ชลประทานเตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา รับมือระดับน้ำเพิ่ม! เฝ้าระวัง 26-30 พ.ค.นี้
.
.
น้ำเหนือหลากเข้าเขื่อนเจ้าพระยา ชลประทานเร่งควบคุมการระบาย หวั่นน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำขังในพื้นที่เสี่ยง เตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา เฝ้าระวัง 26–30 พ.ค.นี้
.
นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 1/2568 ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ อุทัยธานี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา
.
การแจ้งเตือนดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2568 ที่ระบุถึงความเสี่ยง “น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม” จากการประเมินร่วมหลายหน่วยงาน ทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่าช่วงวันที่ 26–30 พฤษภาคม 2568 นี้ จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเมือง และน้ำไหลหลากในพื้นที่ลุ่ม
.
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 06.00 น. พบปริมาณน้ำที่สถานี C2 จังหวัดนครสวรรค์ ไหลผ่านอยู่ที่ 865 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเป็น +15.47 ม.รทก. ขณะนี้มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 490 ลบ.ม./วินาที และคาดว่าอัตราการระบายจะเพิ่มเป็น 500–700 ลบ.ม./วินาที ในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นประมาณ 1.00-1.20 เมตร โดยเฉพาะในพื้นที่ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถึง ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
.
ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 12 ยืนยันจะบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยควบคุมไม่ให้ระดับน้ำเกิน +16.20 ม.รทก. และยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรในขณะนี้ หากมีแนวโน้มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเกิน 700 ลบ.ม./วินาที จะมีการแจ้งเตือนเพิ่มเติม
.
ขอให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้าน รวมถึงผู้ประกอบกิจการในแม่น้ำ เช่น แพร้านอาหาร และงานก่อสร้างริมตลิ่ง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
.
.
สว.สายคลัง เตือน “รัฐบาล” รัดเข็มขัด ปรับลดงบปี 69 ลง 4-5%
.
สว.สายคลัง เตือน “รัฐบาล” รัดเข็มขัด ปรับลดงบฯ ปี 69 ลง 4-5% หลังปี 68 เศรษฐกิจโตไม่ถึงเป้า คาดรายได้ลด เกือบแสนล้านบาท หวั่นวางแผนไม่ดี อาจต้องกู้เงิน-สร้างหนี้เพิ่ม
.
วันที่ 26 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นางสาวชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการคลัง วุฒิสภา นำคณะ แถลงข่าว เรื่อง “งบปี 69 อ่วม! รายได้ต่ำ-รายจ่ายสูง เสี่ยงขาดดุลทะลุล้านล้านว่าหลังจากได้รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายได้ประจำปี งบประมาณ 2569 คณะอนุกรรมาธิการฯได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิตร และ กรมศุลกากร ที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีที่เป็นรายได้หลักของประเทศเพื่อคาดการณ์สถานการณ์การเงินของประเทศช่วงครึ่งปีหลัง 2568 กรมสรรพากรแจ้งว่ามีความสุ่มเสี่ยงว่ารายได้จากการจัดเก็บในปี 2568 จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 20,000-36,000 ล้านบาท เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้ไม่ดีทำให้รายได้ของเอกชนลดลงภาษีในช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะเก็บได้ตามเป้า ขณะที่กรมสรรพสามิตรน่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากร จะต่ำกว่าเป้าประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมแล้วในปี 2568 ทั้ง 3 หน่วยงานน่าจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าเกือบ 100,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP
.
นางสาวชญาน์นันท์ กล่าวว่า รัฐบาลเคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2568 จะโตขึ้นร้อยละ 2.8 แต่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประมาณการณ์แล้วว่าจะโตขึ้นเพียง ร้อยละ 1.8 นี่ยังไม่รวมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งจากผู้บริโภคที่มีรายได้ลดลง รายได้ภาคเกษตรกรรมที่ลดลง รวมถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ หรือ ภาษีทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีในปี 2569 ก็จะไม่เป็นไปตามเป้าเช่นกัน ดังนั้นถ้ารายได้ลดลง แต่ยังใช้เงินเท่าเดิม ประเทศจะต้องขาดดุลเพิ่มขึ้น และสุดท้ายรัฐบาลก็ต้องกู้เงิน ซึ่งจะส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าเหตุการณ์โลกเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่อยากเรียกร้องให้ทุกคนต้องอยู่กับมะเร็งให้เป็น อย่างมีความสุข ไม่จำเป็นต้องท้อแท้ทั้งหมด ต้องเตรียมการให้รอบคอบ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ต้องเตรียมแผนรัดเข็มขัด ขอเสนอให้ปรับลดงบประมาณปี 2569 จากที่ตั้งไว้ 3.78 ล้านล้านบาท ลงมา 4-5% เผื่อสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น
.
