เนเธอร์แลนด์ส่งมอบ F-16 จำนวน 24 ลำไปยังยูเครนเป็นครั้งสุดท้าย

เนเธอร์แลนด์ส่งมอบ F-16 จำนวน 24 ลำไปยังยูเครนเป็นครั้งสุดท้าย
เนเธอร์แลนด์ยืนยันการส่งมอบเครื่องบินรบ F-16 Fighting Falcon จำนวน 24 ลำให้กับยูเครน โดยลำสุดท้ายมีกำหนดถึงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นจากปากของรัฐมนตรีกลาโหม Ruben Brekelmans ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ “WNL op Zondag” ของเนเธอร์แลนด์

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการเติมเต็มคำมั่นสัญญาของเนเธอร์แลนด์ในการสนับสนุนยูเครนรับมือกับการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากพันธมิตร NATO อย่างเดนมาร์ก เบลเยียม และนอร์เวย์ ที่ต่างก็ให้คำมั่นจะส่งมอบเครื่องบิน F-16 เพิ่มเติมหลายสิบลำ

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็มีบทบาทสำคัญโดยส่งเครื่องบิน F-16 ที่ปลดประจำการไปเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อเสริมกำลังการซ่อมบำรุง โดยมีภาพเครื่องบินเหล่านี้ถูกขนขึ้นเครื่องบินขนส่ง Antonov An-124 ที่สนามบินในรัฐแอริโซนาเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน

การส่งมอบนี้สะท้อนถึงความพยายามร่วมกันของนานาชาติในการยกระดับศักยภาพทางอากาศของยูเครน ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศของรัสเซียที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยยูเครนอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องบินยุคโซเวียตไปสู่เทคโนโลยีของ NATO

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในปีที่ 3 ของสงคราม รัสเซียยังคงโจมตีเมืองต่างๆ ด้วยขีปนาวุธและโดรน ขณะที่ Brekelmans เน้นถึงความเร่งด่วนในการส่งมอบอาวุธ โดยระบุว่า ปูตินยังไม่มีท่าทีใดที่จะยุติการรบอย่างจริงจัง

ความช่วยเหลือของเนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรการบินที่รวมเดนมาร์ก เบลเยียม และนอร์เวย์ โดยเดนมาร์กให้คำมั่นส่งมอบ 19 ลำ เบลเยียม 30 ลำภายในปี 2028 ขณะที่นอร์เวย์คาดว่าจะมอบอย่างน้อย 12 ลำ

การโอนย้ายเครื่องบินเหล่านี้มาพร้อมโปรแกรมฝึกอบรมที่ครอบคลุมสำหรับนักบินและช่างเทคนิคชาวยูเครน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ศูนย์ฝึกในโรมาเนีย โดยเนเธอร์แลนด์ยังจัด F-16 อีก 18 ลำสำหรับใช้ฝึกโดยเฉพาะ

F-16 Fighting Falcon เป็นเครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ที่เริ่มใช้งานในปลายทศวรรษ 1970 ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นที่ยูเครนได้รับส่วนใหญ่น่าจะเป็น F-16AM/BM ที่ผ่านโครงการ Mid-Life Update (MLU) ซึ่งอัปเกรดระบบอากาศยาน เซ็นเซอร์ และอาวุธให้ทันสมัย
ด้วยขนาดกะทัดรัด คล่องตัวสูง และใช้เครื่องยนต์ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง Mach 2 ทำให้ F-16 เป็นเครื่องบินรบที่เหมาะกับการปะทะทางอากาศและโจมตีภาคพื้นดิน โดยติดตั้งขีปนาวุธ AIM-9 Sidewinder และ AIM-120 AMRAAM สำหรับการรบทางอากาศ และ JDAM กับ AGM-88 HARM สำหรับโจมตีเป้าหมายภาคพื้น

ความสามารถในการเจาะระบบป้องกันของรัสเซีย เช่น S-400 ซึ่งมีพิสัยถึง 250 ไมล์ ทำให้ F-16 ต้องพึ่งพาระบบต้านการรบกวน เช่น ALQ-131 และ ALQ-184 ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับทักษะนักบินและการวางแผนที่แม่นยำ

