สวัสดีค่ะทุกคน 🙋♀️ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ผ่าตัดดึงหน้าให้แม่ค่ะ เป็นเคสของคุณแม่เราเอง อายุ 67 ปีแล้ว เป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง ใจดี พูดเก่ง แล้วก็ชอบดูแลตัวเองมาตลอด
จริง ๆ ตอนแรกแม่เองก็กล้าๆ กลัวๆ นะคะว่าจะทำดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำ เพราะรู้สึกว่า “มันถึงเวลาแล้ว” ค่ะ
เราจะขอทยอยเข้ามาเล่าให้ฟังนะคะ เผื่อคุณลูกๆ อยากพาคุณแม่ๆ ไปทำ จะได้มีไอเดียว่าจะต้องทำยังไง กับเผื่อคุณแม่ๆ ที่เข้ามาเห็น จะได้มีรีวิวไว้ค่าาา
วันนี้จะเล่าถึงเหตุผลและเบื้องหลังการตัดสินใจผ่าตัดก่อนส่วนขั้นตอนละเอียด ๆ ตั้งแต่วันปรึกษา–วันผ่า–วันพักฟื้น จะมาเล่าต่อในครั้งถัดๆ ไปนะคะ ❤️
ก่อนอื่นเลย อยากเริ่มให้รู้จักคุณแม่ของเราแบบไวๆ กันสักนิดนึงค่ะ ^^
👵 แม่เราเป็นใคร?
ขอเล่าก่อนนิดนึงว่า แม่เราอายุ 67 ปีแล้วค่ะ เป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง ใจดี พูดเก่ง ยิ้มแย้ม แล้วก็เข้ากับคนง่ายมาก ๆ สมัยก่อนแม่เคยเป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง เลยจะคุ้นเคยกับเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว ปัจจุบันแม่ช่วยดูแลร้านซ่อมแอร์ของพ่อค่ะ แม้จะเป็นแม่บ้าน แต่แม่ก็ยังไม่ละเลยการดูแลตัวเองเลยนะคะ แม่เป็นคนที่ดูดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ทั้งทาครีมบำรุงผิวทุกเช้าเย็น เข้าคลินิกทำเลเซอร์ ทำทรีตเมนต์ หรือแม้แต่พวกหัตถการต่าง ๆ แม่ก็ไม่กลัว และแม่ชอบบอกเราเสมอว่า “อย่าลืมทากันแดด”
ขอไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคะ แต่อยากจะ confirm ว่า คุณแม่เป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ ค่ะะ
💄 แม่เข้าสู่โลกความงามตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าย้อนไปจริง ๆ ต้องบอกว่า แม่เราก้าวเข้าสู่โลกของความงามมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ เลยค่ะ เพราะทำงานอยู่ในวงการเครื่องสำอาง ได้เรียนรู้ ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ปลูกฝังให้แม่เป็นคนที่สนุกกับการดูแลตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ที่แม่เข้าสู่วัยเลข 6 แล้ว ความรักในเรื่องความงามก็ยังไม่ลดน้อยลงเลยค่ะ
