สวัสดีครับ เนื่องจากวันนี้ผมได้มีโอกาสเข้าสอบปากเปล่าเนติบัณฑิต (ครั้งที่ 2 สมัยที่ 77) และเห็นว่าไม่ค่อยมีใครมารีวิวการสอบปากเปล่าเลย จึงอยากนำประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาในวันนี้มาแบ่งปันทุกท่าน เผื่อว่าผู้เข้าสอบในปีต่อ ๆ จะได้นำมาเป็นแนวทางในการเตรียมตัวครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ถ้าเราสอบข้อเขียนผ่านมาได้แล้ว ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครมาตกม้าตายที่การสอบปากเปล่าแน่ ๆ เพราะด้วยตัวคำถามที่ไม่ได้ยาก (ถ้าไม่เชื่อลองไปดูข้อสอบเก่า ๆ จะเห็นว่าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ทั้งนั้น) และท่านอาจารย์ผู้เป็นกรรมการสอบเองก็ใจดี ช่วยนั่งใบ้คำตอบให้ผู้เข้าสอบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตอบได้ ดังนั้นผมกล้าการันตีว่าทุกท่านที่เข้าสอบปากเปล่า "ผ่าน 100%" แน่ ๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปเลยครับ
พอเขียนถึงตรงนี้ หลาย ๆ ท่านก็คงรู้สึกว่า ถ้าอย่างนั้นเราจะเตรียมตัวสอบปากเปล่าไปทำไม ยังไงก็ผ่านอยู่ดี ผมแนะนำว่าอย่าคิดเช่นนี้เลยครับ เพราะมันน่าอายมากจริง ๆ ถ้าเข้าสอบแล้วไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน ก็แหม คำถามมันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เราก็อุตสาห์สอบข้อเขียนผ่านมาได้ ก็ไม่ควรจะต้องมานั่งบื้อ ตอบไม่ตรงคำถาม ให้ท่านอาจารย์ต้องมาเหนื่อยบอกใบ้ด้วยความเวทนาสงสารนะครับ
ต่อจากนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ประสบมาในวันนี้ครับ
กำหนดการณ์บอกให้มาถึงเนติบัณฑิตก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ผมก็เลยมาเจ็ดโมงพอดี สรุปว่ากว่าจะได้ขึ้นตึกสอบก็ปาไปแปดโมงกว่า เพราะเจ้าหน้าที่จะมาเรียกให้จัดแถวและทยอยขึ้นไปบนตึกครั้งละ 50 คน (รอบนี้มีคนสอบปากเปล่าเกือบ ๆ 700 คน) ถ้าใครมีเลขที่สอบท้าย ๆ ก็ยืนรอกันจนเบื่อครับ ดังนั้นก็แนะนำว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเผื่อเวลามาแบบผม มาถึงเจ็ดโมงครึ่งพอดีก็ได้ ไม่พลาดอะไรแน่นอน (ถ้าให้พูดตามตรง มาแปดโมงครึ่งก็ยังทัน แต่เราก็โต ๆ กันแล้ว ควรตรงต่อเวลาจะดีที่สุดครับ)
เรื่องฝากของ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเสียงตามสายให้ไปฝากของไว้ที่โรงอาหาร ชั้น 1 เดินใกล้ ๆ นิดเดียว ก็จะได้สติ๊กเกอร์หมายเลขมาเป็น tag ไว้สำหรับไปหยิบของหลังสอบเสร็จ
