ปิดฤดูกาลไปที่เรียบร้อยกับ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี เป็น นาโปลี ที่เถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ เป็นสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร หลังจากเกมนัดสุดท้ายเปิดบ้านเอาชนะ กาญารี่ ไปด้วยสกอร์ 2-0 โดยในเกมนี้ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางชาวสกอตต์ กระโดดยิงประตูแรกเข้าไปอย่างสวยงาม และถือว่าเป็นประตูส่งนาโปลี ก้าวเข้าสู่แชมป์ไปแล้ว 80% ก่อนที่ โรเมลู ลูกากู จะมายิงปิดท้าย
ไฮไลท์ของเกมนี้คงจะหนีไม่พ้น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ อดีตลูกหม้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ระหกระเหินย้ายมายอดทีมแห่งเมืองเนเปิ้ลส์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ว่าการย้ายออกของแม็คโทมิเนย์จะทำให้แฟนผีหลายคนออกอาการดี๊ด๊า (โดยเฉพาะแฟนบอลบางส่วนในไทย) แต่คนที่เนื้อเต้นอย่างมากคือ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ดีใจมากกับการย้ายมาของ แม็คโทมิเนย์ แน่นอนว่าการย้ายไปครั้งนี้ แฟนบอลบางส่วนไม่เชื่อว่า แม็คโทมิเนเตอร์ จะกลายเป็นกำลังหลักของนาโปลีได้ ยกเว้น คอนเต้ เขามั่นใจในศักยภาพของ แม็คโทมิเนย์ แบบเต็มร้อย ดาวเตะรายนี้ถือว่าเป็นผู้เล่นที่สารพัดประโยชน์ระดับหนึ่ง เจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งกลางรุก กลางรับ กลาง BOX-TO-BOX รวมถึงถูกดันไปเป็นกองหน้าจำเป็นในบางครั้ง ด้วยความยืดหยุ่นในตำแหน่งของ แม็คโท ทำให้นาโปลีได้ประโยชน์ตรงนี้เข้าไปเต็ม แต่ระหว่างแมนยู กับ นาโปลี ต่างกันตรงไหน
อย่างแรกที่ผมวิเคราะห์ออกมา คือ ความเร็วของการเคลื่อนที่ของลูกบอล พรีเมียร์ลีก บอลมีการเคลื่อนที่ไว มีเกมที่ไว ทำให้แม็คโท ดูเชื่องช้าไปในหลายๆ จังหวะ รวมถึงการเชื่อมเกมกัน แม็คโท ยังทำได้ไม่ดีพอกับการประสานงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นานเดส รวมถึงประสานงานกับนักเตะรายอื่น ทำให้หลายๆ จังหวะเกมบุกของทีมต้องสะดุด รวมถึงเกมรับที่เจ้าตัวอาจจะทำได้แย่ แต่กระนั้นเจ้าตัวก็พยายามพัฒนาฝีเท้ามาโดยตลอด จนได้รับการยอมรับในระดับนึง รวมถึงทำประตูสำคัญๆ ได้ในบางนัด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ เอริก เทน ฮาก ผจก.ในเวลานั้นต้องการ เทน ฮาก ต้องการผู้เล่นที่ยืนเป็นกลางรับ และประสานงานร่วมกับแนวรุก รวมถึงมีความเร็ว การอ่านเกมที่เฉียบคม การเข้าปะทะที่หนักหน่วง ซึ่งโจทย์มันมาตอบที่ มานูเอล อูการ์เต้ ดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย เมื่อมีข่าวหนักๆ เข้า เวลาของ แม็คโท ดูเหมือนจะหมดลง แม้ว่าแฟนบอลหลายคนอยากจะให้ เทน ฮาก รวมถึงบอร์ดบริหารเปลี่ยนใจเก็บเด็กปั้นรายนี้ แต่ฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน แม็คโทมิเนย์ กลายเป็นส่วนเกินของ "ปีศาจแดง" และเป็น คอนเต้ ที่หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้ย้ายมาพิสูจน์ตัวเองที่ นาโปลี