ช่วงแรก ๆ แม่เริ่มจากการทาครีมบำรุงพื้นฐานทุกวัน → ต่อมาเริ่มเข้าสู่การทำเลเซอร์กับคลินิกเล็ก ๆ → พอเริ่มรู้สึกว่าอยากยกกระชับ ก็หันไปร้อยไหม → พอมีริ้วรอย แม่ก็ลองโบท็อกซ์ค่ะ ทุกอย่างค่อย ๆ พัฒนาไปตามวัยและตามเทคโนโลยีที่แม่ศึกษาเองบ้าง ลูกแนะนำบ้าง ที่น่ารักคือ แม่ไม่ได้อยากดูเด็กเวอร์ หรือเปลี่ยนตัวเองจนจำไม่ได้ แต่แม่แค่บอกว่า “ขอให้ดูดีในแบบที่เป็นเรา” แค่นั้นเองค่ะ
😣 จุดเปลี่ยนที่ทำให้แม่คิดเรื่อง “ผ่าตัดดึงหน้า”
จริง ๆ แม่เริ่มพูดเรื่องนี้ให้เราฟังตั้งแต่ประมาณ 4-5 ปีก่อนค่ะ ว่ารู้สึกหน้าหย่อนคล้อยกว่าแต่ก่อนมาก รู้สึกว่าพออายุเยอะขึ้น ผิวหนังเริ่มไม่กระชับเท่าเดิม แม้จะทาครีมหรือทำหัตถการต่าง ๆ ก็ตาม แต่ผลลัพธ์มันไม่ค่อยคงอยู่ยาว ๆ
แม่ไม่ได้อยากดูเด็กลงอะไรขนาดนั้นนะคะ แต่แม่รู้สึกว่า “หน้ามันดูเหนื่อย ๆ ไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน” ทั้งที่จริง ๆ แม่ก็เป็นคนอารมณ์ดีมากนะคะ ร่าเริง ตลก พูดเก่ง แต่พอเห็นใบหน้าตัวเองในกระจก มันไม่สื่ออารมณ์เดียวกันกับข้างในเลย แม่บอกว่า บางวันยังรู้สึกตัวเองดูเหมือนคนอมทุกข์ ทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรเลย 😅 นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการ “คิดเรื่องดึงหน้าแบบจริงจัง”
จากสมัยก่อน ชุดไปงานแต่งจะเป็นชุดผ้าไหม แต่พออายุมากขึ้น การแต่งตัวเริ่มสวนทาง
แค่อยากจะบอกว่า อายุเยอะ แต่ใจยังสาวจริงๆ ค่ะ แม่เรา
💉 หัตถการที่เคยทำ
ต้องบอกก่อนว่า แม่เป็นคนไม่กลัวเข็มนะคะ ถ้าเรื่องความสวยความงาม แม่กล้าลองหมดเลย! ที่ผ่านมาแม่เคยทำหัตถการมาหลายอย่างมาก (เท่าที่เราจำได้นะคะ) ได้แก่:
- ผ่าตัดแก้หนังตาตก (10+ ปีแล้ว)
- แก้ตาสองชั้นอีกครั้ง ประมาณ 3 ปีก่อน
- ร้อยไหม…ทุก 2–3 ปีต้องทำครั้งนึง เรียกว่ากลายเป็นกิจวัตรเลยค่ะ
- ยกกระชับด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ (High-intensity ultrasound) ก็เคยทำ
- โบท็อกซ์เคยฉีดประมาณ 5 ปีก่อน เท่าที่รู้นะคะ
- และอื่นๆ อีก ที่บางทีคุณแม่ ก็แอบเราไปทำ 5555
ทั้งหมดนี้แม่บอกว่า เห็นผลก็จริงนะคะ แต่ผลมันไม่อยู่นาน อย่างร้อยไหม บางรอบอยู่ได้แค่ 6-8 เดือน แล้วก็กลับมาหย่อนใหม่ ยิ่งอายุเยอะขึ้นเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของการฟื้นฟูมันก็ยิ่งลดลงไปอีก ตอนหลัง ๆ แม่เลยเริ่มรู้สึกว่า “ทำไมมันต้องมาทำซ้ำอยู่เรื่อย ๆ นะ ถ้าผ่าตัดทีเดียวแล้วจบได้ มันก็ดูน่าสนใจกว่า”
อันนี้เป็นตอนที่คุณแม่ไปแก้ตาสองชั้นค่ะ กับคลินิกนึงแถวๆ นวมินทร์ เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีก่อน