พอทุกคนขึ้นไปยังห้องรอสอบที่ชั้น 4 จนครบ ก็จะมีการให้เซ็นชื่อในเอกสารที่เราต้องถือเอาไปให้กรรมการเขียนตอนสอบ จากนั้นก็จะมีท่านอาจารย์ และผู้บริหารของเนติบัณฑิต (เช่น ท่านประธานศาลฎีกา) มาให้โอวาทแบบเป็นกันเอง คือพูดกันแบบสบาย ๆ สั้น ๆ ไม่ได้เป็นพิธีการอะไร ท่านก็บอกว่า เห็นข้อสอบแล้วง่ายมาก มั่นใจว่าตอบได้กันทุกคนแน่นอน และวันนี้ก็คงจะสอบผ่านกันทุกคน
จากนั้นก็ถึงเวลานั่งรอเรียกออกไปทีละ 50 คน ก็นั่งรอกันแบบเบื่อ ๆ ล่ะครับ เพราะไม่มีโทรศัพท์ให้เล่น ไม่มีเพื่อนให้คุย ผมอยู่ในชุดรองสุดท้าย กว่าจะถูกเรียกออกไปจากห้องรอ ก็ประมาณเก้าโมงยี่สิบแล้ว
พอออกจากห้องรอ ก็ต้องไปนั่งรอหน้าห้องสอบอีก แต่รอไม่นานก็ถูกเรียกให้เข้าไปทีละ 10 คน พอถึงคิวตัวเองก็เดินตามคนอื่นเข้าไปตั้งแถวรอในห้องสอบ กรรมการน่าจะมีประมาณ 50 โต๊ะ แต่ละโต๊ะมีท่านอาจารย์ประจำอยู่ 1 ท่าน โต๊ะไหนว่างก็จะมีเจ้าหน้าที่เรียกให้ผู้เข้าสอบเดินไป ต่อให้ว่างพร้อมกันหลายโต๊ะ เจ้าหน้าที่ก็จะเป็นคนชี้ให้เราเอง เราไม่สามารถเลือกกรรมการเองได้ครับ
พอถึงคิวผม ผมก็เดินเข้าไปหากรรมการ ก็สวัสดีท่าน ท่านก็ให้นั่ง แล้วจากนั้นก็คุยกัน ผมคิดว่ากรรมการท่านที่ผมได้นี่ออกจะคุยเก่งมาก ๆ เพราะผมเห็นบางโต๊ะแปปเดียวก็จบแล้ว แต่โต๊ะผม แค่พูดคุยเบื้องต้น (เรียนจบที่ไหนมา/เรียนกี่ปีจบ/ทำงานที่ไหน/จบเนติแล้วจะไปทำอะไรต่อ) ก็น่าจะกินเวลาไป 5 - 10 นาทีได้เลย คือก็ไม่ได้จับเวลาหรอกครับ แต่มันนานมากจริง ๆ แล้วคุยกันออกรสด้วย เพราะงานที่ผมทำค่อนข้างน่าสนใจ ท่านกรรมการก็เลยถามเสียเยอะมาก แล้วก็พูดคุยกันเรื่องเรียน เรื่องอนาคตอะไรกันอีกยาวมากจริง ๆ (เพราะผมคงเป็นคนท้าย ๆ ด้วย และวันนี้สอบกันไวมาก ท่านกรรมการเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องรีบทำเวลาอะไร)
คุยไปคุยมา ท่านก็เข้าเรื่องว่า "เอ้า คิดว่าวันนี้ข้อสอบออกอะไร"
ผมก็ตอบไปว่า "ผมคิดว่าแพ่งครับ เพราะอาญาออกติดกันมา 2 ปีแล้ว"
ท่านกรรมการก็หัวเราะ แล้วให้ผมพลิกกระดาษสีเหลืองที่คว่ำหน้าอยู่ดู ครับ ปรากฎว่าเป็นอาญา 555 ผมก็ขำออกมา บอกว่า "ออกอาญา 3 ปีติดเลยเหรอครับ" ท่านก็ขำ
คำถามก็คือ "ให้ยกเหตุทำร้ายร่างกาย 'อันตรายสาหัส' ตามประมวลกฎหมายอาญามา 3 กรณี" ผมก็เลยตอบไปว่า "เสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และป่วยเจ็บจนทำงานไม่ได้เกินกว่า 20 วันครับ"
ท่านกรรมการฟังแล้วก็สั่นหัว ทำหน้าเครียด บอกว่า "ไม่ได้ ๆ เรื่องนี้มีอยู่ 8 อนุมาตรา ที่ท่านพูดมามันเป็นแค่ส่วน ๆ ของแต่ละอนุมาตราเท่านั้น ท่านต้องพูดมาให้ครบถ้วน และต้องใช้คำในตัวบทกฎหมายด้วย"
