JJNY : 5in1 ศุภณัฐยื่นร้องสอบ‘รัฐสภา’│รอมฎอนบี้ถามคืบหน้า│สหัสวัตแฉต่อสปส.│ยอดผลิตรถยนต์เม.ย.ต่ำสุด│จีนจวกเละไต้หวันเหิม

ศุภณัฐ ยื่นหนังสือร้องมท. สอบ ‘รัฐสภา’ ก่อสร้างผิดกม. มีที่จอดรถไม่ครบตามกำหนด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5194627
.
.
ศุภณัฐ ยื่น หนังสือร้องมหาดไทย สอบ ‘รัฐสภา’ สร้างผิดกม.มีที่จอดรถไม่ครบตามกำหนด
.
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคประชาชนเปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายทีมงาน ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับกรมโยธาฯ เพื่อตรวจสอบอาคารรัฐสภาที่สร้างผิดกฎหมายควบคุมอาคาร มีที่จอดรถไม่ครบตามกำหนด จนเป็นที่มาให้ต้องของบซ้ำสองเพื่อสร้างที่จอดอีก 4,600 ล้านบาท โดยพร้อมทั้งเอาผิดสำนักงานเลขาธิการสภาฯ, บริษัทผู้ออกแบบ, บริษัทผู้ก่อสร้าง, คณะกรรมการตรวจรับงานออกแบบ, คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างก่อสร้าง, สำนักการโยธากทม.ในฐานะผู้ที่มีหน้าที่ตรวจแบบ
.
นายศุภณัฐ กล่าวว่า ตั้งแต่มีกระแสข่าวเรื่องของบ เพื่อสร้างที่จอดรถอาคารรัฐสภา อีก 4,000คัน โดย 1 ในข้ออ้างสำคัญในการของบ คือ อาคารรัฐสภาในปัจจุบันมีที่จอดรถไม่เพียงพอตามกฎหมาย ซึ่งนั่นหมายความว่า ทาง สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ยอมรับเองว่า อาคารรัฐสภาที่ตัวเองเป็นเจ้าของอาคาร เป็นคนกำกับตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง การควบคุมงาน โดยใช้เงินภาษีไปแล้วกว่า 20,000 ล้านบาทนั้น สร้างผิดกฎหมาย แต่จนถึงตอนนี้ทางกรมโยธาธิการและ รมต.มหาดไทย ยังไม่ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
.
นายศุภณัฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ตามที่ได้เปิดประเด็นไปก่อนหน้านี้ ในส่วนของกรณี สำนักงานเลขาธิการสภาฯ บีบเวลา 10วัน ในการเปิดให้ผู้ออกแบบเสนอตัวเพื่อเข้าร่วมคัดเลือกออกแบบที่จอดรถ 4,000 คัน ของสภา มูลค่าสัญญาออกแบบกว่า 104.5 ล้าน ซึ่งมีผู้ร้องเรียนเรื่องเงื่อนไขเวลาที่บีบเกินไป และตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับผู้ที่รู้โครงการมาก่อนล่วงหน้า แม้จะยืนยันว่า ระยะเวลาเหมาะสม และ เป็นไปตามระเบียบ แต่ทางผมเห็นว่ากรณีนี้ มีพิรุธสำคัญอยู่ จึงจะต้องยื่นเรื่องให้หน่วยงานเข้าตรวจสอบต่อไป
.

.
รอมฎอน บี้ถามคืบหน้า ยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ฉบับใหม่ ด้านเลขาฯสมช.ยันเคาะแล้ว-รออนุมัติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5194936
.
‘รอมฎอน’ มองสถานการณ์ จชต.รุนแรงไม่ต่างจาก 10 ปีแรก ด้าน ‘ฉัตรชัย’ ยันรัฐบาลเดินหน้าตั้งคณะพูดคุยสันติสุข เร่งออกยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ฉบับใหม่ ชี้คนละแนวทางกับคำสั่ง 66/23
.
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงผลการประชุมพิจารณาเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงยุทธศาสตร์ภาครัฐและกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดภารกิจ จึงส่งนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าชี้แจงแทน
.
นายรอมฎอนกล่าวว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความรุนแรงปรากฏความรู้สึกใกล้เคียงกับ 10 ปีแรกที่เกิดสถานการณ์ความรุนแรงกระทำต่อพลเรือนและผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง มีเด็ก เยาวชน บุคคลในสมณเพศ ครูสอนภาษาตกเป็นเป้า จึงเป็นภาวะตึงเครียดและเกิดความบาดหมางระหว่างชุมชนตามมา
.