อยากจะให้ดูว่า คุณแม่เรากล้าจริงๆ ดุ่มไปหาข้อมูล มาบอกเราแค่ แม่จะทำอันนี้นะ ให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย ไปฟัง ไปอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
จะทำยังไงได้~ คุณแม่อยาก เราก็ต้องไป เป็นห่วงอ่ะเนอะ
🏥 ก่อนจะตัดสินใจดึงหน้า ตอนแรกก็ลังเล กลัวหลายอย่าง
ถึงแม่จะเป็นสายหัตถการที่กล้าและขยันดูแลตัวเอง แต่พอเป็นเรื่อง "ผ่าตัดดึงหน้า" จริง ๆ แม่ก็มีความกลัวและกังวลไม่น้อยเลยค่ะ
อันนี้แม่สักประมาณเกือบ 10 ปีก่อนได้ เพิ่งพาไปซื้อมือถือใหม่ๆ เลยแชะอวดรูปไว้หน่อย
เมื่อสัก 2 ปีก่อนค่ะ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนตามวัย แต่แฮปปี้กับชีวิตค่ะแค่ ถ้าได้ใบหน้าดูเด็กขึ้น คุณแม่คงจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
แม่เริ่มศึกษาเรื่องการผ่าตัดดึงหน้ามาตั้งแต่ช่วงที่เริ่มรู้สึกว่าหัตถการไม่ค่อยเอาอยู่ ซึ่งก็นานพอสมควร ประมาณ 4-5 ปีค่ะ ช่วงนั้นแม่ไปปรึกษามาแล้วหลายคลินิก บางที่แนะนำแบบไม่ต้องดมยาสลบ บางที่ก็เป็นห้องผ่าตัดในคลินิก แต่แม่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะแม่มี
โรคความดันสูง ค่ะ
มีอยู่ครั้งนึงแม่ไปถึงคลินิก เตรียมจะผ่าแล้ว แต่ความดันดันพุ่งไปถึง 200 ต้องเลื่อนด่วนเลยค่ะ 😰 ตอนนั้นแม่เลยกลับไปตั้งหลัก แล้วตั้งใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น เริ่มควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ควบคุมความดัน รวมถึงศึกษารายละเอียดของการผ่าตัดให้มากขึ้น เพราะแม่บอกว่า “ถ้าจะทำ ต้องรู้ให้ครบ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด”
👩👧 จุดที่เปลี่ยนใจจริง ๆ
จนวันหนึ่ง เรา (ลูกสาว)ได้มีโอกาสรู้จักกับศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางท่านหนึ่งค่ะ เลยคิดว่าให้แม่ลองเข้าไปปรึกษาดู เผื่อจะช่วยให้แม่มองภาพการดึงหน้าได้ชัดขึ้น
พอได้ไปคุยจริงๆ แม่ก็ประทับใจมาก เพราะคุณหมอพูดแบบตรงไปตรงมา ไม่ขายฝันเลยค่ะ คุณหมออธิบายว่า “การดึงหน้าไม่ได้ทำให้กลับไปหน้าเด็กอายุ 30 ได้ แต่จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ดูกระชับขึ้น และลดความหย่อนคล้อยแบบที่ครีมหรือหัตถการให้ไม่ได้” แม่ฟังแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ คือคำตอบที่ตามหามานาน
ที่สำคัญคือ คุณหมออธิบายละเอียดมากว่า การดึงหน้าไม่ได้มีแค่วิธีเดียว