ผมฟังแล้วก็แบบ ฉิบxายละ จำตัวบทไม่ได้ 555 ถึงตรงนี้ท่านกรรมการก็เริ่มใบ้ไปเรื่อย ๆ ครับ เช่น "เสียอวัยวะ อวัยวะอะไรบ้าง" ไล่ไปเรื่อย ๆ มีชี้หูชี้ตาจนกว่าผมจะตอบได้ครบ ตรงนี้ขอไม่เล่าละเอียด เพราะย้อนนึกไปแล้วก็รู้สึกอายตัวเองมากทีเดียว เอาเป็นว่าสุดท้ายท่านก็ไม่ยอมให้ผมตอบแค่ 3 อนุมาตรา (แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ) แต่ท่านกรรมการใบ้ไปเรื่อย ๆ ให้ผมตอบไปถึง 5-6 อนุมาตราทีเดียว ก่อนที่ท่านจะยอมให้ผมผ่านไป พอผมลุกขึ้นยกมือไหว้ท่านแล้วหันหลังกลับ ปรากฏว่ามองไม่เห็นผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ เลย กลายเป็นว่าผมน่าจะเป็นคนท้าย ๆ แบบท้ายมาก ๆ ที่ผ่านการสอบปากเปล่าในวันนี้
ก็แอบคิดว่า หรือที่อาจารย์ยอมปล่อยไป เพราะเห็นว่าคนอื่นเขาสอบเสร็จกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องใบ้กันจนครบ 8 อนุมาตราจริง ๆ 555
พอลงมาจากห้องสอบ ก็ไปรับใบรับรองสอบไล่ได้ที่โรงอาหาร (ที่เดียวกับที่ฝากกระเป๋า) จากนั้นผมก็กลับบ้านครับ ส่วนใครอยากจะอยู่ถ่ายรูป (กันเอง) ต่อก็ตามสะดวก
สรุปว่าวันนี้เสร็จตอน 9:42 น. พอดี (อิงจากเวลาที่ถ่ายรูปใบประกาศเก็บไว้) ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่ารอบนี้สอบไวกันมาก ปกติจะเสร็จประมาณสิบโมงครึ่ง - สิบเอ็ดโมง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังเตรียมตัวสอบปากเปล่านะครับ
รีวิวสอบปากเปล่า เนติบัณฑิต 2568
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ถ้าเราสอบข้อเขียนผ่านมาได้แล้ว ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครมาตกม้าตายที่การสอบปากเปล่าแน่ ๆ เพราะด้วยตัวคำถามที่ไม่ได้ยาก (ถ้าไม่เชื่อลองไปดูข้อสอบเก่า ๆ จะเห็นว่าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ทั้งนั้น) และท่านอาจารย์ผู้เป็นกรรมการสอบเองก็ใจดี ช่วยนั่งใบ้คำตอบให้ผู้เข้าสอบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตอบได้ ดังนั้นผมกล้าการันตีว่าทุกท่านที่เข้าสอบปากเปล่า "ผ่าน 100%" แน่ ๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปเลยครับ
พอเขียนถึงตรงนี้ หลาย ๆ ท่านก็คงรู้สึกว่า ถ้าอย่างนั้นเราจะเตรียมตัวสอบปากเปล่าไปทำไม ยังไงก็ผ่านอยู่ดี ผมแนะนำว่าอย่าคิดเช่นนี้เลยครับ เพราะมันน่าอายมากจริง ๆ ถ้าเข้าสอบแล้วไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน ก็แหม คำถามมันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เราก็อุตสาห์สอบข้อเขียนผ่านมาได้ ก็ไม่ควรจะต้องมานั่งบื้อ ตอบไม่ตรงคำถาม ให้ท่านอาจารย์ต้องมาเหนื่อยบอกใบ้ด้วยความเวทนาสงสารนะครับ