จากการช่วยกันประเมินสถานการณ์ ผู้ชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองว่า ความรุนแรงน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น มีเพียงสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ประเมินว่าแม้ผลกระทบความรุนแรงจะมีแนวโน้มที่บานปลาย แต่เห็นว่าความรุนแรงน่าจะลดลง ผลมาจากการสูญเสียความชอบธรรมของขบวนการต่อสู้ BRN เพิ่มมากขึ้น จากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกประณาม หรือเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังกับพลเรือน
.
นายรอมฎอนกล่าวว่า ขณะที่มาตรการต่างๆ ตนเองได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ฉบับใหม่ของรัฐบาล เนื่องจากนายภูมิธรรมได้มีข้อสั่งการเมื่อต้นเดือน ม.ค.68 ให้ทบทวนแนวทางการแก้ปัญหาของภาครัฐ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปยกร่างยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ฉบับใหม่ ผ่านมาแล้ว 5 เดือน จึงต้องทวงถาม นายฉัตรชัย ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งชี้แจงว่ายุทธศาสตร์ฉบับใหม่ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ยังไม่ได้อนุมัติ เนื่องจากต้องเสนอเข้าที่ประชุม สมช.และบางประเด็นต้องนำเข้าสู่ ครม.
.
ยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ฉบับใหม่ จะเน้นเรื่องการยุติความรุนแรงที่กระทบกับประชาชนเฉพาะหน้า และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันจะเปิดช่องทางให้ผู้ที่เห็นต่างกลับคืนสู่สังคม นายฉัตรชัย ย้ำว่าไม่ใช่แนวทางเดียวกับคำสั่ง 66/23 แต่เป็นการปรับแนวคิดเพื่อให้เข้ากับบริบทและสถานการณ์ปัจจุบัน
.
ในที่ประชุมก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้รายละเอียดจะมีแค่นี้ แต่ไม่ใช่สิ่งใหม่ โดยเฉพาะจุดเน้นเรื่องการพูดคุยสันติสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลจะเดินหน้าพูดคุยสันติสุขต่อ แต่ภายใต้เงื่อนไขคือ การขอให้ BRN ยุติความรุนแรงต่อพลเรือนเสียก่อน
.
โดยการพูดคุยสันติสุขวางไว้ในวัตถุประสงค์เรื่องการบริหารและพัฒนาชายแดนใต้ จะต้องมีการดำรงความต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย บังคับใช้กฎหมายลดละเลิกใช้กำลังกับพลเรือน ขณะเดียวกันความพยายามที่จะศึกษาเรื่องการกระจายอำนาจที่เหมาะสม และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันไม่ให้การแบ่งแยกดินแดน รวมถึงศึกษาบทเรียนความรุนแรงในอดีต
.
ปัจจุบันรัฐบาลไทยโดย สมช.จัดให้มีการพูดคุยก่อนที่จะมีกระบวนการพูดคุยสันติสุขอย่างเป็นทางการ โดยติดต่อผ่านมาเลเซียเพื่อพูดคุยกับผู้ที่มีอำนาจทางการตัดสินใจ แต่ยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่มีการพบปะพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามในที่ประชุมมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชัดเจนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลไทยด้วย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนมากขึ้นต่อการเปิดช่องในการพูดคุยเพื่อสันติภาพหลังจากนี้
.
ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงจะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อพบปะพูดคุยกับตัวแสดงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนข้อเสนอที่ได้มีการพูดคุยในวันนี้จะมีการรวบรวมและส่งเรื่องไปให้รัฐบาลได้พิจารณาต่อไป
.
นายรอมฎอนกล่าวว่า ในที่ประชุมมีข้อเสนอทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น อนาคตของจังหวัดชายแดนใต้ ท้ายที่สุดจะต้องมีทางเลือกทางการเมืองที่เหมาะสมที่อยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เป็นทางเลือกการเปิดรับฟังความคิดเห็นที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นด้วย
.


สหัสวัต แฉต่อ สปส.ใช้เงินผู้ประกันตน ซื้อรถหรูประจำตำแหน่ง แถมบริจาครถมือ 3 ได้อีก
.
สหัสวัต แฉต่อ สปส.ใช้เงินผู้ประกันตน ซื้อรถหรูประจำตำแหน่ง แถมบริจาครถมือ 3 ได้อีก
.
