"สวัสดีครับผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง"

สวัสดีครับผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง
ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่า"อะไรอยู่หลังพลูโต"ก็แล้วกันนะครับ

เรื่องเกิดเมื่อ 5-6 ปีก่อน
ผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง คนที่รักการดูดาวมากกว่าที่จะเรียกว่าความชอบเสียด้วยซ้ำ มันคือความหลงใหลที่หยั่งรากลึก ผมเก็บเงินมานานหลายเดือนเพื่อซื้อกล้องโทรทรรศน์ดีๆ สักตัว เพื่อที่จะได้เห็นดวงดาวชัดเจนกว่าการแหงนมองด้วยตาเปล่า

และแล้ววันที่ผมได้กล้องมา มันก็คงไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ ผมใช้คืนแรกกับมันอย่างตื่นเต้น ดาวดวงแรกที่ผมเลือกดู คือดาวเสาร์ เพราะมันเป็นดวงโปรดของแฟนผม และกลายเป็นของผมด้วยในเวลาเดียวกัน เราต่างชอบมันด้วยเหตุผลเดียวกัน มันสวยงามและดูเหมือนมีอะไรบางอย่างลึกลับ

หลังจากดูดาวเสาร์อยู่นาน ผมก็เริ่มง่วง “ไว้ดูดาวอื่นๆ พรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ผมพึมพำก่อนจะเข้านอน

คืนที่สอง แฟนผมมาดูด้วย เธอบอกว่าอยากดูดวงจันทร์ด้วยตาตัวเอง "มันจะสวยอย่างที่คิดไหมนะ" เธอพูดก่อนจะก้มลงส่องกล้อง

"สวยสิ แต่สวยกว่าดาวทั้งจักรวาลก็คือเธอแหละ" ผมตอบแบบขำๆ เราหัวเราะกันนิดหน่อย แต่ทันใดนั้น เธอชะงัก... สั่นนิดๆ และหันหน้ากลับมาหาผม

"เธอลืมเปิดที่ปิดเลนส์" เธอพูดเรียบๆ

ผมหัวเราะเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนจะเปิดฝาครอบกล้องออก เราสองคนดูดวงจันทร์ ดาวเสาร์ และดาวเล็กๆ อีกมากมายอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ผมจะเดินไปส่งเธอกลับบ้าน แล้วตัวเองก็กลับมาทบทวนค่ำคืนแสนพิเศษนั้น

ในตอนที่ผมตรวจสอบกล้องก่อนนอน ภาพสุดท้ายที่ปรากฏอยู่ในช่องกล้อง คือดาวพลูโต ผมกลับสังเกตเห็นเงาบางอย่างอยู่ด้านหลังของมัน คล้ายวัตถุประหลาด แต่ผมก็คิดในแง่ดี อาจเป็นแค่อุกกาบาต

คืนนั้น ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตื่นเพราะอะไร แต่เหมือนมีอะไรบางอย่าง “ดึง” ให้ผมกลับไปที่กล้อง ภาพที่ปรากฏคราวนี้ วัตถุนั้นยังอยู่ มันกำลังเคลื่อนที่ โคจรรอบดาวพลูโตอย่างช้าๆ ก่อนจะลับหายไปหลังเงาของดาว

ผมนิ่งไปนาน ก่อนจะถอนหายใจ แล้วกลับไปนอน

คืนที่สาม ด้วยความอยากรู้และสงสัยของผมตัดสินใจตั้งกล้องให้บันทึกวิดีโอแบบ time-lapse ไว้ทั้งคืน

เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุด ผมตื่นมาดูวิดีโอที่อัดไว้เมื่อคืนทันที

ในวิดีโอเผยให้เห็นดาวดวงหนึ่ง ขนาดกลาง รูปร่างแปลกตา พื้นผิวของมันคล้ายใบหน้าหลายพันหลายหมื่นหน้า บิดเบี้ยว กรีดร้อง และเคลื่อนไหว ราวกับมันเจ็บปวด ก่อนที่ภาพจะดับวูบมืดสนิทกะทันหัน

ผ่านไปได้สักพักภาพก็กลับมาปกติ แต่ดาวนั้นค่อยๆกลับไปอยู่ด้านหลังพลูโตอย่างสงบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในวันเดียวกันคืนที่สี่ ผมตัดสินใจว่าจะเฝ้ารอดูมันด้วยตาตัวเอง

ผมนั่งเฝ้ากล้องทั้งคืน รอ รอจนดาวดวงนั้นเริ่มเคลื่อนตัวออกมาจากเงาของพลูโต มันค่อยๆ โผล่มาให้เห็นทีละนิด ผมต้านทานความง่วงด้วยกาแฟเข้มๆ และความอยากรู้ล้วนๆ

เมื่อดาวทั้งดวงปรากฏให้เห็นชัด ๆ อีกครั้ง ใบหน้าทั้งหมดบนผิวของมัน กำลังกรีดร้อง สั่นไหว และที่น่ากลัวที่สุด พวกมันหันมามองที่ผม เหมือนพวกมันรู้ว่าผมกำลังจ้องมันอยู่

ผมสะดุ้งสุดตัว หันกล้องหนีออกไปทันที
ผมรู้ตัวทันทีว่าผมไม่ควรทำอะไรแบบนี้เลย

แต่ความกลัวก็ปนกับความสงสัย ผมค่อยๆ ลากกล้องกลับไปที่ตำแหน่งเดิม มองมันอีกครั้ง

ผมรู้สึกเหมือนมันจะใหญ่ขึ้นนิดหน่อย หรืออาจจะเป็นแค่ความคิดของผมเองก็ได้

ด้วยความอยากรู้ผมจึงเฝ้ามองมันทุกคืน

นั้นทำให้ผมรู้ว่า
"มันไม่ได้ใหญ่ขึ้น มันเข้าใกล้เรามากขึ้นต่างหาก"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่