จวบจนสิ้นแสงแดงดาว: เพราะอุทิศคืออุทิศ
หน้าปกพื้นดำ ฉากแดง และตัวอักษรขาวสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น คลับคล้ายมีพลังงานดึงดูดให้สัมผัส
สองบุรุษเผยโฉมบนหน้าปก เราเห็นเกือบทุกสิ่งยกเว้นส่วนศีรษะของพวกเขา เดาได้ไม่ยากว่าเป็นหนึ่งในความตั้งใจ
อันเป็นหมุดหมายของนวนิยายเรื่องนี้
“จวบจนสิ้นแสงแดงดาว” นวนิยายอิงประวัติศาสตร์สงครามเขมรแดงเป็นผลงานของกิตติศักดิ์ คงคา
พื้นเรื่องของจวบจนสิ้นแสงแดงดาวเป็นชิ้นส่วนสำคัญของบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง “กัมพูชา”
รุธิระผู้เป็นตัวละครหลัก
เป็นชายชั้นสูงของประเทศ ในยุคที่บ้านเมืองระส่ำระส่าย ความเปลี่ยนแปลงย่อมสาวเท้าเข้าใกล้ฝาเรือน
เคาะประตูเบา ๆ ด้วยกระสุนสักนัด ก่อนจะนบน้อมเจ้าของอำนาจด้วยความตาย รุธิระก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขมรแดง
หมุดหมายสำคัญของรุธิระคือการหนีตาย (ถ้ากล่าวให้สุภาพหน่อยก็คือการลี้ภัยทางการเมือง) เขาตัดสินใจ
หลบหนีด้วยสภาพที่ดวงตามองไม่เห็น (รุธิระเป็นผู้พิการทางสายตา) ชายตาบอดไม่อาจลี้ภัยได้เพียงลำพัง
เพราะเพียงการยกเท้าเหยียบผืนดินนอกเรือนก็นับเป็นประสบการณที่นาน ๆ ผ่านมาสักครั้ง แสงเพียงหนึ่งที่ขจัดความมืดมัว
ของดวงตาคือแสงของ
อุทิศ ชายผู้ดูแลทุกสิ่งแก่รุธิระ
การเดินทางของทั้งสองสู่เทือกเขาบรรทัดอันเป็นชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยเต็มไปด้วยอุปสรรค
การบรรยายและการวางโครงเรื่องทำให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกตำหนินักเขียนหลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาใจร้ายต่อตัวละคร
อีกทั้งยังถ่ายทอดทุกสิ่งจนเราเห็นภาพและรู้สึกตาม ภาษาของเขาพรรณนาจนไม่อาจกลั้นหมู่มวลอารมณ์
หลายครั้งก็พรั่งพรูจนไม่อาจกักเก็บความรู้สึก หลายครั้งก็ซาบซ่านจนแผ่ทั่วร่าง หลายครั้งก็รู้สึกเขิน (ฟิน) จนเผลอยิ้ม
และหลายครั้งก็ดำดิ่งจนมีธารน้ำตาเป็นของตนเอง
ภาษาของเขาไม่เพียงทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว หากแต่แฝงบางสิ่งคล้ายทิ้งกับระเบิด แรกเริ่มที่อ่าน
ต้องยอมรับตามจริงว่าเราหลงไปกับเรื่องราวระหว่างทาง รุธิระบรรยายทุกอย่างที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตา
และอุทิศฉายภาพทุกสิ่งอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยทักษะแห่งการสื่อสาร ความพร่ามัวหายไปเมื่อเสียงของอุทิศดังขึ้น
นั่นเป็นเหตุให้เราหลงเดินโดยไม่ทันระวังตัว เดินสลับวิ่งตามสัมผัสที่รุธิระรู้สึกและตามเสียงที่อุทิศบอกกล่าว
เราเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าใต้เท้ามีกับระเบิดชิ้นโตฝังอยู่เรียงราย ครั้งที่หนึ่งระเบิดออกเมื่อกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้น
ครั้งที่สอง สาม สี่ และอื่น ๆ ตามมาเป็นระลอก และครั้งสุดท้ายก็ระเบิดขึ้นเมื่อบทสุดท้ายมาเยือน
เราไม่อาจบอกได้ว่าระเบิดลูกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร บอกได้เพียงระเบิดลูกนั้นยังฝังอยู่ความทรงจำแม้เวลาผ่านมาร่วมหลายปี
หากคุณอ่านจบแล้วย้อนอ่านอีกสักครั้ง คุณจะเห็นเหตุผลของหลายสิ่ง เห็นความเชื่อมโยงของหลายอย่าง ตั้งแต่ชื่อเรื่อง
ชื่อตัวละคร อุปนิสัย การกระทำ และการตัดสินใจ เมื่อคุณเห็น เรากล้ารับประกันว่าคุณจะรักสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น
เพราะอุทิศคืออุทิศ ...
