ส่วนตัวผม จากทีเคยเรียนกฎหมายอาญามาเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน
กระติก ไม่น่าจะมีความผิดในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ เพราะกระติกไม่มีหน้าที่ที่จะป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดขึ้น กระติกไม่ใช่คนขับเรือ แม้ว่ากระติกจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม แต่กระติกไม่ได้มีหน้าที่ต้องระวังไม่ให้แตงโมเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆ กระติกไม่มีหน้าที่ต้องเฝ้าหรือจ้องมองแตงโมทุกฝีก้าว จะเดินไปทางไหน ก็ต้องคอยจ้องมองไม่ให้คลาดสายตา แบบผู้ใหญ่ระวังเด็ก หรือแบบบอดี้การ์ดระวังบุคคลสำคัญ อย่างที่กระติกให้สัมภาษณ์ว่า เวลานั้น กระติกนั่งอยู่หน้าเรือ กำลังมองไปข้างหน้า นอกเรือ ดูวิวอยู่ จึงอยู่ห่างจากผลที่เกิดขึ้นมากๆ
ส่วนแซน อันนี้ น่าคิดว่า แซนมีหน้าที่ที่จะป้องกันมิให้ผล(คืออุบัติเหตุหรือความตายของแตงโม)เกิดขึ้นหรือไม่
ยกตัวอย่าง สมมุติว่า นาง ก. เป็นคนพิการทางสายตา กำลังรอจะข้ามถนนอยู่ แล้วมี นาย ข. อาสาจูงแขนของนาง ก. พาข้ามถนน แล้วพอพาไปถึงกลางถนนที่รถรากำลังวิ่งขวักไขว่า นาย ข. กลับทิ้ง นาง ก. ไว้กลางถนน แล้วเดินจากไป จนมีรถมาชนนาง ก. เสียชีวิต
เช่นนี้ นาย ข. ก็จะมีความผิด เพราะจากที่ตัวเองไม่มีหน้าที่ป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น แต่ดันไปอาสาจูงแขนเค้าข้ามถนนเอง จึงเกิดเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำไปให้สุดทาง เพื่อป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น
ย้อนกลับมาที่แซน ถ้าคำสัมภาษณ์ของแซนเป็นความจริง คือ กำลังนอนดูมือถือท้ายเรือ แล้วจู่ๆ แตงโม ซึ่งเดินมาจากบริเวณหน้าเรือ มาถึงท้ายเรือ ก็นั่งลงตรงบริเวณท้ายเรือ ใช้มือนึงจับขาแซน โดยที่แซนยังไม่ทันจะพูดห้าม พอแตงโมลุกขึ้นจะยืน แล้วก็เซพลัดตกลงไปท้ายเรือ จมหายไป
ถ้าฟังข้อเท็จจริงได้ตามนี้ จะเห็นว่า แซน ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น เพราะแซนไม่ใช่คนเริ่มต้นชักชวนแตงโมให้มาฉี่บริเวณท้ายเรือ
ถ้าแซนจะต้องมีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้พวกเราอาจจะมีความผิดในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปด้วย เช่น เวลานั่งรถสองแถวไปกับคนอื่น สมมุติเรานั่งท้ายแถวสุด แล้วอยู่ๆ มีใครก็ไม่รู้ เดินมาจะยืนท้ายสองแถว แล้วเอามือจับแขนเรา โดยที่เราไม่ทันจะเอ่ยห้าม แล้วเขาดันพลัดตกรถตาย เราก็จะกลายเป็นมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปด้วย
พรุ่งนี้ จะมีคำพิพากษาในคดีแตงโม แล้ว ลองมาเดากันว่าผลคำตัดสินจะออกทางไหนได้บ้าง
กระติก ไม่น่าจะมีความผิดในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ เพราะกระติกไม่มีหน้าที่ที่จะป้องกันไม่ให้ผลนั้นเกิดขึ้น กระติกไม่ใช่คนขับเรือ แม้ว่ากระติกจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม แต่กระติกไม่ได้มีหน้าที่ต้องระวังไม่ให้แตงโมเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายใดๆ กระติกไม่มีหน้าที่ต้องเฝ้าหรือจ้องมองแตงโมทุกฝีก้าว จะเดินไปทางไหน ก็ต้องคอยจ้องมองไม่ให้คลาดสายตา แบบผู้ใหญ่ระวังเด็ก หรือแบบบอดี้การ์ดระวังบุคคลสำคัญ อย่างที่กระติกให้สัมภาษณ์ว่า เวลานั้น กระติกนั่งอยู่หน้าเรือ กำลังมองไปข้างหน้า นอกเรือ ดูวิวอยู่ จึงอยู่ห่างจากผลที่เกิดขึ้นมากๆ
ส่วนแซน อันนี้ น่าคิดว่า แซนมีหน้าที่ที่จะป้องกันมิให้ผล(คืออุบัติเหตุหรือความตายของแตงโม)เกิดขึ้นหรือไม่
ยกตัวอย่าง สมมุติว่า นาง ก. เป็นคนพิการทางสายตา กำลังรอจะข้ามถนนอยู่ แล้วมี นาย ข. อาสาจูงแขนของนาง ก. พาข้ามถนน แล้วพอพาไปถึงกลางถนนที่รถรากำลังวิ่งขวักไขว่า นาย ข. กลับทิ้ง นาง ก. ไว้กลางถนน แล้วเดินจากไป จนมีรถมาชนนาง ก. เสียชีวิต
เช่นนี้ นาย ข. ก็จะมีความผิด เพราะจากที่ตัวเองไม่มีหน้าที่ป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น แต่ดันไปอาสาจูงแขนเค้าข้ามถนนเอง จึงเกิดเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำไปให้สุดทาง เพื่อป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น
ย้อนกลับมาที่แซน ถ้าคำสัมภาษณ์ของแซนเป็นความจริง คือ กำลังนอนดูมือถือท้ายเรือ แล้วจู่ๆ แตงโม ซึ่งเดินมาจากบริเวณหน้าเรือ มาถึงท้ายเรือ ก็นั่งลงตรงบริเวณท้ายเรือ ใช้มือนึงจับขาแซน โดยที่แซนยังไม่ทันจะพูดห้าม พอแตงโมลุกขึ้นจะยืน แล้วก็เซพลัดตกลงไปท้ายเรือ จมหายไป
ถ้าฟังข้อเท็จจริงได้ตามนี้ จะเห็นว่า แซน ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะป้องกันมิให้ผลเกิดขึ้น เพราะแซนไม่ใช่คนเริ่มต้นชักชวนแตงโมให้มาฉี่บริเวณท้ายเรือ
ถ้าแซนจะต้องมีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้พวกเราอาจจะมีความผิดในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปด้วย เช่น เวลานั่งรถสองแถวไปกับคนอื่น สมมุติเรานั่งท้ายแถวสุด แล้วอยู่ๆ มีใครก็ไม่รู้ เดินมาจะยืนท้ายสองแถว แล้วเอามือจับแขนเรา โดยที่เราไม่ทันจะเอ่ยห้าม แล้วเขาดันพลัดตกรถตาย เราก็จะกลายเป็นมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปด้วย