"นายกหุ่นเชิด" เป็นภาษาสื่อมวลชน ใช้อธิบายวิธีหาเสียง
เลือกคนนี้เป็นนายก = ได้ทักษิณมาช่วยทำงาน
แบบเลือกหนึ่ง ได้สอง ทำให้ประชาชนมองศักยภาพสองคนรวมกัน
คำที่น่าจะเหมาะสมกว่า คือ ผู้นำที่มีเงาของอีกคนอยู่ข้างหลัง
นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งสำหรับคนที่มีความรอบรู้ จัดเจน
ทั้งทางการเมือง กฏหมาย ระบบราชการ เศรษฐกิจ และสังคม
จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเตรียมตัวไม่กี่เดือน แล้วขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ
จริงอยู่ คุณยิ่งลักษณ์ ตั้งใจทำงาน
แต่คำว่า ผู้นำประเทศ เป็นงานของคนที่...
1. เก่งเหนือคน จึงเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศได้
2. มองเกมส์ทะลุ สะสมความรู้ความเข้าใจเชิงรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
อาจไม่ต้องถึงขั้นละเอียดแบบนักวิชาการ หรือ คนที่เรียนมาโดยตรง
แต่เข้าใจหลักการคานอำนาจ รับฟังที่ปรึกษา และสามารถตัดสินใจ
3. จัดลำดับ อะไรสำคัญมาก สำคัญน้อย งานใดควรมอบหมาย เคสใดต้องเอาอยู่
4. รู้ขั้นตอน และกาละเทศะ
5. สร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้
เช่น มีทักษะการพูดในที่สาธารณะและให้สัมภาษณ์สื่อแบบไม่ต้องลุ้น
ในมุมหนึ่ง รู้สึกเห็นใจอดีตนายกยิ่งลักษณ์
แต่อยากให้ผู้ทำงานภาครัฐ และผู้กระทำในนามรัฐ พึงตระหนัก
หมื่นล้าน ในตอนนี้ เป็นเงินจำนวนมาก เมื่อต้องชดใช้
แต่ตอนนั้น ทำงานกับเงินของประชาชน เป็นงบฯมหาศาลสำหรับโครงการนั้น
การกำกับดูแลเรื่องความทุจริต ควรมีความจริงจัง และรอบคอบ
นายกฯคงไม่สามารถไปเช็คเอกสาร ตัวเลขเองทั้งหมด
แต่ท่าที ที่จริงจัง ต่อการกำกับ ให้ผู้ทำหน้าที่ไปตรวจสอบ และการรับฟัง
องค์กรที่ตรวจสอบรัฐบาล เช่น ปปช สตง องค์กรอิสระต่างๆ
น่าจะเป็นวิธีการทำงานแบบรู้ขอบเขตอำนาจที่ถูกคาดหวัง
ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ ควรชดใช้เป็นเงินมากน้อย
เราไม่มีความรู้มากพอ แค่อยากขีดเส้นใต้ ว่า
ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนให้เกิดประโยชน์
เพื่อแก้ไขปัญหา
เชิงระบบ ไม่ใช่นำเงินภาษีมาแจกเพื่อหาเสียง
เมื่อการบริหาร เน้นแจกงานให้ผู้อื่นทำแทน โดยไม่ควบคุม
ส่วนนายก เน้นไปเปิดงาน ทำงานที่สนุก เบากว่า
ไม่ได้ส่งผลขับเคลื่อนประเทศมากพอสำหรับเวลาและงบประมาณ
ที่ผู้นำใช้ไป
การก้าวขึ้นสู่นายก สำหรับคนรุ่นใหม่ เขาควรชอบอาชีพนี้จริงๆ
สังเกตวิธีการทำงาน วิธีการตัดสินใจ การพูดจาอย่างเป็นตัวของตัวเอง
มีความโดดเด่น หลักแหลม ศิลปะการบริหารคนและงบประมาณ เพื่อที่จะปกป้อง
ประโยชน์ของประเทศได้ ที่สำคัญคือ มีวุฒิภาวะในทางบริหาร
ในฐานะผู้นำประเทศ
อดีตนายกยิ่งลักษณ์ น่าเห็นใจในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ในที่นี้ เธอถูกพิจารณาในบทบาทผู้นำประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่า ศาลย่อมตัดคำว่า ผู้หญิงเพศที่อ่อนแอ ออกไป
โดยส่วนตัว หลายคนรวมทั้งผู้เขียนเองเห็นใจคุณยิ่งลักษณ์อย่างยิ่ง
แต่ในฐานะประชาชน เรามีสิทธิคาดหวัง ว่า
ผู้นำรัฐบาล ต้องกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะนั่นไม่ใช่เงินของท่าน แต่เป็นเงินของชาติ
