JJNY : 5in1 สะท้อนเศรษฐกิจ!│ปชน.จัด 50 ขุนพลถลกงบ’69│“รักชนก”ลั่นอยากเห็นคนติดคุก│แม่สายเตือนรับมือ│อินโดฯ จับไทย 2 คน

สะท้อนเศรษฐกิจ! คนแปดริ้วตั้งป้ายขายที่ดินทั่วจังหวัด ตลาดเงียบเหงา พ่อค่าแม่ค้าบ่นระงม
https://www.matichon.co.th/region/news_5200193
.
.
สะท้อนเศรษฐกิจ! คนแปดริ้วตั้งป้ายขายที่ดินทั่วจังหวัด ตลาดเงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้าบ่นระงม
.
เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่าตามท้องถนนริมเส้นทางการสัญจรเกือบทุกสายในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในขณะนี้สามารถพบเห็นได้กับแผ่นป้ายประกาศขายที่ดินทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ที่มีผุดขึ้นมาให้เห็นจนทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเดินทางไปยังทิศทางใด สะท้อนให้เห็นถึงความขาดแคลนเงินตราของประชาชน ที่ต้องใช้จับจ่ายภายในครอบครัว หรือเงินขาดมือจนต้องพากันประกาศขายที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
.
ไม่เว้นแม้แต่อาคารหรือที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้าง เช่น อาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนบ้านเรือนพักอาศัยที่บางรายต้องตัดสินใจขึ้นป้ายขายทิ้งยกหลัง พร้อมกับแปลงที่ดินที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ทั้งในพื้นที่ตามชุมชนหมู่บ้าน ถนนเชื่อมระหว่างตำบลและริมถนนสายหลักเส้นทางการสัญจรขนาดใหญ่ 8 ช่องจราจร ล้วนต่างมีอสังหาริมทรัพย์ถูกขึ้นป้ายประกาศขายไปจนทั่วทุกพื้นที่ทั้งสิ้น
.
ขณะบรรยากาศการจับจ่ายซื้อขายสินค้าของผู้คนตามท้องตลาดค่อนข้างเงียบเหงา ปชช.ออกมาเดินในตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้แม่ค้าพ่อค้าต่างพากันบ่นระงมเป็นเสียงเดียวกันอย่างถ้วนหน้า และบางรายถึงกับร้องเรียกหารัฐบาลเมื่อชุดก่อนหน้า ในเชิงล้อสัพยอกว่า ให้อดีตผู้นำนั้นรัฐบาลชุดนั้นกลับมารายตัวต่อประชาชนด่วน หรือร้องหาว่า “ลุงอยู่ไหน ให้รีบกลับมา” ทำให้หลายคนที่กำลังเดินผ่านนั้นต่างพากันเดินอมยิ้มไปตามกัน
.
ขณะกิจการร้านค้าหลายแห่ง ยังได้มีการขึ้นป้ายให้เซ้งต่อหรือให้เช่าพื้นที่ต่อ นอกจากนี้บางส่วนยังหันมาลดราคาค่าบริการเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน ท่ามกลางสภาวะที่คนกำลังไม่มีเงินสดติดมือหรือไม่กล้าจับจ่ายใช้เงิน เช่น ร้านตัดผมชายบางแห่งย่าน ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้ขึ้นป้ายคิดค่าบริการเหลือเพียง 60 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก 40 บาท จากเดิมที่ร้านตัดผมทั่วไปนั้น จะคิดอัตราค่าบริการผู้ใหญ่ 100 บาท และเด็ก 60-80 บาท เพื่อเรียกความสนใจและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในร้าน และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายที่ชะลอตัวให้ผู้คนกล้าควักเงินออกจากกระเป๋ามากขึ้นด้วย
.

.
ปชน.จัด 50 ขุนพล ถลกงบ’69 ชี้ปมให้อปท. ชงโครงการแค่ไม่กี่วัน หวั่นเปิดช่องเงินทอนก้อนใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5200446
.
ปชน.จัด 50 ขุนพลถลกงบ’69 โวไม่ซ้ำประเด็นแน่ ยันละเอียดกว่าปีก่อน ตัดที่ไม่จำเป็นออก ชี้ปมให้อปท.ชงโครงการแค่ไม่กี่วัน เสี่ยงเปิดช่องเงินทอนก้อนใหญ่
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของฝ่ายค้านในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ว่าเราได้มีการพูดคุยกันและแบ่งเวลากันเรียบร้อยแล้ว โดยพรรคพลังประชารัฐได้ 3 ชั่วโมง พรรคไทยสร้างไทยและพรรคเป็นธรรม ได้ไปพรรคละครึ่งชั่วโมง ส่วนที่เหลือจะเป็นของพรรค ปชน. 16 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของพรรค ปชน.มีผู้ที่จะอภิปรายคร่าวๆ ประมาณ​เกือบ 50 คน โดยแต่ละคนจะอภิปรายไม่ซ้ำประเด็นกัน และปีนี้เราพยายามที่จะมีความละเอียดมากและให้มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมาทั้งในชั้นของการอภิปรายและชั้นกรรมาธิการ
.
