พ่อเราเป็นแบบนี้เรียกว่ามีเมียน้อยได้ไหม?

**เนื้อหาอาจจะยาวหน่อยนะค่ะ**

   ขอย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเราเรียน ป.2 ขึ้น ป.3 (ประมาณ 12 ปีที่แล้ว) พ่อเราได้ไปรู้จักกับพนักงานร้านของชำใกล้บ้านคนนึง สมมุติชื่อ "เอ" เราตอนเด็ก ๆ ก็ค่อนข้างจะสนิทกับนางเออยู่นิดนึง เพราะชอบไปช่วยจัดร้านขายของแล้วก็เล่นกับเด็กรุ่น ๆ เดียวกันในบริเวณนั้น แต่พอเราขึ้น ป.3 มาก็ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกับนางเออีกเลย พ่อเราก็ยังคงติดต่อ และไปรับไปส่งนางเออยู่เสมอ ๆ ซึ่งเขาจะตื่นเช้าเพื่อไปส่งนางและกลับมารับแม่เราไปส่งที่ทำงาน แต่บางวันก็ให้แม่เราเหมาวินแถวนั้นไปทำงานเอง อยู่มาวันนึงนางเอได้ให้โทรศัพย์พ่อเรามาในช่วง 10 ปีที่แล้วโทรศัพท์เป็นของใหม่มากสำหรับเรา เราเลยไปขอพ่อเล่น ส่วนมากก็ดูยูทูปนั้นแหละ แต่เราเอ๊ะใจตรงชื่อแอคว่าทำไมถึงเป็นชื่อนางเอ ในตอนนั้นเราไม่ได้ติดใจอะไรเพราะพ่อก็บอกว่าได้มือถือเครื่องนี้มาจากนาง แต่นางก็ยังให้มือถือพ่อมาอีกเครื่อง ประมาณ ป.4 พ่อเราก็ออกรถมือ 2 คันนึงโดยไม่ได้ปรึกษาอะไรกับแม่เราเลย ไปออกกับนางเอสองคน โดยเรารถมอเตอร์ไซต์ไปเข้าไฟแนนซ์ไว้ ต้องอธิบายอย่างนี้ก่อนว่ารถมอเตอร์ไซต์คันนี้แม่เราซื้อด้วยเงินสด แต่ตอนเซ็นต์ชื่อเจ้าของรถ แม่เล่าว่า"พ่อเอาเอกสารไปเซ็นต์ โดยที่แม่ยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่านั้นคือเอกสารอะไร" โดยสุดท้ายแม่เราต้องช่วยจ่ายเงินค่างวดแทบทุกครั้ง ไม่นานรถใหญ่คันนี้ก็โดนยึดไป พอเข้าช่วง ป.6 พ่อก็จ้างให้วินคนนึงไปรับเรากลับบ้าน แต่ปกติพ่อจะเป็นคนมารับเราตลอด เย็นวันนึงเราเดินไปซื้อขนมในซอยต้องผ่านร้านที่นางเอทำงานถัดไปไม่ไกลเราเห็นรถมอเตอร์ไซต์ของพ่อจอดอยู่ เราจำป้ายทะเบียนได้ไม่ผิดแน่นอน ถัดไปอีกนิดเป็นห้องพักของพนักงานในโรงงานทำเกี่ยวกับผ้า เราเห็นรองเท้าของพ่อวางอยู่ที่หน้าห้อง เราไม่ได้สนใจอะไรเลยเดินไปซื้อของ ๆ เราต่อ ตอนเดินกลับบ้านไม่รู้ฟ้าเป็นใจหรือยังไง พ่อเราและนางเอเดินออกมาจากห้องด้วยกัน เราก็เลยยืนมองเขาทั้งคู่อยู่ตรงข้ามถนน (ถนนเลนคู่ไม่ได้กว้างมาก) นางเอมองเราด้วยสายตาแปลก ๆ มองเท้าเราแล้วก็มองหน้าเรา เขามองอย่างนี้อยู่สักพักเขาก็เดินกลับเข้าห้องไป พ่อเราก็ขี่รถมาหาเราบอกขึ้นรถเดี๋ยวไปส่งที่บ้าน ด้วยความไม่พอใจของเรา เราเลยปฏิเสธแล้วเดินกลับบ้านเอง พ่อมักหายไปอยู่กับนางเอหลายต่อหลายครั้งโดยอ้างสารพัดว่า ไปถือศีลกับนางเอบ้างละ ไปซ่อมของกับนางเอบ้างละ ไปเย็บผ้าช่วยนางเอบ้างละ ก็คือวน ๆ อยู่ที่นางนั้นแหละ พอเราขึ้น ม.