เมื่อเทียบกับเครื่องบินรบของรัสเซียอย่าง Su-35 และ MiG-31 แล้ว F-16 มีความคล่องตัวและเทคโนโลยี Avionics ที่ทันสมัยกว่า แม้ว่าเรดาร์ Irbis-E ของ Su-35 จะเหนือกว่าในด้านระยะตรวจจับก็ตาม ส่วน MiG-31 แม้เร็วแต่ขาดความยืดหยุ่นในการต่อสู้ระยะประชิด

หาก F-16 ได้รับอาวุธที่ทันสมัยและข้อมูลข่าวกรองจาก NATO ก็มีศักยภาพในการต้านขีปนาวุธและโดรนได้ อย่างในเดือนธันวาคม 2024 ที่ยูเครนรายงานว่าสามารถยิงขีปนาวุธร่อนตกได้ 6 ลูกในการรบครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม อายุของเครื่องบินและภาระด้านการซ่อมบำรุงก็เป็นข้อจำกัดสำคัญ

ยูเครนต้องการ F-16 เพื่อทดแทน MiG-29 และ Su-27 ที่เก่าและใช้งานหนักตั้งแต่สงครามเริ่มต้นในปี 2022 F-16 ซึ่งรองรับระบบ NATO เช่น Link 16 ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ แต่การฝึกและบูรณาการก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย

F-16 ล็อตแรกส่งถึงยูเครนในเดือนตุลาคม 2024 และตามด้วยลำอื่นในช่วงต้นปี 2025 ยูเครนสูญเสียเครื่องบินไปแล้ว 2 ลำ ซึ่งเน้นย้ำถึงความเสี่ยงในการใช้งานแพลตฟอร์มใหม่ในพื้นที่รบ

แม้จะมีศูนย์ฝึกในโรมาเนีย แต่ระยะเวลาการฝึกถูกย่อลง ทำให้เกิดคำถามถึงความพร้อมของบุคลากร ขณะที่การพึ่งพาอะไหล่จากเครื่องบินที่ปลดประจำการของสหรัฐฯ ก็สร้างภาระในการขนส่งและซ่อมบำรุง

ในอดีต F-16 พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องบินที่เชื่อถือได้ในสงครามหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามอ่าวปี 1991 หรือในซีเรียและอิรัก การโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศในภารกิจ SEAD โดยใช้ HARM เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ยูเครนอาจนำมาใช้

อย่างไรก็ตาม การป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียในยูเครนมีความซับซ้อน โดยมี S-300 และ S-400 ครอบคลุมหลายชั้น ความสำเร็จของ F-16 จะขึ้นอยู่กับการประสานกับระบบป้องกันภาคพื้นและข่าวกรองจากพันธมิตร

ผลกระทบของการส่งมอบครั้งนี้ขยายไปไกลกว่าสมรภูมิ เพราะสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของ NATO ในการปรับยูเครนให้เข้ากับระบบตะวันตก พร้อมทั้งเสริมแนวรบด้านตะวันออกของยุโรปที่หลายประเทศเริ่มเปลี่ยนจากเครื่องบินโซเวียตไปใช้ F-35 แทน

เนเธอร์แลนด์ยังลงทุนกว่า 80 ล้านยูโรในอะไหล่และอุปกรณ์ซ่อมบำรุง อีกทั้งยังพัฒนาโดรนร่วมกับยูเครนมูลค่า 400 ล้านยูโร พร้อมทั้งส่งชิ้นส่วนของระบบป้องกันภัยแพทริออต แม้จะยังประสบปัญหาในการประสานงานระหว่างชาติพันธมิตร

แม้การส่งมอบจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2025 แต่ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความเร็วในการบูรณาการและการฝึกอบรม เพราะในภาวะสงคราม ความล่าช้าอาจมีผลโดยตรงต่อสมดุลของอำนาจทางอากาศ

F-16 ช่วยยกระดับขีดความสามารถของยูเครนได้อย่างมาก แต่จะเปลี่ยนเกมได้หรือไม่ ยังต้องจับตาดูว่าความร่วมมือจากชาติตะวันตกจะสามารถเสริมศักยภาพเหล่านี้ได้ทันเวลาหรือไม่
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่