ส่วนมีประเด็นใดที่รัฐบาลเสนอของบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะช่วยคลายวิตกกังวลหรือไม่ นางสาวชญาน์นันท์ กล่าว หากตามที่ตนเองมอง ขณะนี้เรายังไม่ศึกษาไส้ในอย่างละเอียด แต่เท่าที่ดูตามโครงการ ตนเองเห็นความคิดสร้างสรร์หรือโครงการใหม่ๆ น้อยมาก ไปย้อนดูปีก่อนๆ ก็นำมาใช้ได้ ตนเองอยากเห็นความปฏิรูปที่เกิดขึ้น ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เลย โดยหากดูงบกลางที่มีกว่า 6 แสนกว่าล้านบาท คิดเป็น 16.7% ซึ่ง สตง. ก็ไปตรวจสอบไม่ได้ ยังไม่ได้แจงออกมารายโครงการ แม้จะลดลงจากปีก่อน แต่ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี จึงไม่อาจรู้ไส้ในของโครงการในงบกลางได้ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะอยู่ในส่วนนี้ได้ และเพื่อความเป็นธรรมทุกที่ต้องมีงบกลาง แต่ถ้างบใดที่แจงได้ จะดีมาก ให้ประชาชนเชื่อมั่น และมั่นใจเพิ่มขึ้นว่า ภายในเงินเหล่านี้ถูกนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
.
ส่วนงบประมาณจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่โยกไปทำ 4 โครงการหลัก และมีส่วนท้องถิ่นที่ต้องเสนอโครงการภายใน 3 วัน ถือว่ามีพิรุธอะไรหรือไม่ นางสาวชญาน์นันท์ กล่าวว่า เรารอเห็นโครงการที่เสนอก่อน เพื่อความยุติธรรม ทั้งนี้ เราควรเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
.
ส่วนที่ประชุมวุฒิสภามีวาระลงมติให้ความเห็นชอบ บุคคลไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระแต่มีเสียงเรียกร้องว่าให้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างคดีฮั้ว สว. นางสาวชญาน์นันท์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในบริบทที่เราหารือกัน เราโฟกัสแต่เรื่องเศรษฐกิจ ตอบไม่ได้จริงๆ
.
.
"เจี๊ยบ พิสุทธิ์" ปล่อยเพลง UFO มองจากดาวอังคารยังรู้ว่าใครโกง
.
"เจี๊ยบ พิสุทธิ์" ปล่อยเพลง UFO "มองจากดาวอังคารยังรู้ว่าใครโกง - ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร" หลังยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 92 สว.แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
.
26 พ.ค.68 นายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร อดีตผู้สมัคร สว.และร็อกเกอร์ชื่อดัง เปิดเผยภายหลังเดินทางมายื่นร้องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร กับกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 92 คน กรณีใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายของคดีฮั้วเลือก สว. ว่า ตนเขียนเพลงให้กับศิลปินวัยรุ่นชื่อว่าเพลง “UFO” ที่อยากจะมี UFO จะได้บินไปหาเธอ แต่ปัจจุบัน UFO บินไปถึงดาวอังคาร และมองกลับมาที่โลกแล้วรู้สึกเอ๊ะมาก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
โดยมีเนื้อเพลงว่า "มองจากดาวอังคาร ยังรู้ว่าเธอโกง โกง โกง แล้วก็โกง มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเธอโกง เธอฮั้วแบบนี้ได้ยังไง"
.
