และทุกอย่างก็ไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ท ได้บอก ฟ ว่า ไปเรียกผู้ใหญ่มาคุยกัน ท ไม่ไหวละ ท พูดแบบนี้
ท ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟังและ ฟ ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฝั่งผู้หญิงฟังแล้วเช่นกัน ทั้งสองได้ให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน ในวันที่ครอบครัวฝ่ายชายมาถึงครอบครัวฝ่ายชายแม่ของ ท ก็ได้เปิดใจคุยกับ ฟ ถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา แม่ของ ท ได้เล่าว่า พวกเขาทะเลาะกันเรื่องธุรกิจส่วนตัว หลังจากนั้นพ่อของ ม ก็มาขนของของ ม ทั้งหมดออกจากบ้าน ท และทั้งคู่ก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย และ ท ก็มาคบกับ ฟ และตอนหลัง ม ได้ทักมาคุยกับแม่ ม กับ ท ก็ได้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเพื่อนกัน
วันที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้มาถึงทุกคนทั้งรวมกันและเริ่มพูดคุยถึงเรื่องปัญหาทั้งหมด ฝ่ายชายพยายามให้ฝ่ายหญิงเลือกวันที่หย่าให้ไวที่สุด โดยทีให้เหตุผลว่าทำทุกอย่างให้มันชัดเจนไปเลย ไม่ต้องรอ ไม่วันนี้หรือวันไหน ยังไงก็หย่าอยู่ดี ด้วยความที่ ฟ ยังคงรัก ท จึงบอกกับ ท ว่า ฟ ขอเวลาทำใจก่อนได้มั้ย ฟ พร้อมแล้วจะไปหย่าให้ ท ก็บอกว่าจะเอาอะไรก็เอาไปเลย ขอแค่ทำทุกอย่างให้ชัดเจน รีบหย่า ไม่ต้องมายื้อเวลาค้างคาแบบนี้ ฟ เครียดมากร้องไห้จนหมดสติหลังจากนั้นทุกคนก็นำ ฟ ไปส่งรพ.การคุยวันที่สองยังไม่ได้ข้อสรุป
วันที่3 ของการคุยกันเรื่องหย่า ฟ ร่างกายไม่พร้อมสำหรับการพูดคุยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้กลับบ้านกันไป ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ฟ และ ท สามารถคุยกับได้เพียงแค่เรื่องงานและเรื่องลูกเท่านั้น ก่อนที่เรื่องทะเลาะทั้งหมดจะเกิดขึ้น มีคุณป้าคนหนึ่งเคยได้เข้ามาใช้บริการคลินิกที่ ท ทำงานและได้ชมและรีวิวความประทับใจพร้อมชวนลูกและญาติมาใช้บริการ และหลังจากนั้นความสนิทสนมที่มากขึ้น ท ได้เข้าไปใช้บริการฟิสเนสและคาร์แคร์ของคุณป้าคนนั้น เมื่อคุณป้าคนนั้นได้พบกับ ฟ เขาไม่ยิ้ม ฟ สวัสดีทักทายก็ไม่รับไหว้ นิ่งเฉยทำเหมือน ฟ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทั้งๆที่ ท ก็พยายามแนะนำให้ ฟ และคุณป้าคนนั้นรู้จักกัน ความเป็นมิตรต่อกันเท่ากับ0% คุณป้าเขามีลูกสาว2ชาย2 ครอบครัวนี้ได้รู้จักกับ ท และ ท ไปฟิสเนสหลังเลิกงานเกือบทุกวันหลังจากนั้นก็มีไปดื่มเบียร์กันต่อ และวันหนึ่งวันที่ ท เมามากๆครอบครัวป้าคนนั้นและลูกของเขามาส่ง ท ที่บ้านแล้ว ฟ ได้เห็นแชทของ ท ที่พูดคุยกับลูกสาวคุณป้าคนนั้น บทสนทนาพูดประมาณว่า พวกเขาค่อยเป็นกำลังใจให้กับ ท อยู่เสมอ และคุยกันเรื่องไปร้านเหล้า และตกลงกันว่าจะนัดเจอกันที่ร้านไหน เมื่อ ฟ เห็นสิ่งเหล่านั้น ฟ ถึงแน่ใจแล้วว่า ท นั้นมีเซฟโซนใหม่คือครอบครัวของคุณป้านั้น และ ท อาจมีความรู้สึกดีๆกับลูกสาวของคุณป้าคนนั้น ลูกสาวคนโตของคุณป้าคนนั้นชื่อ ต เขามีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ในระดับหนึ่งเป็นขวัญใจของหลายๆคนทำคอนเทนต์ยิ้มหวานอ้อนและหอมแก้ม..ช่วงที่ ท คุยกับ ฟ เรื่องหย่า ต ก็ลงสตอรี่ชูสองนิ้วคอยให้กำลังใจอยู่เสมอและ ต ก็ยังคงทำคอนเทนต์พูดยุยงให้ ท รีบๆทำในสิ่งที่ ท ต้องจัดการและหันมารักกับ ต ก่อนถึงวันเกิด ต ทำให้ ท รีบมากดดัน ฟ ให้รีบหย่า ฟ ก็พอรู้สึกว่าใบหย่านี่จะเป็นของขวัญวันเกิดให้ ต แต่เขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการหรอก
เมื่อ ฟ เริ่มแน่ใจว่า ท กำลังมีใจให้กับ ต พวกเขาได้มีโอกาสได้เจอกันหลังจาก ท เลิกงาน มีเวลาความสุขร่วมกันโดยการไปดื่มสังสรรค์ และ ท กดดันให้ ฟ หย่าโดยพูดว่า ถ้าไม่หย่าจะพังบ้านหลังนี้ และ ท ก็ยังพูดว่ารู้จักกูน้อยไป อย่าให้กูต้องทำอะไรที่ไม่ดี จะหย่าก็รีบหย่าไม่ต้องรอเวลาทำทุกอย่างให้ชัดเจน จนในที่สุด ฟ ก็ได้ให้ครอบครัวมาอีกครั้งมาเพื่อไปหย่าและขนของทั้งหมดออกจากบ้านพร้อมลูกน้อย ฟ ออกมาอยู่กับลูกสองคน เมื่อ ท มาหาลูกมีเงื่อนไขว่า อย่าพาผู้หญิงคนไหนมาให้ลูกเห็นหน้า 9 วันหลังหย่า เจอลูกครั้งแรก ท ก็ยังแอบพา ต ให้มาพบกับลูก และตีสนิทกับลูกโดยการให้เด็กเรียกชื่อ ต จนลูก วัย 2.1 จำชื่อ ต ได้ เมื่อ ท พาลูกออกไปเที่ยวเสร็จแล้ว ลูกกับมาถึงบ้านพร้อมตุ๊กตามากมาย เหตุการณ์นี้ทำให้ ฟ รู้สึกไม่ไว้ใจให้ ท พาลูกไปเที่ยวสองต่อสองอีกต่อไป และหลังจากนั้นทุกครั้งที่ ท มาพบลูก ฟ ก็จะไปด้วยและจะอยู่ดูห่างๆ และ ต ก็จะตามมากับ ท ในบางครั้ง บางครั้งที่ ท ใช้เวลาอยู่กับลูก ต ก็จะไปเที่ยวคาเฟ่รอ หรืออยู่ที่อื่นที่ไม่ต้องมาเจอเด็กและแม่ของลูก
หลังหย่าหลัง ฟ กับลูก ออกจากบ้าน ต ได้เข้าไปอยู่ในบ้าน ท หลังหย่า 3เดือน ทำคอนเทนต์ฯลงโซเชี่ยล นอนอยู่บนที่นอนของ ฟ และ ท ในอดีตฯ
หลังหย่า5เดือน ต และ ท ก็ได้หมั้นหมายกัน ต ได้เปิดตัวลงในโซเชียลอย่างภาคภูมิใจ สุดท้ายคนที่สงสัยว่า ท ต้องการก็เป็นคนนั้นจริงๆ คนที่ ท ยอมทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนั้น
เรื่องนี้ใครเป็นคนผิดคะ?