- มีทั้งแบบดึงเฉพาะชั้นผิว
- ดึงลึกถึงชั้น SMAS
- แบบใช้ยาสลบและไม่ใช้ยาสลบ รวมถึงเรื่องความเสี่ยงและการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ซึ่งแม่ชอบตรงนี้มาก เพราะรู้สึกว่าได้ข้อมูลครบถ้วน
ในคืนนั้นหลังจากที่แม่ได้ฟังคุณหมออธิบาย แม่ก็กังวลนะคะ ถึงกับรำพึงรำพันเลยว่า “ไม่ต้องทำก็ได้เนอะ แบบนี้แหละเนอะ” แต่ใจเราที่เป็นลูก
ฟังก็รู้ค่ะ .. ว่าอยากทำอยู่ดี
ในวันปรึกษา ตัวเราไม่ได้ไปค่ะ แต่คุณสามีไปนั่งฟังกับคุณแม่แทน เป็นลูกเขยสาย support ค่ะ เห็นแม่ยายอยากทำอะไร เชียร์ได้หมด สีหน้าคุณแม่ รู้เลยว่ากำลังอินตาม
มีอะไรคุณแม่ถามคุณหมอนิวหมด กังวลตรงไหน เคยทำอะไรมาบ้าง ซักประวัติ พูดคุยกันนานเลยค่ะ (ที่คุณสามีมาเล่านะคะ)
ขออะแชะภาพไว้สัก 1 มาอัปเดทลูกสาว (เรา) ว่ามาคุยแล้วนะ
จนท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจทำค่ะ เพราะเราเองได้เห็นว่าคุณหมอเลือกทำในโรงพยาบาล จะวางยาสลบก็มีทีมวิสัญญี และในส่วนห้องผ่าตัดก็มาตรฐานโรงพยาบาลเอกชน แม่เลยมั่นใจ แล้วก็ตัดสินใจว่า "เอาล่ะ ทำเลยดีกว่า"
🗓️ เตรียมตัวก่อนผ่า
ข้อนี้เราขอยกยอดไว้เล่ารอบหน้านะคะ เพราะมีหลายขั้นตอนเลย ทั้งการเตรียมสุขภาพ ตรวจร่างกาย คุมความดัน ไปจนถึงการดูแลก่อนและหลังผ่าจริง ๆ แบบละเอียด
แต่บอกไว้คร่าว ๆ ว่ามีประมาณนี้ค่ะ:
- ตรวจสุขภาพก่อนผ่าแบบละเอียดมาก
- ต้องคุมความดันให้ได้ในเกณฑ์ก่อนถึงวันผ่า
- เตรียมใจ เตรียมร่างกาย
- พาแม่ไปโรงพยาบาลแต่เช้าในวันผ่า
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อให้ละเอียดเลยค่ะ เผื่อใครกำลังพาคุณแม่ หรือกำลังตัดสินใจ จะได้เอาไปใช้ได้จริงค่ะ
[SR] รีวิวผ่าตัดดึงหน้า คุณแม่วัย 67 ปี ที่เคยร้อยไหม–ยกกระชับมาเป็นสิบรอบ…แล้วก็ตัดสินใจ “ผ่าตัดดึงหน้า” ให้มันจบ ๆ ไปเลย
จริง ๆ ตอนแรกแม่เองก็กล้าๆ กลัวๆ นะคะว่าจะทำดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำ เพราะรู้สึกว่า “มันถึงเวลาแล้ว” ค่ะ
เราจะขอทยอยเข้ามาเล่าให้ฟังนะคะ เผื่อคุณลูกๆ อยากพาคุณแม่ๆ ไปทำ จะได้มีไอเดียว่าจะต้องทำยังไง กับเผื่อคุณแม่ๆ ที่เข้ามาเห็น จะได้มีรีวิวไว้ค่าาา
วันนี้จะเล่าถึงเหตุผลและเบื้องหลังการตัดสินใจผ่าตัดก่อนส่วนขั้นตอนละเอียด ๆ ตั้งแต่วันปรึกษา–วันผ่า–วันพักฟื้น จะมาเล่าต่อในครั้งถัดๆ ไปนะคะ ❤️
ก่อนอื่นเลย อยากเริ่มให้รู้จักคุณแม่ของเราแบบไวๆ กันสักนิดนึงค่ะ ^^
👵 แม่เราเป็นใคร?