นายพิสุทธิ์ ยังร้องอีกเพลงที่มีชื่อว่า "ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร" เผื่ออยากให้ สว.ทุกท่านให้พร้อมต่อการตรวจสอบก่อน อะไรที่ร้องเอ๊ะก็ขอให้ตรวจสอบก่อน ก่อนที่พวกท่านจะตั้งองค์กรอิสระให้พี่น้องประชาชนได้มีความสบายใจ ว่า "จะกลัวทำไมไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว จะกลัวทำไม ไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่ได้ทำผิด ถ้าเราไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ทำผิดไม่ต้องร้อนตัว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ก็ไม่เห็นต้องกลัวว่าใครจะมาตรวจสอบ ก็ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว คนดี ความดีจะคุ้มครองจากพวกที่มาโกง โกง โกง มาจากโพยเศษกระดาษ และก็กลายเป็นเศษสวะ เศษสวะมาจากโพยกระดาษ แล้วก็กลายเป็นเศษสวะ"
.
นายพิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพลงนี้ไม่ได้พาดพิงถึงใคร ตนต้องการสื่อสารและสนับสนุนความถูกต้องในสังคมให้โปร่งใส
JJNY : เตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา│สว.สายคลัง เตือน “รบ.” รัดเข็มขัด│"เจี๊ยบ พิสุทธิ์" ปล่อยเพลง UFO│ทรัมป์ประณามปูติน
.
นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 1/2568 ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ อุทัยธานี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา
วันที่ 26 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นางสาวชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการคลัง วุฒิสภา นำคณะ แถลงข่าว เรื่อง “งบปี 69 อ่วม! รายได้ต่ำ-รายจ่ายสูง เสี่ยงขาดดุลทะลุล้านล้านว่าหลังจากได้รับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายได้ประจำปี งบประมาณ 2569 คณะอนุกรรมาธิการฯได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิตร และ กรมศุลกากร ที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีที่เป็นรายได้หลักของประเทศเพื่อคาดการณ์สถานการณ์การเงินของประเทศช่วงครึ่งปีหลัง 2568 กรมสรรพากรแจ้งว่ามีความสุ่มเสี่ยงว่ารายได้จากการจัดเก็บในปี 2568 จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 20,000-36,000 ล้านบาท เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้ไม่ดีทำให้รายได้ของเอกชนลดลงภาษีในช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะเก็บได้ตามเป้า ขณะที่กรมสรรพสามิตรน่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท ส่วนกรมศุลกากร จะต่ำกว่าเป้าประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมแล้วในปี 2568 ทั้ง 3 หน่วยงานน่าจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าเกือบ 100,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP
.
.
ส่วนมีประเด็นใดที่รัฐบาลเสนอของบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะช่วยคลายวิตกกังวลหรือไม่ นางสาวชญาน์นันท์ กล่าว หากตามที่ตนเองมอง ขณะนี้เรายังไม่ศึกษาไส้ในอย่างละเอียด แต่เท่าที่ดูตามโครงการ ตนเองเห็นความคิดสร้างสรร์หรือโครงการใหม่ๆ น้อยมาก ไปย้อนดูปีก่อนๆ ก็นำมาใช้ได้ ตนเองอยากเห็นความปฏิรูปที่เกิดขึ้น ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เลย โดยหากดูงบกลางที่มีกว่า 6 แสนกว่าล้านบาท คิดเป็น 16.7% ซึ่ง สตง. ก็ไปตรวจสอบไม่ได้ ยังไม่ได้แจงออกมารายโครงการ แม้จะลดลงจากปีก่อน แต่ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี จึงไม่อาจรู้ไส้ในของโครงการในงบกลางได้ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะอยู่ในส่วนนี้ได้ และเพื่อความเป็นธรรมทุกที่ต้องมีงบกลาง แต่ถ้างบใดที่แจงได้ จะดีมาก ให้ประชาชนเชื่อมั่น และมั่นใจเพิ่มขึ้นว่า ภายในเงินเหล่านี้ถูกนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนงบประมาณจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่โยกไปทำ 4 โครงการหลัก และมีส่วนท้องถิ่นที่ต้องเสนอโครงการภายใน 3 วัน ถือว่ามีพิรุธอะไรหรือไม่ นางสาวชญาน์นันท์ กล่าวว่า เรารอเห็นโครงการที่เสนอก่อน เพื่อความยุติธรรม ทั้งนี้ เราควรเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
.
ส่วนที่ประชุมวุฒิสภามีวาระลงมติให้ความเห็นชอบ บุคคลไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระแต่มีเสียงเรียกร้องว่าให้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างคดีฮั้ว สว. นางสาวชญาน์นันท์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในบริบทที่เราหารือกัน เราโฟกัสแต่เรื่องเศรษฐกิจ ตอบไม่ได้จริงๆ