เชื่อว่าหลายคนรู้จักเกาะสุกรจังหวัดตรังกันมาบ้างแล้วแต่ข้อมูลสำหรับการเดินทางด้วยตนเองอาจจะยังไม่มากนักในทริปนี้ผมจึงอยากรีวิววิธีการเดินทางจากกรุงเทพมาถึงเกาะสุกรด้วยตัวเองแบบไม่ขับรถโดยทริปนี้เราเดินทางกัน 2 คนครับ
ทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบินแอร์เอเชียไฟลท์บิน 7:45 ถึงจังหวัดตรัง 9:20 โมงแต่ด้วยความที่เครื่องบินเร็วกว่ากำหนดทำให้เราถึงจังหวัดตรังประมาณ 9 โมงตรง


หลังจากออกถึงสนามบินตรัง ปกติจะมีรถ shutter bus จากสนามบินไปที่ ขนส่งจังหวัดในราคาคนละ 90 บาทนะครับ แต่สำหรับทริปนี้ ผมใช้วิธีการที่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ย้อนไปขนส่งจังหวัดคือ
1. เดินออกมาหน้าสนามบิน แล้วเรียก Grab ให้ไปส่งที่ 7-11 ปากทางหน้าสนามบินครับ ราคาประมาณ50 บาท
2. โทรศัพท์ไปหาวินรถตู้ประจำทาง ที่จะวิ่งไปผ่านอำเภอ ย่านตาขาว ให้มารับที่ หน้าสนามบิน ตรงวิทยาลัยการอาชีพตรัง ค่าโดยสารคนละ 40 บาท เบอร์โทร 084 168 0934 มีรถตู้ออกเกือบทุก ชม ครับ แต่ถ้าเต็มก่อนก็ออกก่อน (ข้อมูลรถตู้จังหวัดตรังได้มาจากคุณ sawkitty ใน pantip นะครับ)
นั่งรถตู้มาสัก 20 กม ไม่ถึง 40 นาที รถจะมาส่งเราที่ อำเภอย่านตาขาวครับ บริเวณสะพานลอย หลังจากนี้เราต้องเดินผ่านตึกแถวจะมีแยกเลี้ยวซ้าย เข้าซอยสัก200 เมตร ไปขึ้น รถ2แถว เพื่อไปท่าเรือตาเซะ ถ้ากลัวหลงหรือไปไม่ถูก ถามชาวบ้านแถวนั้นได้เลยครับ

ตรงนี้เขาจะเรียกคิวรถหาดสำราญนะครับ มีที่นั่งรอรถออก ค่าโดยสาร 50 บาทไปถึงท่าเรือตาเซะ

เราต้องนั่งรอผู้โดยสารสักพัก จนรถออก ตอนผมไปถึงราวๆ 10 โมงเช้ากว่า รถออกประมาณ 11 โมง เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาแนะนำให้บอกคนขับก่อนเลยว่าขอเวลาไปกินข้าวก่อนได้เลย พี่คนขับใจดีแกจะรอเราแน่ๆครับ เพราะคนขึ้นไม่เยอะเลย ตอนผมไปมีนั่งกันแค่ 4 คน VIP มาก 555 แถวนั้นมีร้านติ๋มซำ และอาหารให้พอลองท้องได้เยอะแยะด้วยครับ
หลังจากรถออก นั่งดูวิวเพลินๆ วิว2 ข้างทางเป็นบ้านคน และสวนชาวบ้าน ประมาณ ชมเศษๆ ระยะทางสัก 40 กม เราก็จะมาถึงปลายทางที่ท่าเรือ ตาเซะ ที่เห็นตามภาพจะเป็นท่าเรือใหม่นะครับ สำหรับคนที่ขับรถมาเอง ก็เอามาจอดบริเวณนี้คิดค่าจอดคือละ 60 บาท จริงๆใกล้ๆกันมีท่าเรือเก่าอยู่ ซึ่งก็ยังใช้งานอยู่เหมือนกัน แต่ทริปนี้ผมไม่ได้ไปทางนั้น
ถึงแล้วท่าเรือดาเซะ

