ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก กังวลหนี้สาธารณะสหรัฐฯ พุ่งไม่หยุด และ PTT รัดเข็มขัด! ลดรายจ่าย-แปลงสินทรัพย์ ปั้มอีบิทดา 2 หมื่น

นักลงทุนยังคงวิตกปัจจัยหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล กดดันดัชนีหุ้นร่วงแรง ขณะราคาทองคำพุ่งจากเงินดอลลาร์อ่อน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันพุธ (ตามเวลาท้องถิ่น) ด้วยการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเดือน หลังนักลงทุนวิตกว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อาจพุ่งสูงขึ้นหลายล้านล้านดอลลาร์ หากรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายลดภาษีตามข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
 

มีรายงานจากคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า ร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันอาจทำให้หนี้รัฐบาลกลางที่ปัจจุบันอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอีก 3-5 ล้านล้านดอลลาร์
 

ดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวร่วงลงแรง:
 

• ดาวโจนส์ ลดลง 816.80 จุด (-1.91%) ปิดที่ 41,860.44 จุด
 
• S&P 500 ลดลง 95.85 จุด (-1.61%) ปิดที่ 5,844.61 จุด
 
• Nasdaq ลดลง 270.07 จุด (-1.41%) ปิดที่ 18,872.64 จุด
 

ราคาน้ำมันลด หลังข่าวการเจรจานิวเคลียร์ สหรัฐฯ-อิหร่าน
 

ราคาน้ำมันร่วงเล็กน้อย หลังรัฐมนตรีต่างประเทศโอมานเผยว่า สหรัฐฯ และอิหร่านเตรียมเปิดโต๊ะเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่ภายในสัปดาห์นี้
 

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันปรับขึ้นชั่วคราวจากรายงานของ CNN ที่ระบุว่า อิสราเอลอาจเตรียมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่เป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ในกลุ่มโอเปก
 

• น้ำมันเบรนท์ ปิดที่ 64.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.7%
 
• WTI ปิดที่ 61.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.7%
 

 

ราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง 3 วัน รับอานิสงส์ดอลลาร์อ่อน-ความกังวลเศรษฐกิจ
 

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้นักลงทุนแห่ไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย
 

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.6% เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ทำให้ทองคำถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
 

• ทองสปอต อยู่ที่ 3,312.77 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.7%
 
• ทองคำฟิวเจอร์ส ปิดที่ 3,313.50 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.9%



PTT รัดเข็มขัด! ลดรายจ่าย-แปลงสินทรัพย์ ปั้มอีบิทดา 2 หมื่นล้าน

KEY POINTS
เศรษฐกิจโลกถดถอย! กลุ่ม ปตท. เดินหน้ารัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่าย ตุนกระแสเงินสด
เพิ่มสภาพคล่อง แปลงสินทรัพย์เป็นทุน ดันอีบิทดา 20,000 ล้านบาท
พร้อมดีลพาร์ทเนอร์ร่วมทุน TOP - PTTGC - IRPC ชัดเจนปีนี้ 
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ภาพรวมสภาวะตลาดปี 2568 เนื่องด้วยเศรษฐกิโลกไม่ดี การเจรจาการค้าต่างๆยังไม่สำเร็จและมีความเสี่ยง ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะปรับตัวลดลง ขณะที่ น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมีคาดว่าไม่น่าจะดีขึ้น 
ดังนั้น ปตท. จึงต้องเตรียมรับมือในเรื่องกระแสเงินสด, สภาพคล่อง ที่สำคัญคือเพิ่มอิบิทดาในปีนี้เพิ่มขึ้น 20,000 ล้านบาท จากการลดค่าใช้จ่ายในปีนี้เพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน รวมถึงการทำโครงการต่างๆ ช่วยพยุงให้ผลประกอบการของบริษัทสามารถต่อสู้ไปได้

5 กลยุทธ์ฝ่าวิกฤติ
ปตท.ดําเนินเชิงรุกจัดตั้งวอร์รูม เตรียมแผนรับมือเศรษฐกิจถดถอยครอบคลุมการดําเนินงานใน 5 ด้าน คือ 1. Strategy ทบทวนกลยุทธ์เดิมพร้อมพิจารณาความท้าทายใหม่ที่จะเข้ามากระทบพบว่ากลยุทธ์กลุ่ม ปตท. มาถูกทาง เหมาะสม สามารถรับมือกับปัจจัยภายนอก
และความท้าทายจากเรื่องสงครามการค้าได้ เพียงแต่บาง เรื่องต้องเร่งให้เร็วขึ้น เช่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท.
2. Financial Management รักษาวินัยการเงิน บริหารต้นทุนการเงิน เสริมสภาพคล่องกระแสเงินสด รักษาระดับ Credit Rating 
3. Supply Chain & Customer ดูแลคู่ค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความต่อเนื่องตลอด Supply Chain พร้อมเร่งดําเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่ม
4. Project Management ทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการและการลงทุน โดยต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (Asset Monetization) ของ flagship 
5. Communication สื่อสารและสร้างความเข้าใจการดําเนินธุรกิจแก่ผู้มีส่วนได้ เสียอย่างทั่วถึง

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหลังจากปรับกลยุทธ์ ปตท. มั่นใจว่ามาถูกทาง พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการ P1 และ D1 ซึ่งเป็น PTT Group Synergy บริหารงานแบบ Centralized Supply and Market Management มีเป้าหมาย 3,000 ล้านบาทต่อปีภายในปี 2028,
โครงการ MissionX ยกระดับ Operational Excellence เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าทั้งกลุ่ม ปตท. ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปีภายในปี 2027

และโครงการ Axis นําเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน ซึ่งจะสร้างมูลค่าได้อีก 11,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2029
"การทํา Asset Monetization ของ กลุ่ม ปตท. ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งด้วยการรักษาวินัยทางการเงินและการลงทุนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดภายในกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน"
ดีลพาร์ทเนอร์กลุ่มโรงกลั่นชัดปีนี้  

สำหรับความคืบหน้าการเจรจาหาพาร์ทเนอร์ร่วมลงทุนกับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC คาดทราบรายละเอียดชัดเจนภายในปี 2568 นี้    



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่