การเปลี่ยนผ่าน “สิทธิจาก 6 เป็น 15 ปี” ท่ามกลางยุคมืดทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไทย
ภาพรวมสถานการณ์ (2534–2540): ความมืดมนของระบบ
รัฐประหาร 2534 ส่งผลให้เกิด รัฐธรรมนูญ 2534 ซึ่งรับรอง สิทธิการศึกษาเพียง 6 ปี เท่านั้น
พฤษภาทมิฬ 2535 กลายเป็นโศกนาฏกรรมการเมือง แต่ยัง ไม่ก่อเกิดรัฐธรรมนูญประชาชน
ระหว่างปี 2535–2539 ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง มีการ เลือกตั้งถึง 4 ครั้ง
จนกระทั่งปี 2540 ประเทศไทยต้องเผชิญกับ วิกฤตเศรษฐกิจแห่งเอเชีย อย่างรุนแรง
การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ. 2538: จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง
แม้จะอยู่ในยุควิกฤต แต่ปี 2538 ได้เกิด การอภิวัฒน์การศึกษา ภายใต้การนสุขคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ที่เปลี่ยนวิธีคิดด้านนโยบายจาก “ช่วยบางคน” สู่ “สร้างระบบให้ทุกคน”
ผลงานเชิงประจักษ์:
ปรับปรุงโรงเรียน 29,845 โรง
ก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ 38,112 หลัง
อาคารอเนกประสงค์ 12,227 หลัง
ห้องน้ำสุขลักษณะ 11,257 หลัง
การเข้าถึงของประชาชน:
อายุ 3–17 ปี 12.33 ล้านคน อยู่ในระบบการศึกษา
รับเพิ่มจากครอบครัวยากจนอีก 4.35 ล้านคน (3-17ปี)
รวมเด็กในระบบการศึกษาอย่างเท่าเทียมทั่วประเทศถึง 16.68 ล้านคน
เด็กเหล่านี้ได้รับ การศึกษาฟรีจริง ทั้ง:
ค่าธรรมเนียมเรียน
อาหารกลางวัน
รถโรงเรียนหรือค่าเดินทาง
อุปกรณ์การเรียน ครบถ้วน
นี่คือครั้งแรกที่ ระบบบริการการศึกษาของไทยกลายเป็นสวัสดิการสาธารณะจริงจัง ทั่วถึง เสมอภาค และไม่เลือกปฏิบัติ
พลังผู้ปกครอง - ชัยชนะของประชาชน = รัฐธรรมนูญ 2540
ความสำเร็จเชิงโครงสร้างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจาก ผู้ปกครองทั่วประเทศ ที่ได้รับผลโดยตรงจากการอภิวัฒน์การศึกษา พวกเขาคือ พลังประชาชนผู้ผลักดันรัฐธรรมนูญ 2540
มาตรา 43: สิทธิการศึกษา ไม่น้อยกว่า 12 ปี ฟรี
มาตรา 80: สิทธิใน การดูแลเด็กปฐมวัย 3 ปี
รับรองสิทธิเรียนฟรี รวม 15 ปี อย่างเสมอภาค เท่าเทียม
รัฐธรรมนูญ 2540 จึงไม่ใช่ผลพวงของพฤษภาทมิฬ 2535
แต่คือผลผลิตของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางสังคม โดยสันติวิธี
บทเรียนสำคัญ: ต้องพูดความจริง
หากเรายัง บิดเบือนต้นกำเนิดของสิทธิและรัฐธรรมนูญ 2540
เราอาจเผชิญ เหตุการณ์เศร้าเช่นปี 2553 อีกครั้ง
คนไทยอาจต้อง ตายฟรี โดยไม่เกิดรัฐธรรมนูญประชาชน
และสิทธิเสมอภาคทางการศึกษาก็อาจถูกลบเลือน
จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้อง พูดความจริงทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมีรากฐาน
สิทธิการศึกษาเปลี่ยนจาก 6 ปี เป็น 15 ปี ได้อย่างไร?