เรือโดยสารจอดเรียงรายอยู่เยอะเลย

การขึ้นเรือก็เดินไปหาเรือคิวที่กำลังจะออกได้เลย ส่วนค่าโดยสาร จะคิดเป็น ลำเรือนะครับ คือเรือลำละ 300 บาท นั่งได้ ไม่เกิน10 คน ดังนั้นถ้ามีคนรอกัน 10 คนก็คนละ 30 บาท แต่ถ้าคนไม่เต็มก็จะเฉลี่ยกันได้เลยครับ สำหรับตอนผมไปมีคนนั่งกัน 4 คนก็ตกคนละ 75 บาท ออกได้เลย ไม่ต้องรอ

นั่งเรือข้ามฝั่งมาสัก 15-20 นาทีเราก็จะมาถึง ท่าเรือเกาะสุกรตามภาพเลยครับ

สำหรับทริปนี้เราพักที่ Cameron Island ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของท่าเรือ และเขาจะมี รถมอไซด์พ่วงข้างมารับ เราที่ท่าเรือเลย คือถ้าขึ้นเรือก็โทรแจ้งได้เลย และแล้ว ก็ถึงที่พักประมาณเที่ยงหน่อยๆ รวมเวลาจากลงเครื่องจนถึงที่พักก็ราวๆ 3 ชม แบบชิวๆ ไม่รีบร้อน
ช่วงที่มาเป็นช่วงต้นพค ก็จะมีฝนตกบ้างเล็กน้อย แถบทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรครับ เที่ยวได้สบาย ไม่ร้อนด้วย ทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน2คืน

การเดินทางหลังจากนี้รอบเกาะก็เช่ารถมอไซด์ครับ วันละ 200 ใส่น้ำมันให้ 1 ขวดลิตร แค่นี้ก็วิ่งรอบเกาะสบายแล้วพอดีช่วงที่มาถึงอากาศมันดี วันนี้เราเลยเดินเล่นพักผ่อนริมหาดและเล่นน้ำกันก่อนเลย
หาดอาจจะดูไม่ขาวมาก น้ำอาจจะไม่ใสเพราะเข้าสู่ช่วงมีฝน แต่น้ำสะอาดดีครับ ช่วงที่ผมไป มีคนพักทั้งรีสอร์ท 3 หลังเอง เงียบสงบมาก
และแล้วก็ถึงมื้อแรก ของวันที่มื้อเย็นเราเลือก ร้านระเบียงนา ร้านขึ้นชื่อบนเกาะ ถึงแม้ว่าวันนี้คนมากินไม่เยอะแต่ยืนยันได้ว่าน่าจะอร่อย เพราะมีคนบนเกาะมากินแถบทั้งนั้น 555

เมนูที่ห้ามพลาด หมึกน้ำดำ กับ ปูนิ่มทอดกระเทียม จัดว่าดีมากครับ ราคาจัดว่าไม่แพงถ้าเทียบกับคุณภาพอาหารครับ ใครสนใจเมนูอื่นก็ add facebook ไปดูกันได้ครับหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ วันนี้ก็พักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มตะเวนรอบเกาะกันครับ

เช้าวันใหม่แบบอากาศมัวๆนิดๆ อาจจะถ่ายรูปไม่สวย แต่มันก็ดีตรงที่ไม่ร้อน เริ่มตะเวนรอบเกาะกันครับ โดยที่แรกเราไปหาข้าวกิน แถวๆ หมู่บ้านกันครับ

