ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี มนุษย์เงินเดือนรับมือเศรษฐกิจตอนนี้ยังไง มีการระมัดระวังกันใช้จ่ายมากขึ้นกันแค่ไหนครับ

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนเอกชน อายุ 35 ปี เกี่ยวกับสาย IT (Programmer&Developer) เขียนโค้ดทำแอปออกแบบแอปให้บริษัท อันนี้คืองานหลัก แต่พ่วงอีกตำแหน่งคือ Graphic Design ทำมาได้จะ2ปีแล้ว เพราะเจ้านายไม่เปิดรับคนเพิ่มแล้ว ในช่วงที่ตำแน่งนี้ว่าง ผมได้ลองทำแทน ทำไปทำมามันก็โอเคสนุกดี ไม่ยากด้วย เจ้านายเห็นว่าทำได้ก็เลยมาพูดคุยตกลงกัน เลยสรุปว่าจ้างผมทำ 2 ตำแหน่ง และมีการจ่ายเงินเดือนของตำแหน่งนี้ตามปกติให้ด้วยเสมือนว่ามีการจ้างพนักงานตำแหน่งนี้ แต่ผมบริหารจัดการได้ บริษัทให้ผมได้ ผมก็ทำให้บริษัทได้ ถือว่าผลประโยชน์ลงตัวทั้งคู่

และเจ้านายอนุญาตให้ผม work from home มาจะเข้าปีที่ 5 แล้วครับ และผมได้ทำอยู่บ้านต่อไปแบบไม่มีกำหนดกลับเข้าออฟฟิศ ยกเว้นเวลามีประชุมใหญ่จริงๆที่ต้องพูดคุย จะเรียกตัวเข้าไป แต่นานๆทีครับ ปีละครั้งเลยมั้ง เพราะส่วนตัวผมติดต่อกับเจ้านายและพนักงานฝ่ายอื่นๆทุกวันอยู่แล้วในแอปบริษัท ประชุมออนไลน์ได้ สแกนหน้าเข้างานได้ ทำอะไรได้หลายอย่าง ตามที่ผมออกแบบไว้ ....จำได้ว่าตั้งแต่โควิดระบาดรุนแรงแล้วติดกันทั่วประเทศรอบแรกๆ เจ้านายสั่งให้กลับไปทำงานอยู่บ้านยาวๆแล้วรอแจ้งกลับมาว่าจะให้กลับเข้ามาตอนไหน และบอกเวลาไม่ได้ ก็เลยได้ทำอยู่บ้านยาวตั้งแต่นั้นมาจนถึงตอนนี้ อ้อ..ตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ในบริษัทมีแค่ผมคนเดียว หน้าที่หลักดูแลระบบภายในของบริษัทเป็นหลัก ผมไม่ได้เจอลูกค้า ตำแหน่งนี้เหมือนเป็น ChatGPT ของบริษัทก็ไม่ปาน  

โดยบริษัทปรับเงินเดือนตำแหน่งเดิมรอบปีล่าสุดที่ผ่านมา + ตำแหน่งกราฟิก ก็รวมๆรายรับสุทธิ 55K + (ยังไม่หักประกันสังคม)

ปัจจุบันบริษัทที่ผมทำอยู่เป็นบริษัทที่ 2 ตั้งแต่เริ่มทำงาน เข้าปีที่ 8 กลางๆแล้วครับ ที่ทำแรกอยู่ 4 ปีก็ลาออก แต่ยังอยู่สายงานเดิมเพราะเรียนจบด้านนี้มา
และงานสายนี้หาไม่ยากเลย ขาดด้วยซ้ำ แต่จะทำที่ไหนมันไม่ได้ดูแค่เงินเดือน  ผมจะดูสวัสดิการโดยรวม และระบบภายในด้วยว่าโอเคกับผมหรือเปล่าด้วยครับ และคิดว่าเพื่อนๆพี่ๆก็คิดแบบเดียวกับผม