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ตอนนี้ประเทศกำลังประสบปัญหากับวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนน่าจะทราบและรู้กันดี ดังนั้น การใช้งบประมาณของรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงต้องจัดให้มีผู้อภิปรายจำนวนมากเพื่อให้ลงรายละเอียดครบทุกกระทรวงและครบทุกประเด็นว่ามีงบประมาณอะไรที่รัฐบาลตั้งมาแล้วเราเห็นว่าไม่จำเป็นในปัจจุบัน ทั้งนี้ การทำงานในชั้นกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ เราได้มีการกำชับว่าคนที่จะเข้าไปทำหน้าที่ต้องทำงานอย่างละเอียดมากๆ และต้องจดทุกไอเท็มที่มองว่าไม่มีประโยชน์พร้อมพยายามตัดให้ได้เพื่อนำมาใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้
.
สิ่งที่อยากให้ประชาชนจับตาในตอนนี้คือนอกจากการอภิปรายในวาระแรกแล้ว ในชั้นกรรมาธิการที่จะใช้เวลาในการพิจารณาอีก 3 เดือนในช่วงท้ายงบ
ทั้งหมดที่เราตัดได้ สุดท้ายจะถูกแปรโดยกรรมาธิการ ฉะนั้น จึงขอให้ช่วยกันจับตาดูเพราะต่อให้เราตัดได้มากเท่าไหร่ และรายการที่ถูกแปรไปก็เป็นโครงการที่ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เช่น งบดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกทบทวนและบอกว่าจะนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราก็พบว่ามีคำสั่งที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอโครงการเข้าไปแต่ให้เวลา 3 วัน แต่สุดท้ายแล้วงบก้อนมโหฬารที่บอกว่าจะนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เราก็มองไม่ออกว่าเราจะได้โครงการหน้าตาประมาณไหน และจะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจประเทศได้หรือไม่ ยืนยันว่าพรรคประชาชนจะทำงานอย่างละเอียดมากๆ เพื่อช่วยรัฐบาลในการหางบไปกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราจะช่วยหางบอย่างเดียวไม่พอรัฐบาลต้องใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดด้วย“ นายปกรณ์วุฒิกล่าว
.
เมื่อถามถึง กรณีที่มีข้อสังเกตว่าการตั้งงบประมาณเช่นนี้อาจจะเปิดช่องให้มีเงินทอนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า อาจจะตั้งข้อสังเกตได้ว่าบางครั้งคนที่ได้ประโยชน์อาจจะเป็นคนที่รู้ก่อน ว่าจะเสนอโครงการอะไรมา หรือมีเจ้าภาพอยู่แล้วหรือไม่ จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นช่องทางในการกอบโกยผลประโยชน์ หรือเงินทอนที่มหาศาลจากเงินก้อนนี้
.
เมื่อถามว่า สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ว่าผู้อภิปรายในส่วนของพรรคประชาชนมีใครบ้าง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในภาพรวม จะมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเราจะมีไฮไลต์ให้กับผู้ที่สนใจติดตามในแต่ละประเด็น เช่น ด้านการเกษตร ด้านการศึกษาการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น แต่คงไม่ได้มีไฮไลต์เป็นพิเศษ แต่จะเน้นไปที่การตัดงบที่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงโจทย์ของประเทศ
.
เมื่อถามว่า มีผู้อภิปรายคนไหนที่น่าสนใจบ้าง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ”ว้าวทุกคน“ เมื่อถามว่า ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในการอภิปรายครั้งนี้เหมือนเปิดโอกาสให้ ส.ส.หน้าใหม่มีส่วนร่วมมากขึ้น นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตอนนี้คงไม่ได้แบ่งเป็น ส.ส.หน้าใหม่หรือหน้าเก่า เพราะทุกคนเป็น ส.ส.มาแล้วสองปี ทำงานละเอียดมีประสบการณ์เยอะ บางคนแม้ไม่ได้อภิปรายแต่ก็เคยทำงานในกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณมาแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่าในการอภิปรายคงไม่มีการประท้วงกันเยอะ และหวังว่ารัฐบาลคงไม่จ้องจะประท้วงกันให้เสียเวลา
.
เมื่อถามว่า ในส่วนของฝ่ายค้านจะโหวตอย่างไร นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ฝ่ายค้านเราจะมีการพูดคุยกันในวันที่ 27 พฤษภาคม เช่นเดียวกับที่พรรค ปชน.จะมีการประชุม ส.ส.กันโดยจะมีมติหลังการประชุม ซึ่งหากเห็นว่ารัฐบาลจัดงบมาไม่ตอบโจทย์จริงๆ และไม่สามารถเห็นชอบได้จริงๆ เราก็จะไม่เห็นชอบ
.