หลังจากมาถึงในหมู่บ้านประมาณ 9 โมง เราก็พบว่าขนมที่เคยหาข้อมูลมาว่า จะมีคนมาวางขายตรง 4 แยกนี้มันมีแต่ความว่างเปล่า เลยนั่งคุยกับป้าข้างๆร้านขายชานม ซึ่งแกขายน้ำมัน และทำขนมปังส่งร้านต่างๆบนเกาะนี้ แกบอกว่าคราวหน้าให้มาก่อน 7 โมงเพราะเขาขายกันตั้งแต่ตี5 แล้ว ขายให้ชาวบ้านที่ไปกรีดยาง และไปทำงานกันหมดแล้ว
แต่ไม่เป็นไร ฝั่งตรงข้ามแกเป็นร้านอาหารตามสั่ง มีไก่ทอดกับตามสั่งให้ทานรองท้อง เลยสั่งผักพริกแกงเนื้อมากิน ปรากฏว่า แกทำเนื้ออร่อยโคตร นุ่มมากมาก ไก่ก็เค็มกำลังดี ก่อนกินไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อย เพราะเป็นร้านตามสั่งธรรมดา พิกัดอยู่ติดกับร้านโรตีบังจุก แต่บอกเลยเนื้อร้านแกไม่ธรรมดา
หลังจากอิ่ม ก็เริ่มแว้นรอบเกาะ เริ่มจากไปดูจุดชมวิว ทางด้านเหนือของเกาะซึ่งจะมองเห็นแนวฝั่งจังหวัดตรัง และเกาะลิบง จริงๆหลังจากจุดชมวิวเราตั้งใจจะไปนั่งคาเฟ่ชิวๆกันที่ โล๊ะน้ำริมเล ปรากฏว่าปิด ไม่เป็นไร ข้างๆกันมี MAYA ริมเล แต่ก็ปิดอีกเช่นกัน สรุป คาเฟ่ ดูวิว แป๊กครับทริปนี้

หลังจากดูวิวแล้ว ก็ลองขับรอบเกาะต่อซึ่งบรรยากาศโดยรวมร่มรื่น มีนกน้ำ เหยี่ยว และนกสวยๆระหว่างทาง มากทีเดียว แต่ที่สำคัญสุดเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของเกาะนี้คือ รอยยิ้มของคนบนเกาะครับ แถบทุกบ้านที่ติดถนน เวลาเราขับรถผ่านทุกบ้านจะยิ้มให้เราครับ ถ้าเราอยากรู้อะไรหรือถามข้อมูลใดๆ เจาจะตอบเราด้วยความเต็มใจพร้อมรอยยิ้มเสมอครับ
ขับวนมาถึงด้านตะวันตกของเกาะ จะมาถึงอีก1 จุดชมวิวฝั่งอันดามัน จากฝั่งนี้เราจะมองเห็น เกาะเหลาเหลียง เกาะตะรุเตาได้ชัดทีเดียว

แนวด้านนี้จะมีการทำแนวกันคลื่นไว้ด้วยบางช่วงด้วย

และแล้วก็มาถึงอีก 1 mission ในการตามหาควายทะเล
และแล้วก็เจอน้องๆฝูงแรกละ แต่ช่วงนี้น้องๆเขากินหญ้ากันอยู่ก็เลยไม่ได้ลงทะเล ไม่เป็นไรเด่วเย็นๆมาดูใหม่ โดยน้องๆเขาจะอยู่กันก่อนถึงหาดแตงโม ซึ่งเดือนนี้จะไม่มีแตงโมแล้ว เขาจะทำกันปลายๆปี ลืมบอกคนที่นี่เล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นฤดูที่ไม่มีการเพาะปลูกเขาจะปล่อยให้ควายเดินกินหญ้าได้อย่างอิสระ แต่ถ้าเป็นช่วงทำนาหรือปลูกแตงโมจะไม่ปล่อยแบบนี้นะครับ

ขับรถผ่านหาดแตงโมมาจนสุดหาด ก็จะมีอีก 1 จุดชมวิวที่สวยมาก บริเวณท่าบ้านแหลม จะเป็นเหมือนสะพานยื่นไปในทะเล และมีชาวบ้านมาตกปลาบริเวณนี้อยู่บ้าง และมีแมวคอยมาเฝ้าปลาที่ชาวบ้านหามาอีกที แต่แมวบนเกาะมีเยอะมากแถมเชื่องทุกตัว

เกาะสุกรที่มีแต่ สุ "แมว"