นอกจากรายรับจากเงินเดือน ผมมี Job นอกที่รับงานเองต่างหาก มีลูกค้าเดือนละ 3 เจ้า แต่เดือนนี้ได้ลูกค้าเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นเจ้าที่ 5 แล้วครับ ถ้าทำงานได้ตรงใจตรง concept ลูกค้า ลูกค้าจะติดหนึบเราและยอมจ่ายถ้าเราทำให้เขาได้ นี่คือหัวใจสำคัญของ freelance เลยครับ แต่ผมไม่ใช่ฟรีแลนซ์555 รายรับจากงานเสริมต่อเดือนนี้ ยืนพื้นที่ 30-40k บางเดือนก็ได้ถึง 50K ขึ้นอยู่กับความแอดวานซ์ของงาน เท่ากับว่าผมมีรายได้ จากการทำงาน 80k รวมงานประจำเป็นอย่างต่ำครับ เป็นแบบนี้มา 5 ปีกว่าแล้ว เก็บ 60,000-70,000 ใช้ส่วนตัวเดือนละ 8,000-12,000 อันนี้คือก้อนใหญ่สุดที่ผมจะใช้ได้ เพราะเก็บเดือนละ 60,000 มาหลายปีแล้วครับ

เงินเดือนไม่เคยได้ใช้เลย เก็บอย่างเดียว จะใช้เงินจากงานเสริมที่หามาได้เองมากกว่า และก็ได้ปรับเพิ่มทุกปีตามระเบียบบริษัทและตามผลงาน แต่ใช้แค่ 20-30% มากสุดก็ 40% แต่จะใช้เวลามีเหตุจำเป็นต้องใช้ จะไม่ใช้กับของฟุ่มเฟือยเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องต้องให้ใช้เงินในสถานการณ์นั้น เช่น ของใช้ในบ้านพังแล้วต้องซ่อมหรือซื้อใหม่ อันนั้นก็แล้วแต่กรณีๆไป อันไหนพอซ่อมได้ก็ซ่อม ถ้าเคยซ่อมแล้ว ก็ต้องดูว่าที่ซ่อมครั้งที่แล้วมันมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ถ้านานพอที่จนราคาถูกมากๆประหยัดกว่าซื้อใหม่ ผมก็จะซ่อมต่อไป

เช่น พัดลม 20 นิ้ว บางคนโยนทิ้งซื้อตัวใหม่ ผมจะซ่อม โดยเปลี่ยนคาปาหรือหัวเทียน ต้นทุนไม่ถึง 20 ใช้ต่อได้ยาวๆ ใบพัดพังก็หาซื้อใบพัดเอาอย่างเดียว อะไรแบบนี้ครับ ที่บ้านใช้พัดลมของ Panasonic ถึกทนจริง ส่วนตู้เย็นใช้ Hitachi ในบ้านมี 2 ตู้ 21คิว(อายุ6ปี) กับ 22.5คิว(อายุ4ปี)  ดูประวัติจากการสั่งในแอปส้ม ก็ใช้นานอยู่มากๆเลย ของนิปปงคือดีจริงอะไรจริง คิดว่าราคาแพงนะแต่คุ้มค่ามาก ไม่จุกจิกงอแง

และผมปล่อยบ้านที่เคยอยู่ เป็นบ้านเช่น (บ้านพ่อ) แต่แกเเสียไป10กว่าปีแล้ว ตอนนี้กรรมสิทธิ์ในโฉนดเป็นของผม ผมเลยปล่อยเช่า 8,500/เดือน ไม่เคยว่างเลยครับ 2 ปีแล้ว กับที่ผมมีรายได้ตรงนั้น เหตุผลที่ปล่อยเช่าบ้านในเมือง เพราะก่อนหน้านี้คุณตาขายบ้านที่แกอยู่ตอนนี้ให้ผมและชวนผมกลับไปอยู่บ้านที่นอกตัวเมือง(ในจังหวัดเดียวกันนั่นแหละแต่อยู่บ้านนอกชนบท) แกมาขายให้ผม 3 แสน ทั้งบ้านและที่ดินตอนนี้เป็นชื่อผมแล้ว แต่ผมให้แกไป 5 แสน ซื้อเสร็จรีโนเวทหมดไปล้านนเศษๆก็ย้ายออกจากบ้านในเมืองกลับไปอยู่บ้านนอก จนถึงตอนนี้ครับ มีความสุข