ต่อจากนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ประสบมาในวันนี้ครับ
กำหนดการณ์บอกให้มาถึงเนติบัณฑิตก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ผมก็เลยมาเจ็ดโมงพอดี สรุปว่ากว่าจะได้ขึ้นตึกสอบก็ปาไปแปดโมงกว่า เพราะเจ้าหน้าที่จะมาเรียกให้จัดแถวและทยอยขึ้นไปบนตึกครั้งละ 50 คน (รอบนี้มีคนสอบปากเปล่าเกือบ ๆ 700 คน) ถ้าใครมีเลขที่สอบท้าย ๆ ก็ยืนรอกันจนเบื่อครับ ดังนั้นก็แนะนำว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเผื่อเวลามาแบบผม มาถึงเจ็ดโมงครึ่งพอดีก็ได้ ไม่พลาดอะไรแน่นอน (ถ้าให้พูดตามตรง มาแปดโมงครึ่งก็ยังทัน แต่เราก็โต ๆ กันแล้ว ควรตรงต่อเวลาจะดีที่สุดครับ)
เรื่องฝากของ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเสียงตามสายให้ไปฝากของไว้ที่โรงอาหาร ชั้น 1 เดินใกล้ ๆ นิดเดียว ก็จะได้สติ๊กเกอร์หมายเลขมาเป็น tag ไว้สำหรับไปหยิบของหลังสอบเสร็จ
พอทุกคนขึ้นไปยังห้องรอสอบที่ชั้น 4 จนครบ ก็จะมีการให้เซ็นชื่อในเอกสารที่เราต้องถือเอาไปให้กรรมการเขียนตอนสอบ จากนั้นก็จะมีท่านอาจารย์ และผู้บริหารของเนติบัณฑิต (เช่น ท่านประธานศาลฎีกา) มาให้โอวาทแบบเป็นกันเอง คือพูดกันแบบสบาย ๆ สั้น ๆ ไม่ได้เป็นพิธีการอะไร ท่านก็บอกว่า เห็นข้อสอบแล้วง่ายมาก มั่นใจว่าตอบได้กันทุกคนแน่นอน และวันนี้ก็คงจะสอบผ่านกันทุกคน
จากนั้นก็ถึงเวลานั่งรอเรียกออกไปทีละ 50 คน ก็นั่งรอกันแบบเบื่อ ๆ ล่ะครับ เพราะไม่มีโทรศัพท์ให้เล่น ไม่มีเพื่อนให้คุย ผมอยู่ในชุดรองสุดท้าย กว่าจะถูกเรียกออกไปจากห้องรอ ก็ประมาณเก้าโมงยี่สิบแล้ว
พอออกจากห้องรอ ก็ต้องไปนั่งรอหน้าห้องสอบอีก แต่รอไม่นานก็ถูกเรียกให้เข้าไปทีละ 10 คน พอถึงคิวตัวเองก็เดินตามคนอื่นเข้าไปตั้งแถวรอในห้องสอบ กรรมการน่าจะมีประมาณ 50 โต๊ะ แต่ละโต๊ะมีท่านอาจารย์ประจำอยู่ 1 ท่าน โต๊ะไหนว่างก็จะมีเจ้าหน้าที่เรียกให้ผู้เข้าสอบเดินไป ต่อให้ว่างพร้อมกันหลายโต๊ะ เจ้าหน้าที่ก็จะเป็นคนชี้ให้เราเอง เราไม่สามารถเลือกกรรมการเองได้ครับ
พอถึงคิวผม ผมก็เดินเข้าไปหากรรมการ ก็สวัสดีท่าน ท่านก็ให้นั่ง แล้วจากนั้นก็คุยกัน ผมคิดว่ากรรมการท่านที่ผมได้นี่ออกจะคุยเก่งมาก ๆ เพราะผมเห็นบางโต๊ะแปปเดียวก็จบแล้ว แต่โต๊ะผม แค่พูดคุยเบื้องต้น (เรียนจบที่ไหนมา/เรียนกี่ปีจบ/ทำงานที่ไหน/จบเนติแล้วจะไปทำอะไรต่อ) ก็น่าจะกินเวลาไป 5 - 10 นาทีได้เลย คือก็ไม่ได้จับเวลาหรอกครับ แต่มันนานมากจริง ๆ แล้วคุยกันออกรสด้วย เพราะงานที่ผมทำค่อนข้างน่าสนใจ ท่านกรรมการก็เลยถามเสียเยอะมาก แล้วก็พูดคุยกันเรื่องเรียน เรื่องอนาคตอะไรกันอีกยาวมากจริง ๆ (เพราะผมคงเป็นคนท้าย ๆ ด้วย และวันนี้สอบกันไวมาก ท่านกรรมการเลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องรีบทำเวลาอะไร)