เพื่อการพัฒนาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ไม่ใช่ทำงานแบบกระปริบกระปรอย
โมเดลนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ต้นเหตุที่ 1 ความรัก ก้าวสู่ตำแหน่งด้วยความรักต่อคุณทักษิณ แต่ไม่ใช่ความรัก
ต่ออาชีพผู้นำทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง โดยมี passion ต่ออาชีพนั้นมาอย่างยาวนาน
ต้นเหตุที่ 2 การสมยอม สมาชิกพรรคการเมือง สนับสนุนให้โมเดลเหล่านี้เกิดขึ้น
ทั้งตัวนายก และนโยบาย
ในยุคหลัง ดูเหมือน วิธีการ เอาเงินประชาชน ไปใช้ในการหาเสียง
แนว "นักบุญทุนชาวบ้าน" แจกนั่นแจกนี่โดยใช้เงินภาษี
ทำให้ประชาชนรู้สึกได้รับการปรนเปรอ แต่
ไม่ได้ทำให้คนไทย มีเครื่องมือ/ช่องทาง สร้างรายได้ระยะยาว
วันก่อน เราพาแม่ไปตรวจโรงพยาบาลรัฐของจังหวัด
ด้วยอุปกรณ์แพทย์ที่มีไม่เพียงพอ แม่เราได้คิวใช้อุปกรณ์ตรวจตับ
โดยต้องรอถึง 3 เดือน นี่คือ ตัวอย่าง ที่ชี้ให้เห็นว่า
เทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประชาชน
และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเรือธง การเป็นศูนย์สุขภาพระดับโลก
ต้อนรับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตหลังเกษียณและรักษาโรคในไทย
นโยบายป้อนขนมหวาน ที่สุ่มเสี่ยง จึงต้องทบทวน
เพราะเป็นการนำภาษีของประชาชนไปแจก ไปค้ำประกัน
แล้วเคลมว่า สมัยหน้าต้องเลือกเราอีก เราคือ ผู้ให้
หรือ โปรดเลือก แล้วเราจะเอาภาษีมาให้ท่าน
แทนที่จะสร้างระบบพัฒนาประเทศ
เพื่อการเติบโตที่ทันสมัย และยั่งยืน
ทำให้ไทยเปิดตัวสู่เศรษฐกิจโลกอย่างสง่างาม
คดีจำนำข้าว บทสะท้อนโมเดล "นายกหุ่นเชิด" และนโยบาย "นักบุญทุนชาวบ้าน" ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เลือกคนนี้เป็นนายก = ได้ทักษิณมาช่วยทำงาน
แบบเลือกหนึ่ง ได้สอง ทำให้ประชาชนมองศักยภาพสองคนรวมกัน
คำที่น่าจะเหมาะสมกว่า คือ ผู้นำที่มีเงาของอีกคนอยู่ข้างหลัง
นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งสำหรับคนที่มีความรอบรู้ จัดเจน
ทั้งทางการเมือง กฏหมาย ระบบราชการ เศรษฐกิจ และสังคม
จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเตรียมตัวไม่กี่เดือน แล้วขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ
จริงอยู่ คุณยิ่งลักษณ์ ตั้งใจทำงาน
แต่คำว่า ผู้นำประเทศ เป็นงานของคนที่...
1. เก่งเหนือคน จึงเป็นผู้นำของคนทั้งประเทศได้
2. มองเกมส์ทะลุ สะสมความรู้ความเข้าใจเชิงรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
อาจไม่ต้องถึงขั้นละเอียดแบบนักวิชาการ หรือ คนที่เรียนมาโดยตรง
แต่เข้าใจหลักการคานอำนาจ รับฟังที่ปรึกษา และสามารถตัดสินใจ
3. จัดลำดับ อะไรสำคัญมาก สำคัญน้อย งานใดควรมอบหมาย เคสใดต้องเอาอยู่
4. รู้ขั้นตอน และกาละเทศะ
5. สร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้
เช่น มีทักษะการพูดในที่สาธารณะและให้สัมภาษณ์สื่อแบบไม่ต้องลุ้น
ในมุมหนึ่ง รู้สึกเห็นใจอดีตนายกยิ่งลักษณ์
แต่อยากให้ผู้ทำงานภาครัฐ และผู้กระทำในนามรัฐ พึงตระหนัก
หมื่นล้าน ในตอนนี้ เป็นเงินจำนวนมาก เมื่อต้องชดใช้
แต่ตอนนั้น ทำงานกับเงินของประชาชน เป็นงบฯมหาศาลสำหรับโครงการนั้น
การกำกับดูแลเรื่องความทุจริต ควรมีความจริงจัง และรอบคอบ