ขอเล่าก่อนนิดนึงว่า แม่เราอายุ 67 ปีแล้วค่ะ เป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง ใจดี พูดเก่ง ยิ้มแย้ม แล้วก็เข้ากับคนง่ายมาก ๆ สมัยก่อนแม่เคยเป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง เลยจะคุ้นเคยกับเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว ปัจจุบันแม่ช่วยดูแลร้านซ่อมแอร์ของพ่อค่ะ แม้จะเป็นแม่บ้าน แต่แม่ก็ยังไม่ละเลยการดูแลตัวเองเลยนะคะ แม่เป็นคนที่ดูดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ทั้งทาครีมบำรุงผิวทุกเช้าเย็น เข้าคลินิกทำเลเซอร์ ทำทรีตเมนต์ หรือแม้แต่พวกหัตถการต่าง ๆ แม่ก็ไม่กลัว และแม่ชอบบอกเราเสมอว่า “อย่าลืมทากันแดด”
ขอไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคะ แต่อยากจะ confirm ว่า คุณแม่เป็นคนอารมณ์ดีจริงๆ ค่ะะ
💄 แม่เข้าสู่โลกความงามตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าย้อนไปจริง ๆ ต้องบอกว่า แม่เราก้าวเข้าสู่โลกของความงามมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ เลยค่ะ เพราะทำงานอยู่ในวงการเครื่องสำอาง ได้เรียนรู้ ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ปลูกฝังให้แม่เป็นคนที่สนุกกับการดูแลตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ที่แม่เข้าสู่วัยเลข 6 แล้ว ความรักในเรื่องความงามก็ยังไม่ลดน้อยลงเลยค่ะ
ช่วงแรก ๆ แม่เริ่มจากการทาครีมบำรุงพื้นฐานทุกวัน → ต่อมาเริ่มเข้าสู่การทำเลเซอร์กับคลินิกเล็ก ๆ → พอเริ่มรู้สึกว่าอยากยกกระชับ ก็หันไปร้อยไหม → พอมีริ้วรอย แม่ก็ลองโบท็อกซ์ค่ะ ทุกอย่างค่อย ๆ พัฒนาไปตามวัยและตามเทคโนโลยีที่แม่ศึกษาเองบ้าง ลูกแนะนำบ้าง ที่น่ารักคือ แม่ไม่ได้อยากดูเด็กเวอร์ หรือเปลี่ยนตัวเองจนจำไม่ได้ แต่แม่แค่บอกว่า “ขอให้ดูดีในแบบที่เป็นเรา” แค่นั้นเองค่ะ
😣 จุดเปลี่ยนที่ทำให้แม่คิดเรื่อง “ผ่าตัดดึงหน้า”
จริง ๆ แม่เริ่มพูดเรื่องนี้ให้เราฟังตั้งแต่ประมาณ 4-5 ปีก่อนค่ะ ว่ารู้สึกหน้าหย่อนคล้อยกว่าแต่ก่อนมาก รู้สึกว่าพออายุเยอะขึ้น ผิวหนังเริ่มไม่กระชับเท่าเดิม แม้จะทาครีมหรือทำหัตถการต่าง ๆ ก็ตาม แต่ผลลัพธ์มันไม่ค่อยคงอยู่ยาว ๆ
แม่ไม่ได้อยากดูเด็กลงอะไรขนาดนั้นนะคะ แต่แม่รู้สึกว่า “หน้ามันดูเหนื่อย ๆ ไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน” ทั้งที่จริง ๆ แม่ก็เป็นคนอารมณ์ดีมากนะคะ ร่าเริง ตลก พูดเก่ง แต่พอเห็นใบหน้าตัวเองในกระจก มันไม่สื่ออารมณ์เดียวกันกับข้างในเลย แม่บอกว่า บางวันยังรู้สึกตัวเองดูเหมือนคนอมทุกข์ ทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรเลย 😅 นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการ “คิดเรื่องดึงหน้าแบบจริงจัง”