พอสุดเกาะผมก็ตั้งใจขับกลับ เพราะคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรดูเท่าไรแล้ว แต่อยากลองขี่วนเป็นวงกลมรอบเกาะ เผื่อจะไปหาโรตีกินก่อนกลับที่พัก เลยขับขึ้นไปทางหน้าท่าเรือ ผ่านทางหมู่2 ปรากฏว่า มาเจอร้านขายของชำข้างทาง
และที่สำคัญร้านนี้มีขนมพื้นเมืองที่ตั้งใจไปหาตอนเช้า ขายอยู่เต็มเลย คือร้านเขารับมาตั้งแต่ตอนเช้า เอาไว้ขายให้ชุมชนแถวนี้ สรุปเราก็เลยได้ลองชิมขนมบนเกาะแบบไม่ต้องตื่นตี5 ขอบอกซื้อมาเป็น 10 ห่อจ่ายไม่ถึง 60 บาท
ขับมาอีกหน่อยก็เจออีก1 ร้านที่ไม่ได้อยู่ในแผน แต่ประทับใจ ที่ได้มาเจอคือ ร้านสวนครัว คาเฟ่ ชื่อเดิมแกน่าจะ หิมพานต์สเตชัน เจ้าของแกเป็นคนตรัง ย้ายมาเปิดคาเฟ่ บนเกาะ โดยปรับพื้นที่เป็นไร่ นา สวนผสม และเปิดคาเฟ่ด้านหน้า
แกเล่าให้ฟังว่าถ้าเป็นหน้าบัวแกจะมีบึงบัวให้ดูด้วย ส่วนด้านหลัง ก็มีสัตว์ที่แกเลี้ยงไว้ทั้ง ควาย ห่าน ไก่สารพัด ที่เราไปเดินเล่นได้ครับ โดยที่นี่มีบริการทั้ง อาหารและเครื่องดื่ม ไว้บริการนะครับ เราใช้เวลาที่นี่อยู่เกือบ 3 ชมทีเดียวโดยเจ้าของแกมาคุยกันอย่างสนุกสนานทีเดียวครับ

ไอ้สองตัวนี้ชื่อ พะ - โล้ เป็นนักเลงประจำสวน เสียงดังสุดละ

หลังจากเสร็จกับการเม้ามอย กับพี่ร้านคาเฟ่ เราก็กลับไปที่พักเล่นทะเลกันอีกรอบ เพื่อรอเวลาไปดูควายทะเลที่ชาวบ้านบอกว่ามันจะแช่น้ำประมาณ 4-5 โมงเย็น เราก็เลยวนไปหาดแตงโมกันอีกรอบ และแล้วเราก็ได้เจอแบบนี้

