อย่างที่เราเคยตั้งกระทู้ไปก่อนหน้านี้ น้องเราไม่ทำงานหลังจากตกงานได้ 6 เดือนเขาก็ดูผิดปกติไป
จนกระทั่งเขาเลือกเก็บข้าวของออกไปเช่าห้องอยู่คนเดียวแถวเคหะแจ้งวัฒนะและขาดการติดต่อกับครอบครัวไป 2 เดือน
แต่ก่อนหน้าที่จะหายไปเขาได้ขอยืมเงินคนรอบตัวหลายต่อหลายคน เราและพ่อแม่ก็มีให้บ้างแต่เขาโอนให้มิจฉาชีพหมด
ต้องบอกว่า ก่อนเขาออกจากงานเขามีอาการแพนิคและหวาดระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สาเหตุหลักมาจากครอบครัวและเพื่อนร่วมงานกดดัน แกล้งทางอ้อม เรารู้เพราะน้องทำงานที่เดียวกับเรามาก่อน
ปัจจุบันน้องติดต่อกลับมาเมื่อ 4 วันก่อนสภาพอิดโรยและผอมเหลือแต่กระดูก เหมือนคนเป็นโรคและไม่ได้กินข้าวเป็นเวลานาน
เราคิดว่าเขาน่าจะอดเพราะไปอยู่คนเดียวแบบไม่มีแผนและไม่มีงานไม่มีเงินติดตัว แถมยังหลงเชื่อมิจฉาชีพอีก
แม่กับเราพยายามให้เขากินข้าวเยอะๆและนอนเยอะๆ
แม่จะเหนื่อยมากกว่าเราเพราะต้องตื่นแต่เช้ามาหาข้าวให้เขากินและตอนเย็นต้องรีบเลิกงานมาดูเขา
แต่กินได้บ้างกินทีก็แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกบ้าง
เราก็บังคับให้ไปหาหมอ จนกระทั่งไปหาหมอเมื่อวาน
เคราะห์ร้ายหมอพูดจาแย่ๆใส่น้องอีก "บอกว่าเป็นไรมา มีไข้หรอ น้องบอกไม่ค่อยมีไข้แต่แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เวลากินข้าวกินได้น้อย
หมอบอกว่าไม่มีไข้มาทำไม ไม่หาซื้อยากินเอา หรือไม่ก็ตายไปซะ "
ทำให้น้องเรายิ่งรู้สึกแย่และเก็บมาฝังใจกลับมาจากหาหมอเขามีอาการเหมอและนั่งพูดคนเดียวหนักขึ้น
ตอนแรกที่กลับมาเขาไม่มีอาการนี้เลย เรากลุ้มใจมาก เพราะหลังจากนี้เขาคงไม่อยากไปหาหมอแล้ว
อีกอย่างยิ่งถ้าบอกว่าเขาป่วยจิตเราไม่รู้เขาจะเข้าใจและยอมรับมันมั้ย
ขอคำปรึกษาค่ะ "น้องเราป่วยทางจิต"
จนกระทั่งเขาเลือกเก็บข้าวของออกไปเช่าห้องอยู่คนเดียวแถวเคหะแจ้งวัฒนะและขาดการติดต่อกับครอบครัวไป 2 เดือน
แต่ก่อนหน้าที่จะหายไปเขาได้ขอยืมเงินคนรอบตัวหลายต่อหลายคน เราและพ่อแม่ก็มีให้บ้างแต่เขาโอนให้มิจฉาชีพหมด
ต้องบอกว่า ก่อนเขาออกจากงานเขามีอาการแพนิคและหวาดระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สาเหตุหลักมาจากครอบครัวและเพื่อนร่วมงานกดดัน แกล้งทางอ้อม เรารู้เพราะน้องทำงานที่เดียวกับเรามาก่อน
ปัจจุบันน้องติดต่อกลับมาเมื่อ 4 วันก่อนสภาพอิดโรยและผอมเหลือแต่กระดูก เหมือนคนเป็นโรคและไม่ได้กินข้าวเป็นเวลานาน
เราคิดว่าเขาน่าจะอดเพราะไปอยู่คนเดียวแบบไม่มีแผนและไม่มีงานไม่มีเงินติดตัว แถมยังหลงเชื่อมิจฉาชีพอีก
แม่กับเราพยายามให้เขากินข้าวเยอะๆและนอนเยอะๆ
แม่จะเหนื่อยมากกว่าเราเพราะต้องตื่นแต่เช้ามาหาข้าวให้เขากินและตอนเย็นต้องรีบเลิกงานมาดูเขา
แต่กินได้บ้างกินทีก็แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกบ้าง
เราก็บังคับให้ไปหาหมอ จนกระทั่งไปหาหมอเมื่อวาน
เคราะห์ร้ายหมอพูดจาแย่ๆใส่น้องอีก "บอกว่าเป็นไรมา มีไข้หรอ น้องบอกไม่ค่อยมีไข้แต่แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เวลากินข้าวกินได้น้อย
หมอบอกว่าไม่มีไข้มาทำไม ไม่หาซื้อยากินเอา หรือไม่ก็ตายไปซะ "
ทำให้น้องเรายิ่งรู้สึกแย่และเก็บมาฝังใจกลับมาจากหาหมอเขามีอาการเหมอและนั่งพูดคนเดียวหนักขึ้น
ตอนแรกที่กลับมาเขาไม่มีอาการนี้เลย เรากลุ้มใจมาก เพราะหลังจากนี้เขาคงไม่อยากไปหาหมอแล้ว
อีกอย่างยิ่งถ้าบอกว่าเขาป่วยจิตเราไม่รู้เขาจะเข้าใจและยอมรับมันมั้ย