ผมแม่มาอยู่กับตายายก่อนแล้ว แก่เฒ่าแล้วทำอะไรไม่ค่อยจะไหว ข้าราชการเกษียณที่ต้องไปโรงบาลทุกๆ 4 เดือนตามหมอนัด ผมมาอยู่ด้วยมีคนขับรถไปส่งได้ตลอด 24 ชม. รถยนต์ก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอก จะใช้ก็ตอนมีธุระจริงๆกับพาคนแก่ที่บ้านไปหาหมอตามนัด แค่นั้นเองครับ แต่มันก็ดีกว่าไปจ้างคนอื่น เพราะเอาตังค์ที่จะจ้างคนอื่นครั้งละ 500-1000 สู้มาเติมน้ำมันให้รถยนต์ของหลานๆ 1000 นึงขับไปไหนได้อีกนาน ลำพังบ้านกับโรงบาล ห่างกัน 25โล ไปกลับ 50 โล หมดค่าน้ำมันไม่ถึง 200 บาท รถยนต์ไม่ค่อยได้ใช้เพราะสั่งแต่ออนไลน์จากแอปส้ม ไปตลาดสดแถวบ้านก็ใช้รถมอไซค์พ่วงข้าง กันแดดกันฝน มีหลังคาพร้อมบรรทุกของสดแบบจุกๆกันไปเลย แม่ผมใช้ทุกวันเวลาไปตลาด แรกๆบังคับยากเวลาจะเลี้ยวจะถอย ตอนนี้ใช้งานคล่อง ขับเก่งกว่าผมแล้ว อายุ 55 แต่แข็งแรงสุดๆ

คุณแม่ผม มีแต่ประกันสังคมดูแลเวลาเจ็บป่วย เป็น ม.39 แกเคยทำงานประจำแล้วลาออกมาหลายปีแล้วครับ แม่อยากรักษาสิทธิการรักษาพยาบาลไว้ ยอมเสียเงินทุกเดือนถึงตอนนี้ แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะให้แม่ออกจาก ม.39 ดีไหม แล้วไปบัตรทองแทน แต่ช่วงนี้ฝั่งทางบัตรทองก็ระส่ำระส่าย ก็เลยไม่รู้จะเอายังไงดี

แต่เมื่อสองปีที่แล้วแม่ผมต้องเข้ารับการผ่าตัดเพราะไส้ติ่งอักเสบ นอนโรงพยาบาลอยู่ 4 คืน 5 วัน แต่โชคดีที่มี ม.39 เลยไม่ต้องเสียเงินอะไร จ่ายแค่ค่าห้องพักพิเศษคืนละ 2,000 ได้ส่วนลด 700 เหลือคืนละ 1,300 ก็ไม่แพงอะไร ให้นอนห้องรวม กลัวแม่ผมไม่ได้พักผ่อนเพราะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ ตอนนี้แกแข็งแรงดีนะ ขายอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้านที่ผมทำร้านให้ ก็ปกติสุขดี

เงินดือนผมอาจจะน้อยสำหรับหลายๆคนเพราะมีถึง 2 ตำแหน่ง
แต่บริษัทเอกชนที่ผมทำงานเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีแค่ 2 สาขาทั่วประเทศ ผมอยู่สาขาใหญ่ครับ ดูแลระบบใหญ่เลย
ผมอยู่ต่างจังหวัดบ้านนอก บริษัทก็เช่นกัน เรทที่ได้มันก็ได้เท่านี้แหละ แต่ที่อื่นหากทำควบสองตำแหน่งคงได้เฉียดแสนสบายเลย แต่ส่วนตัวผม ผมได้เท่านี้ถือว่าผมพอใจแล้ว บริษัทเล็กแถมอยู่บ้านนอก เจ้านายคนไทย มีผู้ถือหุ้น 3คน โดยครอบครัวเจ้านายหมด

แต่เพื่อแลกกับสวัสดิการและความยืดหยุ่น แถมได้ทำงานอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดด้วย ผมพอใจละ
จะหาเป็นแสนก็ทำได้ แต่ต้องย้ายเข้าไปในเมืองใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ที่ที่ผมอยู่และในจังหวัดนี้
แต่ผมไม่เลือกแบบนั้น ความสบายใจมาก่อนเงินครับ ผมหาเพิ่มเอาในสิ่งที่ขาดได้

แล้วของเพื่อนๆมีแนวทางการใช้จ่าย ประหยัด วางแผนการเงินกันอย่างไรบ้างครับ มาแชร์กันได้ครับ


*แก้ไขคำผิดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่