คือช่วงนี้ฝนตกบ่อย น้ำมันเลยขังอยู่บนหาดทำให้น้องๆ เขาไปลงไปแช่ในทะเลครับ ขับไปจนสุดหาดแตงโมกี่ฝูง ก็เจอแต่แช่ปรัก เขาไม่แช่ทะเลสะ
เกาะสุกร จ.ตรังใน version เดินทางเองได้ (อัพเดท 14 พค 2568)
ทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบินแอร์เอเชียไฟลท์บิน 7:45 ถึงจังหวัดตรัง 9:20 โมงแต่ด้วยความที่เครื่องบินเร็วกว่ากำหนดทำให้เราถึงจังหวัดตรังประมาณ 9 โมงตรง
หลังจากออกถึงสนามบินตรัง ปกติจะมีรถ shutter bus จากสนามบินไปที่ ขนส่งจังหวัดในราคาคนละ 90 บาทนะครับ แต่สำหรับทริปนี้ ผมใช้วิธีการที่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ย้อนไปขนส่งจังหวัดคือ
1. เดินออกมาหน้าสนามบิน แล้วเรียก Grab ให้ไปส่งที่ 7-11 ปากทางหน้าสนามบินครับ ราคาประมาณ50 บาท
2. โทรศัพท์ไปหาวินรถตู้ประจำทาง ที่จะวิ่งไปผ่านอำเภอ ย่านตาขาว ให้มารับที่ หน้าสนามบิน ตรงวิทยาลัยการอาชีพตรัง ค่าโดยสารคนละ 40 บาท เบอร์โทร 084 168 0934 มีรถตู้ออกเกือบทุก ชม ครับ แต่ถ้าเต็มก่อนก็ออกก่อน (ข้อมูลรถตู้จังหวัดตรังได้มาจากคุณ sawkitty ใน pantip นะครับ)
นั่งรถตู้มาสัก 20 กม ไม่ถึง 40 นาที รถจะมาส่งเราที่ อำเภอย่านตาขาวครับ บริเวณสะพานลอย หลังจากนี้เราต้องเดินผ่านตึกแถวจะมีแยกเลี้ยวซ้าย เข้าซอยสัก200 เมตร ไปขึ้น รถ2แถว เพื่อไปท่าเรือตาเซะ ถ้ากลัวหลงหรือไปไม่ถูก ถามชาวบ้านแถวนั้นได้เลยครับ
ตรงนี้เขาจะเรียกคิวรถหาดสำราญนะครับ มีที่นั่งรอรถออก ค่าโดยสาร 50 บาทไปถึงท่าเรือตาเซะ
เราต้องนั่งรอผู้โดยสารสักพัก จนรถออก ตอนผมไปถึงราวๆ 10 โมงเช้ากว่า รถออกประมาณ 11 โมง เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาแนะนำให้บอกคนขับก่อนเลยว่าขอเวลาไปกินข้าวก่อนได้เลย พี่คนขับใจดีแกจะรอเราแน่ๆครับ เพราะคนขึ้นไม่เยอะเลย ตอนผมไปมีนั่งกันแค่ 4 คน VIP มาก 555 แถวนั้นมีร้านติ๋มซำ และอาหารให้พอลองท้องได้เยอะแยะด้วยครับ
หลังจากรถออก นั่งดูวิวเพลินๆ วิว2 ข้างทางเป็นบ้านคน และสวนชาวบ้าน ประมาณ ชมเศษๆ ระยะทางสัก 40 กม เราก็จะมาถึงปลายทางที่ท่าเรือ ตาเซะ ที่เห็นตามภาพจะเป็นท่าเรือใหม่นะครับ สำหรับคนที่ขับรถมาเอง ก็เอามาจอดบริเวณนี้คิดค่าจอดคือละ 60 บาท จริงๆใกล้ๆกันมีท่าเรือเก่าอยู่ ซึ่งก็ยังใช้งานอยู่เหมือนกัน แต่ทริปนี้ผมไม่ได้ไปทางนั้น
ถึงแล้วท่าเรือดาเซะ
เรือโดยสารจอดเรียงรายอยู่เยอะเลย
การขึ้นเรือก็เดินไปหาเรือคิวที่กำลังจะออกได้เลย ส่วนค่าโดยสาร จะคิดเป็น ลำเรือนะครับ คือเรือลำละ 300 บาท นั่งได้ ไม่เกิน10 คน ดังนั้นถ้ามีคนรอกัน 10 คนก็คนละ 30 บาท แต่ถ้าคนไม่เต็มก็จะเฉลี่ยกันได้เลยครับ สำหรับตอนผมไปมีคนนั่งกัน 4 คนก็ตกคนละ 75 บาท ออกได้เลย ไม่ต้องรอ
นั่งเรือข้ามฝั่งมาสัก 15-20 นาทีเราก็จะมาถึง ท่าเรือเกาะสุกรตามภาพเลยครับ