ต้น เราก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของที่บ้านมากนักไปโฟกัสเรื่องที่โรงเรียนมากกว่า แต่เชื่อไหมวันไหนที่พ่อตื่นช้านางมาตะโกนเรียกพ่อให้ไปส่งนางถึงหน้าบ้านเราเลย เริ่มไม่ใช่แค่แม่ที่ไม่พอใจนาง บรรดาญาติพี่น้องแม่ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่พอใจด้วย แต่พ่อก็ยังวน ๆ อยู่กับนางเอบ้านช่องตัวเองไม่ค่อยจะอยู่ พอขึ้น ม.3 แม่เราป่วยเป็นโรคชิกุนชุนยา (โรคไข้เลือดออกเวอร์ชั่นอัพเกรด) ตอนที่แม่เราเริ่มป่วยเชื่อไหมพ่อเราให้เราไปซื้อข้าวต้มให้แม่ แต่ตัวเองออกไปหานางเอ สุดท้ายแม่ไปโรงพยาบาลพ่อไม่สนใจอะไรเลยนั่งจองแต่มือถือ จนหมอตัดสินใจให้แม่นอนโรงพยาบาลตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนสุดท้ายเรานอนเฝ้าตลอด เสื้อผ้าเราก็ต้องกลับบ้านมาเอาเองในตอนเช้า พ่อมาเยี่ยนก็บ่าย ๆ ของวันที่ 3 ที่แม่นอนโรงพยาบาล ไม่มีของติดมือมาเยี่ยมเลยสักครั้ง จนเราเริ่มไม่สบายขอกลับมานอนพักที่บ้านตอนเช้า เราเลยรู้จากน้าว่าพ่อไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเลยสักคืน ปกติบ้านเราถ้ามีคนอยู่จะเปิดไฟในบ้านและหน้าบ้านทุกครั้ง แล้วก็ทุกอย่างที่เคยวางทิ้งไว้ก่อนที่แม่จะไปโรงพยาบาลมันยังอยู่ที่เดิม หลังจากที่แม่กลับมาจากโรงพยาบาลพ่อก็ยังออกไปไหนต่อไหน โดยไม่ได้สนใจแม่ที่พึ่งกลับมาเลยสักนิด แล้วจากนั้นไม่นานโควิดก็เข้ามาทำให้แม่โดนจ้างออกจากงาน และเราที่ขึ้น ปวช.1 ต้องเรียนออนไลน์ ทำให้เราได้รู้ว่าพ่อไม่ค่อยที่จะอยู่บ้านเลย ออกไปไหนตลอด และแวะมายืมเงินบ่อยมากตั้งแต่ประถมจนเราเรียนจบ ปวส. ก็ยังแวะมายืมเงินที่หน้าห้องเราตลอด แรก ๆ ก็หลักร้อย หลัง ๆ ก็หลักพัน ทุกคนที่บ้านเอิ่มละอากับพฤติกรรมเขากับนางเอมาก ทุกคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแม่เรารู้เรื่องทำไมถึงไม่ไล่พ่อออกจากบ้าน เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านแม่พ่อกับแม่เราทะเลาะกัน (จริง ๆ ก็ทะเลาะกันทุกเดือนแหละ) พ่อเราพูดออกมาว่า "-ูไปแ-่งให้พ้น ๆ จะได้จบ ๆ" แม่เลยบอกว่า "ไปดิ เก็บของ-ึงแล้วออกไปจากบ้าน-ูเลยนะ อย่ากลับมาให้เห็นอีก" พ่อเราออกไปข้างนอกในคืนนั้น ตอนแรกก็คิดว่าเขาคงไปแล้วละ แต่ ๆๆ ไม่กี่ ชม. เขาก็กลับมานอนที่บ้าน วันต่อมาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราลืมเล่าไปอีกอย่างตอน ปวช.3 