ใครเสียดาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ บ้าง

ก่อนเลือกตั้งปี 62 แกร้อนแรงเลย หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ในสมัยนั้น จากการวิธีดีเบตเสนอนโยบายเรื่องเศรษฐกิจและเผยประวัติการทำงานส่วนตัว โดยวิธีที่มิ่งขวัญแถลงนโยบายเป็นข้อๆแบบ ข้อที่1..... ข้อที่2.... ข้อที่3...... ว่าผมจะสามารถลดราคาค่าครองชีพต่างๆได้โดยไม่ต้องเพิ่มหนี้อะไรเลย วิธีเพิ่มเงินให้กับประเทศ และชี้ให้เห็นถึงคอรัปชั่นทางเศรษฐกิจอย่างมีหลักมีการ และประวัติการทำงานที่น่าประทับใจที่โตโยต้า เริ่มจากพนักงานฝ่ายขายและทำผลงานดีจนเลื่อนขั้นไปเรื่อยๆเป็นถึงขั้น ผู้อำนวยการและเลขานุการมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ซึ่งยากมากๆที่ทำได้ขนาดนี้

ทำให้คนหลายคนสนใจ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คนนี้เอามากๆ แต่คนก็ตั้งคำถามว่าจะสามารถร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐที่มีประยุทธเป็นแคนดิเดตและพรรคสืบทอดอำนาจอื่นๆได้ไหม ลุงแกก็ต้องซ้ำๆในหลายรายการว่าไม่แน่นอน เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน จะเข้าร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย นั่นทำให้ลุงมิ่งกลายเป็นขวัญใจประชาชนที่เชื่อในประชาธิปไตย โดนใจหลายๆคนและยอมโหวตให้กับ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคการเมืองใหม่ที่ฟังดูเน้นปากท้องเป็นหลัก

เลือกตั้ง62เสร็จ พรรคเศรษฐกิจได้ 6 ที่นั่ง

หลังเลือกตั้งปี 62 พรรคพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็มีแต่เรื่องวุ่ยวาย เละเทะ

27 มี.ค. 2562 ในวันที่แถลงจัดตั้งรัฐบาลที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ลุงมิ่งไม่มาแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ทำให้เกิดขอสงสัยให้กับหลายคนว่าลุงมิ่งหายไปไหน ทำไมไม่มางานแถลงที่สำคัญขนาดนี้ ติดธุระอื่น หรือจะเป็นงูเห่า แล้วเกิดข่าวลือสะพัดว่าสมคิด จาตุศรีพิทักษ์กำลังเจรจาร่วมรัฐบาลกับมิ่งขวัญ ทำให้เกิด #ลุงมิ่งโป๊ะแตก ขึ้นเทรนอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ แต่ลุงมิ่งขวัญประกาศอีกครั้งว่า

"เราเป็นคนรักษาคำพูดกันทั้งพรรค ไม่ใช่ผมคนเดียว คำไหนคำนั้น"

ส่วนพรรคเศรษฐกิจประกาศผ่านทางเฟสบุ๊คย้ำจุดยืนอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าจะทำงานร่วมกับฝั่งประชาธิปไตย





3 ก.พ. 2563 มิ่งขวัญ ประกาศแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจใหม่

17 ก.พ. 2565 ลุงมิ่งได้อภิปรายไม่ไว้างใจตอนหนึ่งว่าในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทำให้เกิดนวัตกรรมศัพท์ขึ้นมาใหม่ 2 คำคำแรกคือคำว่า "งูเห่า" คำที่สองคือคำว่า "ลิงกินกล้วย"

"ผมบอกเลยว่าถ้าผมจะพูดเป็นภาษาชาวบ้านผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมพึ่งเข้าใจแสลงนี้ชัดเจนวันนี้สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ก็คือ ผมขออภิปรายและไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าท่านไปทำอะไรหรือให้ใครไปทำอะไรทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงเปลี่ยนจุดยืนผมขอบอกไว้เลยว่าสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนผมไม่สามารถทรยศได้ 2 ปีเศษผมไม่มีความสุขกับการทำงาน”

และลุงมิ่งประกาศ ลาออกจาก ส.ส. กลางสภา พร้อมจะพิสูจน์ว่าแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็แก้ไขปัญหาความเลื่อมล้ำได้ ขอให้พี่น้องทุกคนเตรียมตัวกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้

ก่อนออกจากสภาอย่างเท่ๆ

9 มิ.ย. 2565 ลุงมิ่งร่วมงานกับ ดำรงค์ พิเดชไปตั้งพรรคใหม่ชื่อ พรรคโอกาสไทย ชูตัวเองเป็นนายก อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอย่างรุนแรง

แต่เพียงแค่ 2 เดือน ลุงมิ่งก็ออกจากพรรคโอกาสไทย

และแล้วสิ่งที่ทุกคนต้องผิดหวังก็เกิดขึ้น

6 ธ.ค. 2565 มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เปิดตัวแถลงเข้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับ ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งข้างๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยกล่าวว่าไม่มีทางร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้คนขุดคำพูดคำสัญญาในอดีตว่าจะรักษาคำพูดและประโยคเด็ด "งูเห่า-ลิงกินกล้วย" จากปาก "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ที่เคยพูดกลางสภาในวันที่ 17 ก.พ. 2565 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง ว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง

ทรยศ
หักหลัง
หมดราคา
หมดศรัทธา

เลือกตั้งปี 66 ลุงมิ่งไม่ได้เข้าสภา และพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ได้เก้าอี้ในสภาเลยเลยแม้แต่ตัวเดียว

และมิ่งขวัญก็หายจากไปจากการเมืองและหน้าสื่อ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คนเก่งและฉลาดอย่างมิ่งขวัญที่ต้องจบอยู่แบบนี้ กับการเล่นการเมืองแบบเก่าๆที่ไม่ได้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ต่อให้เก่งหรือฉลาดแค่ไหน แต่ถ้าหากยังปลิ้นปล้อน พลิกลิ้น ไม่รักษาคำพูด ไม่รักษาจุดยืน ไม่คิดถึงประชาชนจริงๆ คิดจะเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวส่วนพรรคพวก คนก็จะไม่รักไม่ศรัทธา ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ถูกทิ้งได้เช่นกัน