สำหรับทริปนี้เราพักที่ Cameron Island ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของท่าเรือ และเขาจะมี รถมอไซด์พ่วงข้างมารับ เราที่ท่าเรือเลย คือถ้าขึ้นเรือก็โทรแจ้งได้เลย และแล้ว ก็ถึงที่พักประมาณเที่ยงหน่อยๆ รวมเวลาจากลงเครื่องจนถึงที่พักก็ราวๆ 3 ชม แบบชิวๆ ไม่รีบร้อน
ช่วงที่มาเป็นช่วงต้นพค ก็จะมีฝนตกบ้างเล็กน้อย แถบทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรครับ เที่ยวได้สบาย ไม่ร้อนด้วย ทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน2คืน
การเดินทางหลังจากนี้รอบเกาะก็เช่ารถมอไซด์ครับ วันละ 200 ใส่น้ำมันให้ 1 ขวดลิตร แค่นี้ก็วิ่งรอบเกาะสบายแล้วพอดีช่วงที่มาถึงอากาศมันดี วันนี้เราเลยเดินเล่นพักผ่อนริมหาดและเล่นน้ำกันก่อนเลย
หาดอาจจะดูไม่ขาวมาก น้ำอาจจะไม่ใสเพราะเข้าสู่ช่วงมีฝน แต่น้ำสะอาดดีครับ ช่วงที่ผมไป มีคนพักทั้งรีสอร์ท 3 หลังเอง เงียบสงบมาก
และแล้วก็ถึงมื้อแรก ของวันที่มื้อเย็นเราเลือก ร้านระเบียงนา ร้านขึ้นชื่อบนเกาะ ถึงแม้ว่าวันนี้คนมากินไม่เยอะแต่ยืนยันได้ว่าน่าจะอร่อย เพราะมีคนบนเกาะมากินแถบทั้งนั้น 555
เมนูที่ห้ามพลาด หมึกน้ำดำ กับ ปูนิ่มทอดกระเทียม จัดว่าดีมากครับ ราคาจัดว่าไม่แพงถ้าเทียบกับคุณภาพอาหารครับ ใครสนใจเมนูอื่นก็ add facebook ไปดูกันได้ครับหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ วันนี้ก็พักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มตะเวนรอบเกาะกันครับ
เช้าวันใหม่แบบอากาศมัวๆนิดๆ อาจจะถ่ายรูปไม่สวย แต่มันก็ดีตรงที่ไม่ร้อน เริ่มตะเวนรอบเกาะกันครับ โดยที่แรกเราไปหาข้าวกิน แถวๆ หมู่บ้านกันครับ
หลังจากมาถึงในหมู่บ้านประมาณ 9 โมง เราก็พบว่าขนมที่เคยหาข้อมูลมาว่า จะมีคนมาวางขายตรง 4 แยกนี้มันมีแต่ความว่างเปล่า เลยนั่งคุยกับป้าข้างๆร้านขายชานม ซึ่งแกขายน้ำมัน และทำขนมปังส่งร้านต่างๆบนเกาะนี้ แกบอกว่าคราวหน้าให้มาก่อน 7 โมงเพราะเขาขายกันตั้งแต่ตี5 แล้ว ขายให้ชาวบ้านที่ไปกรีดยาง และไปทำงานกันหมดแล้ว
แต่ไม่เป็นไร ฝั่งตรงข้ามแกเป็นร้านอาหารตามสั่ง มีไก่ทอดกับตามสั่งให้ทานรองท้อง เลยสั่งผักพริกแกงเนื้อมากิน ปรากฏว่า แกทำเนื้ออร่อยโคตร นุ่มมากมาก ไก่ก็เค็มกำลังดี ก่อนกินไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อย เพราะเป็นร้านตามสั่งธรรมดา พิกัดอยู่ติดกับร้านโรตีบังจุก แต่บอกเลยเนื้อร้านแกไม่ธรรมดา
หลังจากอิ่ม ก็เริ่มแว้นรอบเกาะ เริ่มจากไปดูจุดชมวิว ทางด้านเหนือของเกาะซึ่งจะมองเห็นแนวฝั่งจังหวัดตรัง และเกาะลิบง จริงๆหลังจากจุดชมวิวเราตั้งใจจะไปนั่งคาเฟ่ชิวๆกันที่ โล๊ะน้ำริมเล ปรากฏว่าปิด ไม่เป็นไร ข้างๆกันมี MAYA ริมเล แต่ก็ปิดอีกเช่นกัน สรุป คาเฟ่ ดูวิว แป๊กครับทริปนี้