คุยไปคุยมา ท่านก็เข้าเรื่องว่า "เอ้า คิดว่าวันนี้ข้อสอบออกอะไร"
ผมก็ตอบไปว่า "ผมคิดว่าแพ่งครับ เพราะอาญาออกติดกันมา 2 ปีแล้ว"
ท่านกรรมการก็หัวเราะ แล้วให้ผมพลิกกระดาษสีเหลืองที่คว่ำหน้าอยู่ดู ครับ ปรากฎว่าเป็นอาญา 555 ผมก็ขำออกมา บอกว่า "ออกอาญา 3 ปีติดเลยเหรอครับ" ท่านก็ขำ
คำถามก็คือ "ให้ยกเหตุทำร้ายร่างกาย 'อันตรายสาหัส' ตามประมวลกฎหมายอาญามา 3 กรณี" ผมก็เลยตอบไปว่า "เสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และป่วยเจ็บจนทำงานไม่ได้เกินกว่า 20 วันครับ"
ท่านกรรมการฟังแล้วก็สั่นหัว ทำหน้าเครียด บอกว่า "ไม่ได้ ๆ เรื่องนี้มีอยู่ 8 อนุมาตรา ที่ท่านพูดมามันเป็นแค่ส่วน ๆ ของแต่ละอนุมาตราเท่านั้น ท่านต้องพูดมาให้ครบถ้วน และต้องใช้คำในตัวบทกฎหมายด้วย"
ผมฟังแล้วก็แบบ ฉิบxายละ จำตัวบทไม่ได้ 555 ถึงตรงนี้ท่านกรรมการก็เริ่มใบ้ไปเรื่อย ๆ ครับ เช่น "เสียอวัยวะ อวัยวะอะไรบ้าง" ไล่ไปเรื่อย ๆ มีชี้หูชี้ตาจนกว่าผมจะตอบได้ครบ ตรงนี้ขอไม่เล่าละเอียด เพราะย้อนนึกไปแล้วก็รู้สึกอายตัวเองมากทีเดียว เอาเป็นว่าสุดท้ายท่านก็ไม่ยอมให้ผมตอบแค่ 3 อนุมาตรา (แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ) แต่ท่านกรรมการใบ้ไปเรื่อย ๆ ให้ผมตอบไปถึง 5-6 อนุมาตราทีเดียว ก่อนที่ท่านจะยอมให้ผมผ่านไป พอผมลุกขึ้นยกมือไหว้ท่านแล้วหันหลังกลับ ปรากฏว่ามองไม่เห็นผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ เลย กลายเป็นว่าผมน่าจะเป็นคนท้าย ๆ แบบท้ายมาก ๆ ที่ผ่านการสอบปากเปล่าในวันนี้
ก็แอบคิดว่า หรือที่อาจารย์ยอมปล่อยไป เพราะเห็นว่าคนอื่นเขาสอบเสร็จกันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องใบ้กันจนครบ 8 อนุมาตราจริง ๆ 555
พอลงมาจากห้องสอบ ก็ไปรับใบรับรองสอบไล่ได้ที่โรงอาหาร (ที่เดียวกับที่ฝากกระเป๋า) จากนั้นผมก็กลับบ้านครับ ส่วนใครอยากจะอยู่ถ่ายรูป (กันเอง) ต่อก็ตามสะดวก
สรุปว่าวันนี้เสร็จตอน 9:42 น. พอดี (อิงจากเวลาที่ถ่ายรูปใบประกาศเก็บไว้) ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่ารอบนี้สอบไวกันมาก ปกติจะเสร็จประมาณสิบโมงครึ่ง - สิบเอ็ดโมง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังเตรียมตัวสอบปากเปล่านะครับ