ด้วยที่กล่าวมาทั้งหมด จึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่จวบจนสิ้นแสงแดงดาวติด Longlist ซีไรต์ประจำปี 2564 ซึ่งการันตีได้ว่า
นวนิยายเรื่องนี้ควรค่าแก่การเสพ หากใครชอบเรื่องราวรันทดของตัวละครหลัก ความดราม่าที่ฉาบหนาด้วยความโรแมนติก
และเรื่องราวกัดกินแต่เยียวยาหัวใจ จวบจนสิ้นแสงแดงดาวเป็นอีกตัวเลือกที่ดีที่ควรลิ้มลอง
[CR] จวบจนสิ้นแสงแดงดาว: เพราะอุทิศคืออุทิศ
หน้าปกพื้นดำ ฉากแดง และตัวอักษรขาวสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น คลับคล้ายมีพลังงานดึงดูดให้สัมผัส
สองบุรุษเผยโฉมบนหน้าปก เราเห็นเกือบทุกสิ่งยกเว้นส่วนศีรษะของพวกเขา เดาได้ไม่ยากว่าเป็นหนึ่งในความตั้งใจ
อันเป็นหมุดหมายของนวนิยายเรื่องนี้
“จวบจนสิ้นแสงแดงดาว” นวนิยายอิงประวัติศาสตร์สงครามเขมรแดงเป็นผลงานของกิตติศักดิ์ คงคา
พื้นเรื่องของจวบจนสิ้นแสงแดงดาวเป็นชิ้นส่วนสำคัญของบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง “กัมพูชา” รุธิระผู้เป็นตัวละครหลัก
เป็นชายชั้นสูงของประเทศ ในยุคที่บ้านเมืองระส่ำระส่าย ความเปลี่ยนแปลงย่อมสาวเท้าเข้าใกล้ฝาเรือน
เคาะประตูเบา ๆ ด้วยกระสุนสักนัด ก่อนจะนบน้อมเจ้าของอำนาจด้วยความตาย รุธิระก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขมรแดง
หมุดหมายสำคัญของรุธิระคือการหนีตาย (ถ้ากล่าวให้สุภาพหน่อยก็คือการลี้ภัยทางการเมือง) เขาตัดสินใจ
หลบหนีด้วยสภาพที่ดวงตามองไม่เห็น (รุธิระเป็นผู้พิการทางสายตา) ชายตาบอดไม่อาจลี้ภัยได้เพียงลำพัง
เพราะเพียงการยกเท้าเหยียบผืนดินนอกเรือนก็นับเป็นประสบการณที่นาน ๆ ผ่านมาสักครั้ง แสงเพียงหนึ่งที่ขจัดความมืดมัว
ของดวงตาคือแสงของอุทิศ ชายผู้ดูแลทุกสิ่งแก่รุธิระ
การเดินทางของทั้งสองสู่เทือกเขาบรรทัดอันเป็นชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทยเต็มไปด้วยอุปสรรค
การบรรยายและการวางโครงเรื่องทำให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกตำหนินักเขียนหลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาใจร้ายต่อตัวละคร
อีกทั้งยังถ่ายทอดทุกสิ่งจนเราเห็นภาพและรู้สึกตาม ภาษาของเขาพรรณนาจนไม่อาจกลั้นหมู่มวลอารมณ์
หลายครั้งก็พรั่งพรูจนไม่อาจกักเก็บความรู้สึก หลายครั้งก็ซาบซ่านจนแผ่ทั่วร่าง หลายครั้งก็รู้สึกเขิน (ฟิน) จนเผลอยิ้ม
และหลายครั้งก็ดำดิ่งจนมีธารน้ำตาเป็นของตนเอง
ภาษาของเขาไม่เพียงทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว หากแต่แฝงบางสิ่งคล้ายทิ้งกับระเบิด แรกเริ่มที่อ่าน
ต้องยอมรับตามจริงว่าเราหลงไปกับเรื่องราวระหว่างทาง รุธิระบรรยายทุกอย่างที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตา
และอุทิศฉายภาพทุกสิ่งอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยทักษะแห่งการสื่อสาร ความพร่ามัวหายไปเมื่อเสียงของอุทิศดังขึ้น
นั่นเป็นเหตุให้เราหลงเดินโดยไม่ทันระวังตัว เดินสลับวิ่งตามสัมผัสที่รุธิระรู้สึกและตามเสียงที่อุทิศบอกกล่าว
เราเดินทางไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าใต้เท้ามีกับระเบิดชิ้นโตฝังอยู่เรียงราย ครั้งที่หนึ่งระเบิดออกเมื่อกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้น
ครั้งที่สอง สาม สี่ และอื่น ๆ ตามมาเป็นระลอก และครั้งสุดท้ายก็ระเบิดขึ้นเมื่อบทสุดท้ายมาเยือน
เราไม่อาจบอกได้ว่าระเบิดลูกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร บอกได้เพียงระเบิดลูกนั้นยังฝังอยู่ความทรงจำแม้เวลาผ่านมาร่วมหลายปี
หากคุณอ่านจบแล้วย้อนอ่านอีกสักครั้ง คุณจะเห็นเหตุผลของหลายสิ่ง เห็นความเชื่อมโยงของหลายอย่าง ตั้งแต่ชื่อเรื่อง
ชื่อตัวละคร อุปนิสัย การกระทำ และการตัดสินใจ เมื่อคุณเห็น เรากล้ารับประกันว่าคุณจะรักสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น
เพราะอุทิศคืออุทิศ ...
ด้วยที่กล่าวมาทั้งหมด จึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่จวบจนสิ้นแสงแดงดาวติด Longlist ซีไรต์ประจำปี 2564 ซึ่งการันตีได้ว่า
นวนิยายเรื่องนี้ควรค่าแก่การเสพ หากใครชอบเรื่องราวรันทดของตัวละครหลัก ความดราม่าที่ฉาบหนาด้วยความโรแมนติก
และเรื่องราวกัดกินแต่เยียวยาหัวใจ จวบจนสิ้นแสงแดงดาวเป็นอีกตัวเลือกที่ดีที่ควรลิ้มลอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้