จากสมัยก่อน ชุดไปงานแต่งจะเป็นชุดผ้าไหม แต่พออายุมากขึ้น การแต่งตัวเริ่มสวนทาง
แค่อยากจะบอกว่า อายุเยอะ แต่ใจยังสาวจริงๆ ค่ะ แม่เรา
💉 หัตถการที่เคยทำ
ต้องบอกก่อนว่า แม่เป็นคนไม่กลัวเข็มนะคะ ถ้าเรื่องความสวยความงาม แม่กล้าลองหมดเลย! ที่ผ่านมาแม่เคยทำหัตถการมาหลายอย่างมาก (เท่าที่เราจำได้นะคะ) ได้แก่:
- ผ่าตัดแก้หนังตาตก (10+ ปีแล้ว)
- แก้ตาสองชั้นอีกครั้ง ประมาณ 3 ปีก่อน
- ร้อยไหม…ทุก 2–3 ปีต้องทำครั้งนึง เรียกว่ากลายเป็นกิจวัตรเลยค่ะ
- ยกกระชับด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ (High-intensity ultrasound) ก็เคยทำ
- โบท็อกซ์เคยฉีดประมาณ 5 ปีก่อน เท่าที่รู้นะคะ
- และอื่นๆ อีก ที่บางทีคุณแม่ ก็แอบเราไปทำ 5555
ทั้งหมดนี้แม่บอกว่า เห็นผลก็จริงนะคะ แต่ผลมันไม่อยู่นาน อย่างร้อยไหม บางรอบอยู่ได้แค่ 6-8 เดือน แล้วก็กลับมาหย่อนใหม่ ยิ่งอายุเยอะขึ้นเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของการฟื้นฟูมันก็ยิ่งลดลงไปอีก ตอนหลัง ๆ แม่เลยเริ่มรู้สึกว่า “ทำไมมันต้องมาทำซ้ำอยู่เรื่อย ๆ นะ ถ้าผ่าตัดทีเดียวแล้วจบได้ มันก็ดูน่าสนใจกว่า”
อันนี้เป็นตอนที่คุณแม่ไปแก้ตาสองชั้นค่ะ กับคลินิกนึงแถวๆ นวมินทร์ เมื่อสักประมาณ 2-3 ปีก่อน
อยากจะให้ดูว่า คุณแม่เรากล้าจริงๆ ดุ่มไปหาข้อมูล มาบอกเราแค่ แม่จะทำอันนี้นะ ให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย ไปฟัง ไปอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
จะทำยังไงได้~ คุณแม่อยาก เราก็ต้องไป เป็นห่วงอ่ะเนอะ
🏥 ก่อนจะตัดสินใจดึงหน้า ตอนแรกก็ลังเล กลัวหลายอย่าง
ถึงแม่จะเป็นสายหัตถการที่กล้าและขยันดูแลตัวเอง แต่พอเป็นเรื่อง "ผ่าตัดดึงหน้า" จริง ๆ แม่ก็มีความกลัวและกังวลไม่น้อยเลยค่ะ
อันนี้แม่สักประมาณเกือบ 10 ปีก่อนได้ เพิ่งพาไปซื้อมือถือใหม่ๆ เลยแชะอวดรูปไว้หน่อย
เมื่อสัก 2 ปีก่อนค่ะ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนตามวัย แต่แฮปปี้กับชีวิตค่ะแค่ ถ้าได้ใบหน้าดูเด็กขึ้น คุณแม่คงจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
แม่เริ่มศึกษาเรื่องการผ่าตัดดึงหน้ามาตั้งแต่ช่วงที่เริ่มรู้สึกว่าหัตถการไม่ค่อยเอาอยู่ ซึ่งก็นานพอสมควร ประมาณ 4-5 ปีค่ะ ช่วงนั้นแม่ไปปรึกษามาแล้วหลายคลินิก บางที่แนะนำแบบไม่ต้องดมยาสลบ บางที่ก็เป็นห้องผ่าตัดในคลินิก แต่แม่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะแม่มี โรคความดันสูง ค่ะ
มีอยู่ครั้งนึงแม่ไปถึงคลินิก เตรียมจะผ่าแล้ว แต่ความดันดันพุ่งไปถึง 200 ต้องเลื่อนด่วนเลยค่ะ 😰 ตอนนั้นแม่เลยกลับไปตั้งหลัก แล้วตั้งใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น เริ่มควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ควบคุมความดัน รวมถึงศึกษารายละเอียดของการผ่าตัดให้มากขึ้น เพราะแม่บอกว่า “ถ้าจะทำ ต้องรู้ให้ครบ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยที่สุด”