การเฉิดฉายที่อิตาลี เหตุผลอย่างแรกที่ผมพูดคือความไวของ พรีเมียร์ลีก เหตุผลต่อมาคือ การเคลื่อนที่ของบอลที่ช้า ของ เซเรีย อา ผมยอมรับว่าหากเป็นสมัยที่ทำงานอยู่ทรู วิชั่นส์ ผมได้มีโอกาสดูเทปบันทึนการแข่งขัน รวมถึงดูสด ฟุตบอลอิตาลี พอประมาณ แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ดูเลย พอระยะหลังๆ ได้ย้อนกลับมาดู เห็นได้ว่า การเข้าทำ การเคลื่อนที่ของบอล ช้ากว่าพรีเมียร์ลีกมาก แต่รูปแบบเกมรุกก็คล้ายๆ กับพรีเมียร์ลีก คือมีการทะลุช่อง เปิดบอลจากปีก ยิงไกล แต่ที่เน้นๆ เลยคือการคุมโซน เน้นการครองบอลเป็นหลัก นั่นเลยทำให้ แม็คโทมิเนย์ มีเวลาในการคิดสร้างสรรค์เกมและเชื่อมเกมได้มากขึ้นกว่าเดิม และหลายๆ ครั้ง คอนเต้มักจะดันเจ้าตัวขึ้นไปเล่นแนวสูง เหมือนเป็นกลางรุก หรือบางครั้งเหมือนเป็นหน้าต่ำ อีกอย่างที่สำคัญคือความกดดัน สมัยอยู่ ยูไนเต็ด แม็คทอม ต้องแบกรับแรงกดดันหลายอย่าง ทั้งความคาดหวังจากแฟนบอล, ผจก.ทีม, บอร์ดบริหาร และตัวเอง แต่พอมาอยู่ นาโปลี เหมือนเจ้าตัวได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่า นาโปลี จะเป็นทีมใหญ่แต่ว่าเปอร์เซ็นต์ของการได้เป็นแชมป์ เมื่อเทียบกับ อินเตอร์ มิลาน หรือ ยูเวนตุส พวกเขายังด้อยกว่าใน แต่เมื่อพวกเขาได้ แม็คโทเข้าไป ทุกอย่างมันลงล็อคไปหมด นักเตะได้เป็นอิสระจากแรงกดดันทั้งปวง และได้ปล่อยสกิลอย่างเต็มที่ สุดท้าย แม็คโท กลายเป็นนักเตะสำคัญที่พวกเขาจะขาดไม่ได้ ถึงขนาดที่ว่า คอนเต้ ยังสงสัยว่าทำไม ยูไนเต็ด ถึงปล่อยดาวเตะรายนี้ออกมา
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลหน้าแรงกดดันมากมายคงจะถาโถมเข้าตัวของ แม็คโทมิเนย์ และนาโปลี ด้วยศักดิ์ศรีแชมป์เก่า พ่วงกับนักเตะยอดเยี่ยม เซเรีย อา แถมยังต้องฝ่าฟันในรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทุกอย่างถือเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า แม็คโทมิเนย์ จะแบกนาโปลีป้องกันแชมป์ลีกได้หรือไม่ และจะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหนใน UCL ต้องติดตามกันต่อไป แต่ตอนนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลนาโปลี และ ชายที่ชื่อ "สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์" มาคอมเม้นพูดคุยกับแบบสุภาพกันนะครับ.... โอ๊ตดี้
ยินดีกับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์
ไฮไลท์ของเกมนี้คงจะหนีไม่พ้น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ อดีตลูกหม้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ระหกระเหินย้ายมายอดทีมแห่งเมืองเนเปิ้ลส์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ว่าการย้ายออกของแม็คโทมิเนย์จะทำให้แฟนผีหลายคนออกอาการดี๊ด๊า (โดยเฉพาะแฟนบอลบางส่วนในไทย) แต่คนที่เนื้อเต้นอย่างมากคือ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ดีใจมากกับการย้ายมาของ แม็คโทมิเนย์ แน่นอนว่าการย้ายไปครั้งนี้ แฟนบอลบางส่วนไม่เชื่อว่า แม็คโทมิเนเตอร์ จะกลายเป็นกำลังหลักของนาโปลีได้ ยกเว้น คอนเต้ เขามั่นใจในศักยภาพของ แม็คโทมิเนย์ แบบเต็มร้อย ดาวเตะรายนี้ถือว่าเป็นผู้เล่นที่สารพัดประโยชน์ระดับหนึ่ง เจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งกลางรุก กลางรับ กลาง BOX-TO-BOX รวมถึงถูกดันไปเป็นกองหน้าจำเป็นในบางครั้ง ด้วยความยืดหยุ่นในตำแหน่งของ แม็คโท ทำให้นาโปลีได้ประโยชน์ตรงนี้เข้าไปเต็ม แต่ระหว่างแมนยู กับ นาโปลี ต่างกันตรงไหน