พ่อเราป่วยหนักนั่งเป็นไข้หนาวสั่นประมาณสองวันติด ๆ เราก็หาน้ำหายาหาข้าวหาผ้าห่มให้เขา และถามเขาตลอดว่าจะไป รพ. ไหมเราจะได้เรียกรถให้ เขาปฏิเสธตลอดว่าไม่ไป ๆ จนคืนวันที่ 2 คืนนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนเราเลยฝากให้แม่ช่วยดูแลพ่อแทนให้ก่อน เราขอไปฉลองให้พ่อสักพักจะกลับมา เราไปแล้วกลับมาก็ประมาณ 2 ชม. ไม่นานแฟนที่มาส่งเราแชทมาบอกว่ารถล้มน้าของแฟนกำลังพาไปโรงพยาบาล วันรุ่งขึ้นเราเลยว่าจะไปหาแฟนที่บ้าน ก่อนออกจากบ้านเราก็ถามพ่อเหมือนเดิมว่าจะไป รพ. ไหม เขาก็บอกไม่ไป เราก็เลยไปหาแฟน วันนั้นฝนตกหนักมากทำให้กลับบ้านไม่ได้ ก็นั่งเล่นอยู่สักพักนึงก็มีสายโทรเข้าจากน้า น้า"พ่ออยู่โรงบาลแล้วนะ" เราก็ตกใจรีบกลับมาบ้าน ตัวเปียกไปหมดกลับมาถึงเราก็เดินไปหาน้าก็เจอแม่เรานั่งอยู่ด้วย พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ ใช่ค่ะ แม่กับหน้าเปิดอ่านแชทในมือถือพ่อ และพยายามหาเบอร์ติดต่อของเรา ทุกชื่อในเครื่องที่ขึ้นชื่อเรากลับไม่ใช้เบอร์เราสักเบอร์(เพราะน้าไล่โทรหมดทุกเบอร์เลย) 1 ในแชทที่แม่เปิดอ่าน คือ แชทของนางเอ เนื้อหาข้างในก็จะมีการชวนกันไปนั้นไปนี้ ชวนให้ไปกินข้าวที่ห้องตัวเอง มันทำให้ทุกคนยิ่งไม่พอใจกันเขาไปอีก เพราะนางเอรู้ว่าพ่อมีครอบครัวอยู่แล้ว ไอ้การที่ชวนไปกินข้าวที่ห้องตัวเองมันหมายความว่ายังไง? วันต่อมาเราเลยตัดสินใจที่จะเอาเสื้อผ้า มือถือ ไปให้พ่อที่ รพ. แต่ไปได้ครึ่งทางมีสายโทรเข้าเครื่องพ่อ เมื่อฉันรับสายเป็นเสียงของนางเอบอกว่า "พ่ออาการแย่แล้วนะ ทาง รพ. โทรไปหานาง" ฉันตกใจที่พ่ออาการแย่ลง แต่ก็แอบเคืองที่ทำไมไม่ให้เบอร์เรากับทาง รพ. ไปถึง รพ. เราก็เจอนางเอดักรออยู่ พอขึ้นไปเจอพ่อก็โดนมัดอยู่กับเตียงโดยพยาบาลเล่าว่าพ่อมีอาการอาลวาด นางเอก็พยายามเดินไปสะกิดไปเรียกชื่อพ่อเราตลอด แต่แม่เราเดินไปจับตัวแล้วก็ไปตักน้ำมาเช็ดตัวจนไข้ลดลง นางนั้นก็ไม่เลิกที่จะเขย่าตัวพ่อเราแล้วก็เรียกชื่อ จนเราอาสาไปเปลี่ยนน้ำที่ใช้เช็ดตัวก็มีพี่ผู้หญิงที่ดูแลเตียงข้าง ๆ มาถามเราว่า "คนที่เขย่าตัวนั้นแม่หนูเหรอ" เราอึ้งไปแปบนึงเลยตอบปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ พอไข้พ่อเรารถลงเขาก็เริ่มรู้สึกตัวและดีขึ้นพูดคุยรู้เรื่อง เราเลือกที่จะกลับมานอนที่บ้านทุกคืนเพราะกลัวของหาย จนวันนึงที่พ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว พ่อเราว่าเราก่อนที่จะกลับบ้านว่า "-ึงนี้เห็นผู้ชายคนอื่นดีกว่าพ่อตัวเองนะ" แค่นั้นแหละค่ะ เราอยากสวนนะแต่ในห้องผู้ป่วยจะมาว่าเขาคืนก็คงไม่ดี เราเลยเลือกที่จะเดินหนีออกมาร้องไห้อยู่ข้างล่าง แล้วก็ตัดสินใจนั่งรถกลับบ้านเลย แม่บอกเราว่าทุกครั้งที่นางเอจะมาพ่อมักจะไล่ให้แม่กลับบ้านเสมอ จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันพึ่งรู้ว่าพ่อพานางเอไปออกงานสังคมเยอะแยะไปหมด แต่กลับปฏิเสธที่จะพาแม่ไป ในโลกโซเชียลนางก็คอมเม้นท์ในโพสต์ของพ่ออย่างเปิดเผย นางเองก็ลงรูปที่ติดพ่อเราเวลาไปเที่ยวด้วยกันอย่างเปิดเผยเช่นกัน เราเคยขอให้เขาเลิกยุ่งกันแล้วนะแต่ไม่เป็นผล แถมเหมือนเขาจะโกรธเราด้วย เขาสองคนใช้เวลาร่วมกันเยอะกว่าเรากับแม่อีก เอาจริง ๆ นะเรารู้สึกว่าแม่เราเก่งมาก ๆ เลยที่ทนอยู่ได้ ล่าสุดคนที่ตลาดก็เล่าให้แม่ฟังว่าวันก่อนที่แม่ไม่ได้ไปช่วยพ่อขายของก็มี ผญ. อีกคนมาช่วยขายเห็นเรียกว่า พ่อกับแม่ กันด้วย อย่างนี้...ทำไมเขาไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยละ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีงูเข้ามาในห้องเรา เราก็ออกไปบอกพ่อบอกลักษณะของงู พ่อบอกงูเห่าอะดิ กัดตุยนะอย่าไปยุ่งกับมัน แล้วเขาก็ออกไปข้างนอก เราต้องให้แฟนมาช่วยกันจับออกไปข้างนอก(เรากับแฟนอยู่กันคนละบ้านและอยู่ค่อนไกลกันพอสมควร) วันต่อมานางเอโทรมาบอกพ่อว่ามีงูเขาบ้านนางนางก็หน้าจะอธิบายลักษณะงูแหละ เราได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่(ใช่ค่ะ เราแอบฟัง) พ่อก็บอกงูทางมะพร้าวอะดิ นางก็เหมือนจะให้พ่อไปจับมันออกจากบ้านให้หน่อยเพราะกลัวโดนกัด และใช่ค่ะ!! พอเราไปจับให้ เคืองสุดลูกสาวแท้ ๆ จะโดนงูเห่ากัดตุยไม่สนใจ ดันไปสนใจไอ้แค่งูทางมะพร้าว แล้วก็ปัจจุบันเหมือนในมือถือพ่อเราเขาจะลบรูปที่ถ่ายคู่กับแม่แล้วก็เราไปหมดแล้ว เราไม่แน่ใจว่าเขาลบเองหรือนางเอเป็นคนลบ แล้วพ่อชอบไปรับของแปลก ๆ จากนางเอมาบ้านด้วย ล่าสุดก็รูปปั่นพันท้ายนี้แหละค่ะ เป็นวัตถุมงคลที่แปลกตาแล้วก็วันแรกที่เอาเข้ามาเรารู้สึกแย่สุด ๆ ตอนนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ในบ้านห้องข้าง ๆ ห้องเรา ปกติครอบครัวเราคนอื่นมักมองเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแต่ความจริงมันแย่ยิ่งกว่าครอบครัวที่เขาแยกทางกันอีกค่ะTT แนะนำวิธีแก้ปัญหาดี ๆ หน่อยได้ไหมคะทุกท่านลูกสาวคนนี้ไม่ไหวแล้วววว

ปล.บ้านที่อาศัยอยู่เป็นชื่อของแม่ และแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยเสียดายจริง ๆร้องไห้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่