หลังจากดูวิวแล้ว ก็ลองขับรอบเกาะต่อซึ่งบรรยากาศโดยรวมร่มรื่น มีนกน้ำ เหยี่ยว และนกสวยๆระหว่างทาง มากทีเดียว แต่ที่สำคัญสุดเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของเกาะนี้คือ รอยยิ้มของคนบนเกาะครับ แถบทุกบ้านที่ติดถนน เวลาเราขับรถผ่านทุกบ้านจะยิ้มให้เราครับ ถ้าเราอยากรู้อะไรหรือถามข้อมูลใดๆ เจาจะตอบเราด้วยความเต็มใจพร้อมรอยยิ้มเสมอครับ
ขับวนมาถึงด้านตะวันตกของเกาะ จะมาถึงอีก1 จุดชมวิวฝั่งอันดามัน จากฝั่งนี้เราจะมองเห็น เกาะเหลาเหลียง เกาะตะรุเตาได้ชัดทีเดียว
แนวด้านนี้จะมีการทำแนวกันคลื่นไว้ด้วยบางช่วงด้วย
และแล้วก็มาถึงอีก 1 mission ในการตามหาควายทะเล
และแล้วก็เจอน้องๆฝูงแรกละ แต่ช่วงนี้น้องๆเขากินหญ้ากันอยู่ก็เลยไม่ได้ลงทะเล ไม่เป็นไรเด่วเย็นๆมาดูใหม่ โดยน้องๆเขาจะอยู่กันก่อนถึงหาดแตงโม ซึ่งเดือนนี้จะไม่มีแตงโมแล้ว เขาจะทำกันปลายๆปี ลืมบอกคนที่นี่เล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นฤดูที่ไม่มีการเพาะปลูกเขาจะปล่อยให้ควายเดินกินหญ้าได้อย่างอิสระ แต่ถ้าเป็นช่วงทำนาหรือปลูกแตงโมจะไม่ปล่อยแบบนี้นะครับ
ขับรถผ่านหาดแตงโมมาจนสุดหาด ก็จะมีอีก 1 จุดชมวิวที่สวยมาก บริเวณท่าบ้านแหลม จะเป็นเหมือนสะพานยื่นไปในทะเล และมีชาวบ้านมาตกปลาบริเวณนี้อยู่บ้าง และมีแมวคอยมาเฝ้าปลาที่ชาวบ้านหามาอีกที แต่แมวบนเกาะมีเยอะมากแถมเชื่องทุกตัว
เกาะสุกรที่มีแต่ สุ "แมว"
พอสุดเกาะผมก็ตั้งใจขับกลับ เพราะคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรดูเท่าไรแล้ว แต่อยากลองขี่วนเป็นวงกลมรอบเกาะ เผื่อจะไปหาโรตีกินก่อนกลับที่พัก เลยขับขึ้นไปทางหน้าท่าเรือ ผ่านทางหมู่2 ปรากฏว่า มาเจอร้านขายของชำข้างทาง
และที่สำคัญร้านนี้มีขนมพื้นเมืองที่ตั้งใจไปหาตอนเช้า ขายอยู่เต็มเลย คือร้านเขารับมาตั้งแต่ตอนเช้า เอาไว้ขายให้ชุมชนแถวนี้ สรุปเราก็เลยได้ลองชิมขนมบนเกาะแบบไม่ต้องตื่นตี5 ขอบอกซื้อมาเป็น 10 ห่อจ่ายไม่ถึง 60 บาท
ขับมาอีกหน่อยก็เจออีก1 ร้านที่ไม่ได้อยู่ในแผน แต่ประทับใจ ที่ได้มาเจอคือ ร้านสวนครัว คาเฟ่ ชื่อเดิมแกน่าจะ หิมพานต์สเตชัน เจ้าของแกเป็นคนตรัง ย้ายมาเปิดคาเฟ่ บนเกาะ โดยปรับพื้นที่เป็นไร่ นา สวนผสม และเปิดคาเฟ่ด้านหน้า
แกเล่าให้ฟังว่าถ้าเป็นหน้าบัวแกจะมีบึงบัวให้ดูด้วย ส่วนด้านหลัง ก็มีสัตว์ที่แกเลี้ยงไว้ทั้ง ควาย ห่าน ไก่สารพัด ที่เราไปเดินเล่นได้ครับ โดยที่นี่มีบริการทั้ง อาหารและเครื่องดื่ม ไว้บริการนะครับ เราใช้เวลาที่นี่อยู่เกือบ 3 ชมทีเดียวโดยเจ้าของแกมาคุยกันอย่างสนุกสนานทีเดียวครับ
ไอ้สองตัวนี้ชื่อ พะ - โล้ เป็นนักเลงประจำสวน เสียงดังสุดละ
หลังจากเสร็จกับการเม้ามอย กับพี่ร้านคาเฟ่ เราก็กลับไปที่พักเล่นทะเลกันอีกรอบ เพื่อรอเวลาไปดูควายทะเลที่ชาวบ้านบอกว่ามันจะแช่น้ำประมาณ 4-5 โมงเย็น เราก็เลยวนไปหาดแตงโมกันอีกรอบ และแล้วเราก็ได้เจอแบบนี้
คือช่วงนี้ฝนตกบ่อย น้ำมันเลยขังอยู่บนหาดทำให้น้องๆ เขาไปลงไปแช่ในทะเลครับ ขับไปจนสุดหาดแตงโมกี่ฝูง ก็เจอแต่แช่ปรัก เขาไม่แช่ทะเลสะ