ช่วงนี้ดูคอลล์เซนเตอร์ (1.0) จะห่างๆไป ไม่โทรมาถี่
ผมคิดว่าถ้า คอลล์เซนเตอร์2.0 กลับมาน่าจะเน้นที่การเจาะจิต (mind hacking) ไม่ใช่การเจาะโทรศัพท์มือถือ (phone hacking)
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่รู้จักคอลล์เซนเตอร์กันดีแล้ว บางคนก็ลง whoscall บางคนก็ไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้
หลายคนรู้ดีว่าไม่ควรกดลิ๊งค์ในข้อความแปลกๆ
ดังนั้นผมเลยเชื่อว่าคอลล์เซนเตอร์ยุคหน้า น่าจะเน้นที่การเจาะจิต โดยพยายามหา bug หรือ backdoor ในจิตของเหยื่อ
หลักฐานคือการที่คนโทรคุยกับมิจฯ หลายวันหลายคืนติดต่อกัน
คนจับตัวเองเป็นตัวประกัน
คนหนีไปเช่ารีสอร์ตเพื่อคุยกับมิจฯ โดยเฉพาะ
คนที่รู้ว่าถูกหลอกแต่จะขอโอนเงินเป็นครั้งสุดท้าย
หรือลุงคลั่งไม่ยอมให้ผู้จัดการธนาคารมาห้ามคือคนจะโอนเงิน ใครก็ห้ามไม่ได้ฯลฯ
แสดงว่าเขาสามารถเจาะจิตสำเร็จ คือจิตใจคนอาจมีรอยรั่วเล็กๆ เช่นเคยทำอะไรไม่ดี เคยหนีภาษีฯลฯ
มิจฯระดับโปรสามารถรับรู้ได้ แล้วเจาะเข้าทางนั้น คือบริเวณที่มีรอยรั่วหรือ backdoor และไม่เกี่ยวกับการศึกษาหรือความรู้ทาง IT ของเหยื่อ
อย่างลุงคลั่งนั้น อาจเทียบได้กับว่า hacker เจาะจิตสำเร็จแล้วเข้าสิง (possession) ทีเดียว
แม้แต่ความหวาดระแวงก็เป็นจุดอ่อนทางจิต แทนที่จะเป็นจุดแข็ง
เช่นผมเป็นคนขี้ระแวง ไม่ค่อยรับโทรศัพท์เบอร์แปลก
แต่เวลาผมไปทำธุรกรรมธนาคารแบบฝากเงินห้าหกพันบาท พอขับรถออกมา ก็มักจะมีโทรศัพท์มาทันที่
"คุณพลพริศคะ เมื่อกี้คุณมาเซ็นค้ำประกันให้คุณสมชายใช่ไหมคะ วงเงิน 50 ล้าน อนุมัติแล้วนะคะ"
ผมจะสะดุ้งทันที ไม่อยากวางสาย เผื่อจะจริง
ข้อเสนอคืออนาคนเราน่าจะเชิญคอลล์เซนเตอร์ที่เก่งๆ มาอบรมตำรวจ หรือทำซีรี่ย์สอนประชาชนให้เข้าใจ
ถึงกระบวนการ "เจาะจิต" รวมทั้งเราจะปิดรูรั่วในจิตได้อย่างไร
และต่อไปเจ้าภาพของการปราบปรามอาจเป็นกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ใช่ ตำรวจไซเบอร์!!!
ถ้าคอลล์เซนเตอร์ 2.0 กลับมาอาละวาด ผมคิดว่าคราวนี้จะเน้นที่การเจาะจิต (mind hacking) ไม่ใช่เจาะโทรศัพท์ (phone hacking)