ธปท.เผยสัญญาณน่าห่วง ธุรกิจไทยยังไม่ฟื้น และ SME อ่วม แบงก์เข้มปล่อยกู้ สินเชื่อติดลบต่อเนื่อง 3 ไตรมาส

ธปท.เผยสัญญาณน่าห่วง ธุรกิจไทยยังไม่ฟื้น "กลุ่มหนี้เสี่ยง" เพิ่มขึ้น

ธปท.เผยสัญญาณน่าห่วง SME หนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ สะท้อนความเปราะบางทางการเงินที่ยังไม่คลี่คลาย จับตา Stage 2 กลุ่มหนี้เสี่ยง ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยสัญญาณน่าห่วงจากภาคธุรกิจ SME ในไตรมาสแรกของปี 2568 เมื่อยอดสินเชื่อหดตัวลงถึง -5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่หนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ สะท้อนความเปราะบางทางการเงินที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยได้รับมาตรการช่วยเหลือจากรัฐในช่วงก่อนหน้านี้
 

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 1/2568 พบว่า ยอดคงค้างสินเชื่อ Stage 3 (NPL) ไตรมาส 1/2568 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 548.1 พันล้านบาท 
 

ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.90% จากไตรมาสก่อน (4/2567) ที่อยู่ที่ 2.78% โดยหลักจากสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ สัดส่วน NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น เป็นผลของฐานสินเชื่อที่ลดลง
 
 

“NPL ที่ปรับเพิ่มขึ้น มาจากสินเชื่อธุรกิจ SME โดย NPL เพิ่มขึ้นในเกือบทุกเซ็กเตอร์ และถ้าเป็นดูรายตัวของรายใหม่ที่เป็น NPL พบว่าเป็นกลุ่มที่เคยได้รับความช่วยเหลือมาแล้ว"
 

จับตา SME มีการปรับเป็นสินเชื่อ Stage 2 เพิ่มขึ้น
 

ส่วนสินเชื่อ Stage 2 ปรับลดลง โดยหลักจากการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 ทรงตัวอยู่ที่ 6.97% จากไตรมาสก่อน (4/2567) ที่อยู่ที่ 6.98%
 

สินเชื่อธุรกิจ SME มีการถูกจัดชั้นเพิ่มขึ้นเป็น Stage 2 สะท้อนถึงความระมัดระวังของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มนี้ ขณะเดียวกัน สินเชื่อที่อยู่อาศัยในกลุ่มเสี่ยง (Stage 2) ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่อาจพัฒนาเป็นหนี้เสียในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารพิจารณาลดวงเงินหรือเรียกหนี้คืนบางส่วน
 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง
 

รวมถึงธุรกิจและครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงินจากผลกระทบของนโยบายการค้าโลก ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย
 

 

แม้จะมีมาตรการช่วยเหลือหลายระลอกที่ผ่านมา แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง กำลังสร้างแรงกดดันต่อสถานะทางการเงินของ SMEs อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังฟื้นตัวช้า และมีภาระหนี้สะสมจากช่วงวิกฤตที่ผ่านมา
มาตรการช่วยเหลือยังจำเป็น
ส่วนความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ Responsible Lending นั้น การปรับโครงสร้างหนี้สะสมของระบบสถาบันการเงินในไตรมาส 1/2568 มีจำนวนบัญชีที่ได้รับความช่วยเหลือสะสม 1.5 ล้านบัญชี และยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือสะสม 8.8 แสนล้านบาท
 

ส่วนความคืบหน้าโครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ณ วันที่ 19 พ.ค.2568 มีลูกหนี้มาลงทะเบียน 1.3 ล้านราย จำนวนบัญชี 1.7 ล้านบัญชี
 

ทั้งนี้ นางสาวสุวรรณี กล่าวถึงแนวโน้มสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2/2568 ว่า มีความท้าทาย และอาจมีการชะลอตัวต่อเนื่อง จากผลกระทบของมาตรการภาษีฯของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาคการส่งออก ตั้งแต่ไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้
 

ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น รวมทั้งจะมีการทำ Stress Test กรณีผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยได้มีพูดคุยกับสถาบันการเงินที่มีพอร์ตลูกหนี้ที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐแล้ว
 

"ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวม ผู้ส่งออกไม่ได้ส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ทั้งหมด และผู้ส่งออกเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นลูกหนี้ของธนาคารทั้งหมดเช่นกัน"
 

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมการส่งออกจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตาม แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินค้านำเข้าล้นตลาด (Import Flooding)



SME อ่วม แบงก์เข้มปล่อยกู้ สินเชื่อติดลบต่อเนื่อง 3 ไตรมาส

แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ สินเชื่อ SME หดตัว 5.5% สินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัว 2.2% ขณะที่ สินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวชะลอลง

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 1/2568 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ส่วนสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 1/2568 หดตัว -1.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งหดตัวมากกว่าไตรมาสก่อน (4/2567) และติดลบเป็นไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องกัน

สินเชื่อ SME หดตัวทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการพาณิชย์ โดยสินเชื่อ SME ไตรมาส 1/2568 หดตัว -5.5% ส่วนหนึ่งมาจากความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่กลุ่มลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดีและมีศักยภาพในการแข่งขันยังได้รับสินเชื่อต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมของสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัว 2.2% โดยสินเชื่อเช่าซื้อและบัตรเครดิตหดตัวต่อเนื่อง สินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวได้ แต่ขยายตัวชะลอลง

สินเชื่อบ้านที่ขยายตัวชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียง 0.2% นั้น พบว่า สินเชื่อบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ชะลอตัวอย่างมาก ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ เริ่มมีสัญญาณบวกในตลาดเช่าซื้อรถยนต์ จากยอดขายรถยนต์ในประเทศไตรมาส 1/2568 ที่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 และเมื่อดูดัชนีราคารถมือสองและปริมาณรถยึด พบว่าปรับลดลง จากมาตรการช่วยเหลือฯที่ทำให้ชะลอการยึดรถ และราคารถมือสองมีเสถียรภาพมากขึ้น

น.ส.สุวรรณี ยังกล่าวว่า เมื่อพิจารณายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่และการชำระคืนหนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาส 1/2568 ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยมีสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 4.4 ล้านล้านบาท แต่การชำระคืนหนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยมียอดชำระคืนหนี้ 4.39 ล้านล้านบาท

สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวได้ 1.5% โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้สินเชื่อไป หลักๆจะอยู่ในกลุ่มภาคอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มผู้ส่งออกมีการเร่งขึ้นในเรื่องวัตถุดิบต่างๆ ก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ จึงมีการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มที่มีการหดตัว คือ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสื่อสาร ซึ่งมีการออกตราสารหนี้ เพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้ของสถาบันการเงิน


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่