เสียงเตือน“เศรษฐกิจไทยแย่”จงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา โรคโควิด กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง ในพื้นที่เอเชียตะวันออก จีน ฮ่องกง พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทย สิงคโปร์ อันที่จริงเริ่มมาจากช่วงฤดูร้อนปลายๆ ที่ผ่านมา ที่ความจริงเชื้อน่าจะระบาดน้อย แต่ผลต่อเนื่องตามมา เข้าสู่หน้าฝน ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น แม้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ผู้ป่วยหลายรายเผชิญอาการที่หนักหน่วงขึ้น เจ็บปวดมากขึ้นตามเนื้อตามตัว หรือ เป็นเพราะเชื้อที่แรงขึ้น
ฉะนั้น ก็ขอให้ทุกคนระมัดระวัง แม้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ต้องหยุดการงานเป็นเวลาอย่างน้อย 6-7 วัน ว่าก็ว่ามีแพทย์นักวิชาการบางรายออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เห็นแอคชั่นที่มาจากกระทรวงสาธารณสุขน้อยเกินไป อย่างน้อยก็ต้องมีออกมาเตือน มีการเฝ้าระวัง การดูแลพื้นที่ การณรรงค์ฉีดวัคซันป้องกัน ต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ไม่วิตกก็ได้ แต่อย่าดูเบาจนเกินเหตุ เชียวนาท่าน

*** แถลงออกมาค่อนข้างน่าเป็นห่วง เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บอกไตรมาสแรก จีดีพีโต 3.1% การผลิต การใช้จ่ายยังขยายตัวดี ส่งออกสินค้าโต 13.8% และส่งออกบริการโต 12.3% ลงทุนภาครัฐโต 26.3% ว่างงานอยู่ที่ 0.89% เงินเฟ้อ 1.1% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 10.5 พันล้านดอลลาร์ เงินทุนสำรอง 245,300 ล้านดอลลาร์ หนี้สาธารณะ 12.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.4% ของจีดีพี
แน่นอนที่โตเพราะสหรัฐตลาดใหญ่ มีการออกมาตรการภาษีใหม่ จึงมีการเร่งนำเข้า ระยะต่อไปมีความไม่แน่นอนสูง ต้องปรับแนวโน้มเศรษฐกิจกันใหม่ จากเดิม 2.3-3.3% ค่ากลางที่ 2.8% ลงมาเหลือเพียง ขยายตัว 1.3 -2.3% ค่ากลางอยู่ที่ 1.8% ไม่แตกต่างมากนักจากสำนักอื่นๆทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ โดย อุปโภค บริโภค ขยายตัว ลงทุนเอกชนทรงๆ ส่งออกแค่บวกนิดๆ หรือทรงๆ ก็ว่าได้

*** สภาพัฒน์ยังได้เตือนๆ กันว่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ ยังไปได้ดี แต่เหตุที่ดียังไม่มีมาตรการ “ภาษีทรัมป์” มาช่วงนั้น แต่ถัดจากไตรมาส 1 เป็นต้นมา มีแต่ความไม่แน่นอน ผันผวนทั้งการค้า การลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยน ต้องขอให้ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจต่าง ๆ เตรียมการในส่วนของตัวเอง เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น จากความผันผวน และการค้าในช่วงถัดไป และในส่วนของประชาชน ต้องเตรียมความพร้อมของตัวเอง ทั้งการใช้จ่ายประจำวัน คงต้องมีการใช้จ่ายให้รอบคอบ ขอให้ทุกคนมีความระมัดระวังทั้งภาคธุรกิจ และประชาชน ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจในช่วงถัดไป เพื่อที่จะทำให้เราทุกท่านผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

*** ฟังสุ้มเสียงสภาพัฒน์ในการออกมาเตือน ระมัดระวังการใช้จ่าย การใช้ชีวิต ซึ่งข้อความแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกๆ ที่ออกมาเตือนเช่นนี้ ถ้าเป็นแบบปกติจะไม่ค่อยได้ยินมากนัก ถ้าสามารถพอควบคุมได้หรือเอาอยู่ ก็จะไม่มีข้อความเช่นที่ว่า แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจข้างหน้า มันหนักหนาเอาการ เกินมือผู้บริหารหรือเกินการบริหารในแบบปกติทั่วๆไปแล้ว

แล้วถ้ายิ่งมองเข้าไปในการบริหารในภาคการเมืองแล้ว หรือสถานการณ์การเมืองที่ส่งผลมาที่การบริหารในเชิงนโยบายแล้ว เราแทบไม่เห็นความหวัง หรือ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แต่อย่างใด ไม่เห็นความหวังใดใดจากภาคการเมือง ซึ่งเป็นมานานมากแล้ว ไม่เห็นประสิทธิภาพการเมือง นักการเมืองที่เป็นความหวังในการนำพาประเทศไปสู่แสงสว่างแต่อย่างใด

*** เอาเป็นว่าการทุบกันเพื่อดุลอำนาจ การต่อรองกันของนักการเมือง โดยประชาชนไม่มีส่วน ยังคงดำรงคงอยู่คู่กับการเมืองไทย ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองใกล้วิกฤติเต็มที การ ปรับ ครม. ที่กำลังจะมาถึง หรือการยืดเวลาการปรับออกไปเป็นเดือน ก.ย. หลังผ่านงบประมาณปี 69 ก็ตาม ยังไม่เห็นอะไรที่จะช่วยบรรเทาคนไทยให้ออกจากทุกข์เศรษฐกิจได้ นาทีนี้คงต้องฟังคำเตือนอยางหนักแน่นจากสภาพัฒน์ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่