เมื่อถามว่า รอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้มีการมากระซิบบอกฝ่ายค้าน ให้เตรียมอภิปรายในประเด็นใดหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวตนยังไม่มี แต่ ส.ส.คนอื่น ก็ยังไม่ทราบ
.
เมื่อถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรค พท. และพรรค ภท. มองว่าเป็นผลดีหรือผลเสียต่อการผ่านงบประมาณ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ได้มองว่าเป็นผลดีหรือผลเสียในการผ่านงบประมาณที่จะนำไปใช้ในการบริหาร แต่มองที่ผลดีหรือผลเสียต่อประเทศมากกว่าว่าสุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำลังตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน หรืออยู่บนอำนาจต่อรองที่กำลังคานกันระหว่างสองพรรคใหญ่มากกว่า
.
ต่อข้อถามว่า มองอย่างไรที่มีการประเมินว่าจะมีความขัดแย้งจนทำให้มีการต้องยุบสภาหลังงบ ​69 โหวตผ่าน นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าคงไม่มีรัฐบาลไหนอยากยุบสภาก่อนหมดวาระ ถ้าไม่จำเป็น แต่พรรค ปชน.พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง หากความขัดแย้งรุนแรงจนรัฐบาลไม่สามารถตัดสินใจบนประโยชน์สูงสุดของประชาชนได้
.
เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าในเร็วๆ นี้ อาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือเหตุการณ์ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เราประเมินว่าอาจมีอุบัติเหตุทางการเมืองได้ตลอดเวลา เราจึงเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเสมอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และยืนยันว่ามีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไว้อยู่แล้วนั่นคือหัวหน้าพรรค ส่วนจะมีแค่ 1 คนหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน
.

.
แรงมาแรงกลับ! “รักชนก” บอกไม่ไกล่เกลี่ยก็ไม่ไกล่เกลี่ย คดี “สุชาติ” ฟ้องหมิ่น ลั่นอยากเห็นคนติดคุกเหมือนกัน
https://ch3plus.com/news/social/morning/440345
.
แรงมาแรงกลับ “รักชนก” ไม่แคร์ บอกไม่ไกล่เกลี่ยก็ไม่ไกล่เกลี่ย คดี “สุชาติ” ฟ้องหมิ่นประมาท ลั่นอยากเห็นคนติดคุกเหมือนกัน ยันทุกช่องทางที่ทำได้ ดิฉันเอาหมด ไล่ไปดูองค์กรตรวจสอบในประเทศ ถ้าไม่ไร้เดียงสาคงรู้ว่าเป็นยังไง ยื่นวันนี้ 7 ปีจะได้พิจารณาหรือไม่ถ้าไม่ออกสื่อ ให้ประชาชนตัดสิน ฟ้องปิดปากหรือไม่
.
วันที่ 26 พ.ค. 2568 น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 ถึงกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตนเองในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่มีการพาดพิงถึงสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เข้าซื้ออาคาร Skyy9 ในสมัยที่นายสุชาติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในราคา 7,000 ล้านบาท
.
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ไม่ไกล่เกลี่ยก็ไม่ไกล่เกลี่ย ไม่เป็นไร แต่เธอเกินเยียวยาเรื่องอะไร ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องย้อนกลับไปว่าสิ่งที่เธอโดนฟ้อง เพราะทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ได้ข้อมูลมาแล้วเอามาตีแผ่ให้กับผู้ประกันตนได้รับรู้รับทราบ ว่าสำนักงานประกันสังคมใช้เงินของผู้ประกันตนอย่างไร ดังนั้น คิดว่าสิ่งที่ทำ ทำไปเพื่อประโยชน์ของผู้ประกันตน เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ คำว่าเกินเยียวยาที่กล่าวหา เธอคงทำงานดีจนเกินเยียวยาหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ
.
เมื่อถามว่านายสุชาติ ระบุว่า มีช่องทางอื่นที่สามารถทำได้ โดยไม่ต้องออกสื่อ เช่น การยื่น ป.ป.ช. น.ส.รักชนก กล่าวว่า ถ้าไม่ได้ไร้เดียงสาทางการเมืองเกินไป เราคงจะเห็นแล้วว่าองค์กรตรวจสอบของประเทศไทยมีปัญหาอย่างไร ตั้งแต่ สตง. กกต. ป.ป.ช. ถามพ่อแม่พี่น้องในตลาดทุกคน ก็สามารถบอกได้หมดว่าองค์กรตรวจสอบในประเทศไทยเป็นอย่างไร
.
ถ้าดิฉันยื่นเรื่องไปวันนี้ อีก 7 ปีจะได้พิจารณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้น สิ่งที่ดิฉันทำได้ในวันนี้เลยก็คือเอาข้อมูลมาตีแผ่ให้กับประชาชนได้รับรู้ และหูตาสว่าง ว่ามีใครทำอะไรกับเงินของพวกเขาบ้าง” น.ส.รักชนก กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่