อย่างแรกที่ผมวิเคราะห์ออกมา คือ ความเร็วของการเคลื่อนที่ของลูกบอล พรีเมียร์ลีก บอลมีการเคลื่อนที่ไว มีเกมที่ไว ทำให้แม็คโท ดูเชื่องช้าไปในหลายๆ จังหวะ รวมถึงการเชื่อมเกมกัน แม็คโท ยังทำได้ไม่ดีพอกับการประสานงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นานเดส รวมถึงประสานงานกับนักเตะรายอื่น ทำให้หลายๆ จังหวะเกมบุกของทีมต้องสะดุด รวมถึงเกมรับที่เจ้าตัวอาจจะทำได้แย่ แต่กระนั้นเจ้าตัวก็พยายามพัฒนาฝีเท้ามาโดยตลอด จนได้รับการยอมรับในระดับนึง รวมถึงทำประตูสำคัญๆ ได้ในบางนัด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ เอริก เทน ฮาก ผจก.ในเวลานั้นต้องการ เทน ฮาก ต้องการผู้เล่นที่ยืนเป็นกลางรับ และประสานงานร่วมกับแนวรุก รวมถึงมีความเร็ว การอ่านเกมที่เฉียบคม การเข้าปะทะที่หนักหน่วง ซึ่งโจทย์มันมาตอบที่ มานูเอล อูการ์เต้ ดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย เมื่อมีข่าวหนักๆ เข้า เวลาของ แม็คโท ดูเหมือนจะหมดลง แม้ว่าแฟนบอลหลายคนอยากจะให้ เทน ฮาก รวมถึงบอร์ดบริหารเปลี่ยนใจเก็บเด็กปั้นรายนี้ แต่ฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน แม็คโทมิเนย์ กลายเป็นส่วนเกินของ "ปีศาจแดง" และเป็น คอนเต้ ที่หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้ย้ายมาพิสูจน์ตัวเองที่ นาโปลี
การเฉิดฉายที่อิตาลี เหตุผลอย่างแรกที่ผมพูดคือความไวของ พรีเมียร์ลีก เหตุผลต่อมาคือ การเคลื่อนที่ของบอลที่ช้า ของ เซเรีย อา ผมยอมรับว่าหากเป็นสมัยที่ทำงานอยู่ทรู วิชั่นส์ ผมได้มีโอกาสดูเทปบันทึนการแข่งขัน รวมถึงดูสด ฟุตบอลอิตาลี พอประมาณ แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ดูเลย พอระยะหลังๆ ได้ย้อนกลับมาดู เห็นได้ว่า การเข้าทำ การเคลื่อนที่ของบอล ช้ากว่าพรีเมียร์ลีกมาก แต่รูปแบบเกมรุกก็คล้ายๆ กับพรีเมียร์ลีก คือมีการทะลุช่อง เปิดบอลจากปีก ยิงไกล แต่ที่เน้นๆ เลยคือการคุมโซน เน้นการครองบอลเป็นหลัก นั่นเลยทำให้ แม็คโทมิเนย์ มีเวลาในการคิดสร้างสรรค์เกมและเชื่อมเกมได้มากขึ้นกว่าเดิม และหลายๆ ครั้ง คอนเต้มักจะดันเจ้าตัวขึ้นไปเล่นแนวสูง เหมือนเป็นกลางรุก หรือบางครั้งเหมือนเป็นหน้าต่ำ อีกอย่างที่สำคัญคือความกดดัน สมัยอยู่ ยูไนเต็ด แม็คทอม ต้องแบกรับแรงกดดันหลายอย่าง ทั้งความคาดหวังจากแฟนบอล, ผจก.ทีม, บอร์ดบริหาร และตัวเอง แต่พอมาอยู่ นาโปลี เหมือนเจ้าตัวได้ปลดปล่อยอะไรหลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่า นาโปลี จะเป็นทีมใหญ่แต่ว่าเปอร์เซ็นต์ของการได้เป็นแชมป์ เมื่อเทียบกับ อินเตอร์ มิลาน หรือ ยูเวนตุส พวกเขายังด้อยกว่าใน แต่เมื่อพวกเขาได้ แม็คโทเข้าไป ทุกอย่างมันลงล็อคไปหมด นักเตะได้เป็นอิสระจากแรงกดดันทั้งปวง และได้ปล่อยสกิลอย่างเต็มที่ สุดท้าย แม็คโท กลายเป็นนักเตะสำคัญที่พวกเขาจะขาดไม่ได้ ถึงขนาดที่ว่า คอนเต้ ยังสงสัยว่าทำไม ยูไนเต็ด ถึงปล่อยดาวเตะรายนี้ออกมา
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลหน้าแรงกดดันมากมายคงจะถาโถมเข้าตัวของ แม็คโทมิเนย์ และนาโปลี ด้วยศักดิ์ศรีแชมป์เก่า พ่วงกับนักเตะยอดเยี่ยม เซเรีย อา แถมยังต้องฝ่าฟันในรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทุกอย่างถือเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า แม็คโทมิเนย์ จะแบกนาโปลีป้องกันแชมป์ลีกได้หรือไม่ และจะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหนใน UCL ต้องติดตามกันต่อไป แต่ตอนนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลนาโปลี และ ชายที่ชื่อ "สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์" มาคอมเม้นพูดคุยกับแบบสุภาพกันนะครับ.... โอ๊ตดี้