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่ประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย สำนักงานประกันสังคม (สปส.) พิจารณาผลการทำประชาพิจารณ์การยกเลิกจัดทำปฏิทินประจำปีแจกผู้ประกันตน ซึ่งผลสำรวจเสียงส่วนใหญ่เสนอให้ยกเลิก แต่ฝ่ายเลขานุการในที่ประชุมยืนยันว่ายังคงดำเนินการจัดทำปฏิทินประจำปี 2569 แจกผู้ประกันตน เนื่องจากมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินการไว้แล้ว และยังเห็นความจำเป็นในการแจกปฏิทินให้ผู้ประกันตนอยู่ โดยระบุข้อความดังนี้
.
ประกันสังคม จะอะไรนักหนา
.
ผลโพลออกมาชัดเจน ว่า คนไม่เอาปฏิทิน ข้าราชการยังหักมติประชาชนเจ้าของเงิน ยืนยันทำต่อ
.
ใช้เงินผู้ประกันตน และนายจ้าง รวมถึงเงินภาษีเหมือนเงินตัวเอง
.
งั้นเปิดต่อ!!! ประกันสังคมใช้เงินผู้ประกันตนซื้อรถหรูประจำตำแหน่ง แถมกติกากระทรวงการคลังยังเปิดช่องให้สามารถบริจาคเป็นรถมือ 3 ได้อีก
ปัจจุบันข้าราชการระดับอธิบดีหรือทีมงานฝ่ายการเมืองไม่ได้มีรถหรูประจำตำแหน่ง แต่ประกันสังคมทำให้มีได้โดยการใช้เงินผู้ประกันตนไปซื้อ แล้วตั้งชื่อโครงการแนวๆ ว่า ‘รถเพื่อสนับสนุนภารกิจกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม‘ ทีนี้ก็จะใช้ได้ทั้งนายในกระทรวงและสำนักงานประกันสังคม ในความเป็นจริงก็คือรถประจำตำแหน่งนั่นแหละ โดยพฤตินัยลองนึกภาพข้าราชการพนักงานประกันสังคมคนไหนจะกล้าเบิกใช้รถ Volkswagen T6, Toyota Alphard 2.5 Hybrid SRC (ตามภาพคือรายการเก่าเมื่อปี’63-64 ได้ยินมาว่าพึ่งถอยใหม่มาสองคัน) ถ้าไม่ใช่นายสูงสุดตามระบบราชการ ใช้เงินแบบนี้มันเหมาะสมหรือไม่?
.
อีกข้อสังเกตหนึ่งเรื่องการซื้อรถที่ผ่านมาหน่วยงานราชการและสำนักงานประกันสังคมได้บริจาครถให้กับสถานที่ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบเช่น วัด เป็นจำนวนมาก (ไม่มีข้อมูลว่าปัจจุบันบริจาคไปแล้วกี่คัน) ตามภาพการโอนรถข้างล่างนี้ ประกันสังคม จังหวัดสกลนคร ผู้ซื้อรถมือ 1 บริจาคให้วัดสระแก้วผู้รับรถมือ 2 แล้ววัดสระแก้วโอนต่อให้ นางสาว XXX ผู้โชคดีรับรถมือ 3 คำถามคือกติกาที่เปิดช่องให้สามารถนำพัสดุทางราชการไปฟอกได้ถึง 3 มือแบบนี้ทำไมไม่มีการป้องกันแก้ไข และมีรถอีกกี่คันที่ซื้อด้วยเงินผู้ประกันตนที่ถูกโยกย้ายโอนไปให้มือที่ 3 ผ่านวัดหรือองค์กรการกุศลบ้าง?”
.
.

.
ยอดผลิตรถยนต์เม.ย.ต่ำสุดรอบ 44 เดือน แบงก์เข้มปล่อยกู้ เหตุหนี้ครัวเรือนพุ่ง ฉุดยอดขายในประเทศวูบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5195039
.
ยอดผลิตรถยนต์เม.ย.ต่ำสุดรอบ 44 เดือน แบงก์เข้มปล่อยกู้ เหตุหนี้ครัวเรือนพุ่ง ศก.อ่อนแอ ฉุดยอดขายในประเทศวูบ
.
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือน เม.ย.2568 ผลิตได้ 104,250 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.40% ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน (หรือ 3 ปี 8 เดือน) นับจากเดือน ก.ย.2564 เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 67,085 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.73%
.
ทั้งนี้ สอดคล้องกับการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 65,730 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.31% เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และการเข้มงวดในเรื่องเทคโนโลยีช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัย และการปล่อยคาร์บอนในบางประเทศคู่ค้า โดยรถยนต์ไฮบริด (HEV) ส่งออกเพิ่มขึ้น 87.96% ถือเป็นเดือนแรก แต่จำนวนไม่มาก จึงทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ ซึ่งคงต้องติดตามผลการเจรจาของไทย และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยกับสหรัฐต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่