นายกฯคงไม่สามารถไปเช็คเอกสาร ตัวเลขเองทั้งหมด
แต่ท่าที ที่จริงจัง ต่อการกำกับ ให้ผู้ทำหน้าที่ไปตรวจสอบ และการรับฟัง
องค์กรที่ตรวจสอบรัฐบาล เช่น ปปช สตง องค์กรอิสระต่างๆ
น่าจะเป็นวิธีการทำงานแบบรู้ขอบเขตอำนาจที่ถูกคาดหวัง
ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ ควรชดใช้เป็นเงินมากน้อย
เราไม่มีความรู้มากพอ แค่อยากขีดเส้นใต้ ว่า
ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนให้เกิดประโยชน์
เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ไม่ใช่นำเงินภาษีมาแจกเพื่อหาเสียง
เมื่อการบริหาร เน้นแจกงานให้ผู้อื่นทำแทน โดยไม่ควบคุม
ส่วนนายก เน้นไปเปิดงาน ทำงานที่สนุก เบากว่า
ไม่ได้ส่งผลขับเคลื่อนประเทศมากพอสำหรับเวลาและงบประมาณ
ที่ผู้นำใช้ไป
การก้าวขึ้นสู่นายก สำหรับคนรุ่นใหม่ เขาควรชอบอาชีพนี้จริงๆ
สังเกตวิธีการทำงาน วิธีการตัดสินใจ การพูดจาอย่างเป็นตัวของตัวเอง
มีความโดดเด่น หลักแหลม ศิลปะการบริหารคนและงบประมาณ เพื่อที่จะปกป้อง
ประโยชน์ของประเทศได้ ที่สำคัญคือ มีวุฒิภาวะในทางบริหาร
ในฐานะผู้นำประเทศ
อดีตนายกยิ่งลักษณ์ น่าเห็นใจในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ในที่นี้ เธอถูกพิจารณาในบทบาทผู้นำประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่า ศาลย่อมตัดคำว่า ผู้หญิงเพศที่อ่อนแอ ออกไป
โดยส่วนตัว หลายคนรวมทั้งผู้เขียนเองเห็นใจคุณยิ่งลักษณ์อย่างยิ่ง
แต่ในฐานะประชาชน เรามีสิทธิคาดหวัง ว่า
ผู้นำรัฐบาล ต้องกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะนั่นไม่ใช่เงินของท่าน แต่เป็นเงินของชาติ
เพื่อการพัฒนาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ไม่ใช่ทำงานแบบกระปริบกระปรอย
โมเดลนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ต้นเหตุที่ 1 ความรัก ก้าวสู่ตำแหน่งด้วยความรักต่อคุณทักษิณ แต่ไม่ใช่ความรัก
ต่ออาชีพผู้นำทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง โดยมี passion ต่ออาชีพนั้นมาอย่างยาวนาน
ต้นเหตุที่ 2 การสมยอม สมาชิกพรรคการเมือง สนับสนุนให้โมเดลเหล่านี้เกิดขึ้น
ทั้งตัวนายก และนโยบาย
ในยุคหลัง ดูเหมือน วิธีการ เอาเงินประชาชน ไปใช้ในการหาเสียง
แนว "นักบุญทุนชาวบ้าน" แจกนั่นแจกนี่โดยใช้เงินภาษี
ทำให้ประชาชนรู้สึกได้รับการปรนเปรอ แต่
ไม่ได้ทำให้คนไทย มีเครื่องมือ/ช่องทาง สร้างรายได้ระยะยาว
วันก่อน เราพาแม่ไปตรวจโรงพยาบาลรัฐของจังหวัด
ด้วยอุปกรณ์แพทย์ที่มีไม่เพียงพอ แม่เราได้คิวใช้อุปกรณ์ตรวจตับ
โดยต้องรอถึง 3 เดือน นี่คือ ตัวอย่าง ที่ชี้ให้เห็นว่า
เทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประชาชน
และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเรือธง การเป็นศูนย์สุขภาพระดับโลก
ต้อนรับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตหลังเกษียณและรักษาโรคในไทย
นโยบายป้อนขนมหวาน ที่สุ่มเสี่ยง จึงต้องทบทวน
เพราะเป็นการนำภาษีของประชาชนไปแจก ไปค้ำประกัน
แล้วเคลมว่า สมัยหน้าต้องเลือกเราอีก เราคือ ผู้ให้
หรือ โปรดเลือก แล้วเราจะเอาภาษีมาให้ท่าน
แทนที่จะสร้างระบบพัฒนาประเทศ
เพื่อการเติบโตที่ทันสมัย และยั่งยืน
ทำให้ไทยเปิดตัวสู่เศรษฐกิจโลกอย่างสง่างาม