ภาพรวมสถานการณ์ (2534–2540): ความมืดมนของระบบ
รัฐประหาร 2534 ส่งผลให้เกิด รัฐธรรมนูญ 2534 ซึ่งรับรอง สิทธิการศึกษาเพียง 6 ปี เท่านั้น
พฤษภาทมิฬ 2535 กลายเป็นโศกนาฏกรรมการเมือง แต่ยัง ไม่ก่อเกิดรัฐธรรมนูญประชาชน
ระหว่างปี 2535–2539 ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง มีการ เลือกตั้งถึง 4 ครั้ง
จนกระทั่งปี 2540 ประเทศไทยต้องเผชิญกับ วิกฤตเศรษฐกิจแห่งเอเชีย อย่างรุนแรง
การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ. 2538: จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง
แม้จะอยู่ในยุควิกฤต แต่ปี 2538 ได้เกิด การอภิวัฒน์การศึกษา ภายใต้การนสุขคุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ที่เปลี่ยนวิธีคิดด้านนโยบายจาก “ช่วยบางคน” สู่ “สร้างระบบให้ทุกคน”
ผลงานเชิงประจักษ์:
ปรับปรุงโรงเรียน 29,845 โรง
ก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ 38,112 หลัง
อาคารอเนกประสงค์ 12,227 หลัง
ห้องน้ำสุขลักษณะ 11,257 หลัง
การเข้าถึงของประชาชน:
อายุ 3–17 ปี 12.33 ล้านคน อยู่ในระบบการศึกษา
รับเพิ่มจากครอบครัวยากจนอีก 4.35 ล้านคน (3-17ปี)
รวมเด็กในระบบการศึกษาอย่างเท่าเทียมทั่วประเทศถึง 16.68 ล้านคน
เด็กเหล่านี้ได้รับ การศึกษาฟรีจริง ทั้ง:
ค่าธรรมเนียมเรียน
อาหารกลางวัน
รถโรงเรียนหรือค่าเดินทาง
อุปกรณ์การเรียน ครบถ้วน
นี่คือครั้งแรกที่ ระบบบริการการศึกษาของไทยกลายเป็นสวัสดิการสาธารณะจริงจัง ทั่วถึง เสมอภาค และไม่เลือกปฏิบัติ
พลังผู้ปกครอง - ชัยชนะของประชาชน = รัฐธรรมนูญ 2540
ความสำเร็จเชิงโครงสร้างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่เป็นผลจาก ผู้ปกครองทั่วประเทศ ที่ได้รับผลโดยตรงจากการอภิวัฒน์การศึกษา พวกเขาคือ พลังประชาชนผู้ผลักดันรัฐธรรมนูญ 2540
มาตรา 43: สิทธิการศึกษา ไม่น้อยกว่า 12 ปี ฟรี
มาตรา 80: สิทธิใน การดูแลเด็กปฐมวัย 3 ปี
รับรองสิทธิเรียนฟรี รวม 15 ปี อย่างเสมอภาค เท่าเทียม
รัฐธรรมนูญ 2540 จึงไม่ใช่ผลพวงของพฤษภาทมิฬ 2535
แต่คือผลผลิตของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางสังคม โดยสันติวิธี
บทเรียนสำคัญ: ต้องพูดความจริง
หากเรายัง บิดเบือนต้นกำเนิดของสิทธิและรัฐธรรมนูญ 2540
เราอาจเผชิญ เหตุการณ์เศร้าเช่นปี 2553 อีกครั้ง
คนไทยอาจต้อง ตายฟรี โดยไม่เกิดรัฐธรรมนูญประชาชน
และสิทธิเสมอภาคทางการศึกษาก็อาจถูกลบเลือน
จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้อง พูดความจริงทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมีรากฐาน