เดอร์มอยซีสต์ในวัย 20 ปี !!!

กระทู้สนทนา

สวัสดีค่ะ😁

วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการการเป็นเดอร์มอยซีสต์ครั้งแรกและหวังว่าเป็นครั้งสุดท้ายของเรานะคะ

เป็นกระทู้แรกนะ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย

เดอร์มอยซีสต์ (Dermoid cyst) คือโรคถุงน้ำชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเซลล์ที่มีความสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ เช่น ไขมัน เส้นผม กระดูกอ่อน หรือฟัน มาอยู่บริเวณรังไข่ ไม่มีอาการของซีสต์ และรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น

มาพูดถึงเรื่องของเดอร์มอยซีสต์เลยนะคะ

เจอน้องเดอร์มอยได้ยังไง : ช่วงต้นเดือนมกราคมปี 68 เรารู้สึกปวดนิดๆ ฟีลตุบๆที่ท้องน้อยล่างขวาติดกับกระดูกตรงสะโพกเลย ความปวดระดับ 2-3 เต็ม 10 ก็เลยไปตรวจที่คลินิกของมหาลัยก่อน และหมอได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้เป็นไส้ติ่งเลยส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลต่อไป พอถึงวันตรวจเราไปเช้ามาก กลัวคิวเยอะ สรุปแล้วคิวเยอะจริงเพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐ กว่าจะได้ตรวจคือช่วง 3-4 โมงเลย เราตรวจแบบอัลตราซาวด์ตรงหน้าท้องก็พบว่ามีก้อนกลมๆที่ข้างซ้าย แต่ด้วยเครื่องมือห้องตรวจนรีเวชไม่ละเอียดพอหมอยังวินิจฉัยไม่ได้ เลยให้ไปตรวจที่ห้องฝากครรภ์อีกวัน ( วุ่นวายมาก😢 ) และเราก็ไปตรวจด้วยเครื่องมือที่ละเอียดกว่าเดิม พบว่าเป็น Dermoid cyst ขนาด 5.6 cm 😱

**ปวดที่ข้างขวาแล้วไปเจอที่ข้างซ้ายได้ยังไง : หมอบอกว่าซีสต์ที่เจออยู่บริเวณรังไข่ ซึ่งมันสามารถพับไปมาได้ กลิ้งไปมาได้

อาการ : ต้นปี 68 เราเริ่มมีอาการท้องอืดบ่อยมากกกก เจ็บท้องประจำเดือนหนักกว่าปกติ ( ปกติเป็นปจด.ไม่ค่อยปวด ) และช่วงก่อนปจด.จะมาจะรู้สึกเจ็บท้องน้อยมากก 8/10 ตอนนั้นทรมานมากนะ เดินก็ลำบาก ต้องเดินช้าๆ ( ที่ไม่ไปรพ.เพราะยังไม่ถึงขั้นฉุกเฉิน )

ทุกคนที่อ่านมาอาจจะเข้าใจว่าซีสต์ไม่มีอาการ แต่มันก็มีภาวะแทรกซ้อนได้นะ😔

*หมอไม่ให้กระโดดโลดเต้น อย่าออกกำลังกายหนักๆ ไม่งั้นมันอาจบิดขั้วและแตกได้

รักษายังไง : หมอบอกว่าต้องเอาซีสต์ออกเท่านั้นด้วยการผ่าตัด ซึ่งจะมีการผ่าตัด 2 วิธี คือ

1. ผ่าแบบเปิดหน้าท้อง จะมีแผลบิกินี่ยาวประมาณ 15 cm. ,เจ็บกว่าวิธี 2 ,เสียเลือดเยอะ ,ใช้เวลาพักฟื้นนาน (วิธีนี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
2. ผ่าแบบส่องกล้อง แผลเล็กๆ ประมาณ 0.5-1 cm. 3-4 จุด , ฟื้นตัวไว ไม่ถึง 1 วันก็เดินได้, เสียเลือดน้อย ( เสียไม่ถึง 5,000 บาท) เราเลือกวิธีนี้

ค่าใช้จ่าย **เราใช้สิทธินักศึกษา และสิทธิสุขภาพถ้วนหน้า เลยเสียแค่ค่าผ่าตัดค่ะ ห้องพิเศษฟรีเพราะเป็นนศษ.( รักม.มาก สวัสดิการเริ่ด )

พาร์ทการผ่าตัด

ก่อนการผ่าตัด : จะมีการตรวจเลือด ตรวจการทำงานของปอด ตรวจปัสสาวะ ฯลฯ เอาง่ายๆคือตรวจร่างกายให้พร้อมก่อนผ่านั้นแหละ

ก่อนวันผ่าตัด : 26 มีนา 68 จะต้องมาแอดมิดก่อน 1 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย หมอดมยามาตรวจว่าให้ดมยาได้ไหม + บอกว่าจะดมยายังไง ,มีทีมหมอที่จะผ่าตัดมาสอบถามอาการตลอด ,อาบน้ำโดยใช้สบู่ฆ่าเชื้อ ,ก่อนผ่าตัดอย่าลืมตัดเล็บให้เรียบร้อย ,โกนขนมิจิ ,สวนทวาร และให้อดอาหารก่อนผ่าตัด พยาบาลจะมาใส่สายน้ำเกลือเวลาเที่ยงคืน เราใส่สายน้ำเกลือแล้วเจ็บมากกกก ครั้งแรกด้วย ไม่ได้เจาะที่หลังมือ แต่เจาะที่แขน😭 สงสัยเส้นเราหายาก

วันผ่าตัด : 27 มีนา 68 เราได้ผ่าช่วงบ่ายๆเลย จะมีพยาบาลมารับตัวเราไปห้องผ่าตัด เราตื่นเต้นมาก แต่ก็ทำตัวชิลไว้ พอมาถึงห้องผ่าตัดเขาก็ย้ายเราไปเตียงผ่าตัด หมอก็ใส่ท่อ O2 ให้ และหมออีกคนก็บอกว่าจะฉีดยาสลบให้แล้วนะคะ ง่วงก็หลับได้เลย สรุปว่าไม่ง่วงอะไรทั้งนั้นแหละ ตอนที่ฉีดยาสลบเข้ามารู้สึกเย็นๆช่วงแขน จากนั้นภาพตัดไปเลย ฟื้นมาอีกทีที่ห้องพักฟื้น เราพยายามสบสายตาให้กับหมอว่าเราฟื้นแล้ว พอเอาสายออกซิเจนออก หมอก็บอกว่าเรามีแผล 3 จุดนะ คือ ตรงสะดือ 1 จุด และที่ด้านล่างซ้ายอีก 2 จุด เราก็โอเค พยักหน้าตอบ และก็มีสายปัสสาวะด้วย (อันนี้แสบเลย) จากนั้นก็หลับต่อ หลับยาว รู้ตัวอีกทีเขาก็ย้ายเรามาที่ห้องละ

วันพักฟื้น : 28 มีนา 68 จะมีทีมหมอมาคอยถามอาการตลอด และหมอก็บอกว่า ซีสต์ที่ผ่าออกไป 3 cm. เสียเลือดไปเป๊กนึง จากนั้นพยาบาลจะมาเช็คอาการเราตลอด เราก็ต้องพยายามพลิกตัว และเดินด้วยเพื่อให้ลมในท้องมันออกมา แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตอนนั้นหลับอยู่ในช่วงเวลา 13.00 กว่าๆนี่แหละ เรารู้สึกว่าเตียงโยก สรุปว่าแผ่นดินไหวค่ะ แรงมาก คือตอนนั้นใจหายไปแล้ว คิดว่าฉันจะตายวันนี้เลยหรอ แม่เราก็ตกใจด้วย รีบพากันออกไป แต่แขนเราติดที่สายน้ำเกลืออยู่ มันเป็นเครื่องที่ต่อกับไฟฟ้าด้วย เลยไปไหนไม่ได้ และพยาบาลก็รีบเข้ามาช่วย ถอดสายน้ำเกลือออก ละก็พากันหนีออกจากตึกกับแม่ พยาบาลทุกคนก็ช่วยคนไข้ให้ออกมาครบทุกคนจริงๆ เรา respect มาก เขาไม่ทิ้งคนไข้เลย ขอบคุณทุกคนจริงๆ พอเหตุการณ์สงบลง ผอ.รพ.ให้ขึ้นตึกได้ก็เป็นเวลา 5 โมงกว่าแล้ว พอกลับไปที่ห้องก็รู้สึกใจหวิวๆแหละ แต่เราต้องอยู่ต่อ หมอก็โทรมาถามอาการพร้อมบอกว่าวันที่ 29 ก็กลับบ้านได้แล้ว 🥳

วันกลับบ้าน : หมอก็มาถามอาการ และถามว่า “ได้เดิน/ผายลมบ้างไหม” นี่เลยตอบไปเลยว่า “เดินจนแทบจะวิ่งละค่ะ555555” หมอก็แซวว่าจริงๆก็ไม่อยากให้เดินเร็วแบบนั้นน😂 พร้อมทำแผลที่สะดือให้เพราะมีเลือดและพยาบาลเอายามาให้ ก็กลับบ้านได้