👩👧 จุดที่เปลี่ยนใจจริง ๆ
จนวันหนึ่ง เรา (ลูกสาว)ได้มีโอกาสรู้จักกับศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางท่านหนึ่งค่ะ เลยคิดว่าให้แม่ลองเข้าไปปรึกษาดู เผื่อจะช่วยให้แม่มองภาพการดึงหน้าได้ชัดขึ้น
พอได้ไปคุยจริงๆ แม่ก็ประทับใจมาก เพราะคุณหมอพูดแบบตรงไปตรงมา ไม่ขายฝันเลยค่ะ คุณหมออธิบายว่า “การดึงหน้าไม่ได้ทำให้กลับไปหน้าเด็กอายุ 30 ได้ แต่จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ดูกระชับขึ้น และลดความหย่อนคล้อยแบบที่ครีมหรือหัตถการให้ไม่ได้” แม่ฟังแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ คือคำตอบที่ตามหามานาน
ที่สำคัญคือ คุณหมออธิบายละเอียดมากว่า การดึงหน้าไม่ได้มีแค่วิธีเดียว
- มีทั้งแบบดึงเฉพาะชั้นผิว
- ดึงลึกถึงชั้น SMAS
- แบบใช้ยาสลบและไม่ใช้ยาสลบ รวมถึงเรื่องความเสี่ยงและการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ซึ่งแม่ชอบตรงนี้มาก เพราะรู้สึกว่าได้ข้อมูลครบถ้วน
ในคืนนั้นหลังจากที่แม่ได้ฟังคุณหมออธิบาย แม่ก็กังวลนะคะ ถึงกับรำพึงรำพันเลยว่า “ไม่ต้องทำก็ได้เนอะ แบบนี้แหละเนอะ” แต่ใจเราที่เป็นลูก ฟังก็รู้ค่ะ .. ว่าอยากทำอยู่ดี
ในวันปรึกษา ตัวเราไม่ได้ไปค่ะ แต่คุณสามีไปนั่งฟังกับคุณแม่แทน เป็นลูกเขยสาย support ค่ะ เห็นแม่ยายอยากทำอะไร เชียร์ได้หมด สีหน้าคุณแม่ รู้เลยว่ากำลังอินตาม
มีอะไรคุณแม่ถามคุณหมอนิวหมด กังวลตรงไหน เคยทำอะไรมาบ้าง ซักประวัติ พูดคุยกันนานเลยค่ะ (ที่คุณสามีมาเล่านะคะ)
ขออะแชะภาพไว้สัก 1 มาอัปเดทลูกสาว (เรา) ว่ามาคุยแล้วนะ
จนท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจทำค่ะ เพราะเราเองได้เห็นว่าคุณหมอเลือกทำในโรงพยาบาล จะวางยาสลบก็มีทีมวิสัญญี และในส่วนห้องผ่าตัดก็มาตรฐานโรงพยาบาลเอกชน แม่เลยมั่นใจ แล้วก็ตัดสินใจว่า "เอาล่ะ ทำเลยดีกว่า"
🗓️ เตรียมตัวก่อนผ่า
ข้อนี้เราขอยกยอดไว้เล่ารอบหน้านะคะ เพราะมีหลายขั้นตอนเลย ทั้งการเตรียมสุขภาพ ตรวจร่างกาย คุมความดัน ไปจนถึงการดูแลก่อนและหลังผ่าจริง ๆ แบบละเอียด
แต่บอกไว้คร่าว ๆ ว่ามีประมาณนี้ค่ะ:
- ตรวจสุขภาพก่อนผ่าแบบละเอียดมาก
- ต้องคุมความดันให้ได้ในเกณฑ์ก่อนถึงวันผ่า
- เตรียมใจ เตรียมร่างกาย
- พาแม่ไปโรงพยาบาลแต่เช้าในวันผ่า
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อให้ละเอียดเลยค่ะ เผื่อใครกำลังพาคุณแม่ หรือกำลังตัดสินใจ จะได้เอาไปใช้ได้จริงค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม