ไอศกรีมเป็นของหวานที่มีจุดเด่นอยู่ที่มีความเย็น ทำให้ผู้รับประทานเพลิดเพลินไปกับรสชาติอันหวานละมุน พร้อมกับความเย็นสดชื่นภายในปาก แต่ถ้าพูดถึงไอศกรีมที่มีรสชาติไม่ชวนเพลิดเพลินเท่าไหร่นัก รสชาติที่ถูกนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ต้องมีรส “ช็อกโกแลตมินต์” และ “รัมเรซิน” อยู่อย่างแน่นอน ถ้าเปรียบกับเกมก็คงเรียกได้ว่าเป็นรสชาติไอศกรีมโหมด “Very Hard”
จากการสืบค้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เหตุผลหลัก ๆ ของคนที่ไม่ชอบช็อกโกแลตมินต์ให้เหตุผลว่า “คล้ายกับกินยาสีฟัน” หรือ “รสชาติไม่เข้ากัน” ส่วนคนที่ไม่ชอบรัมเรซินให้เหตุผลว่า “กลิ่นคล้ายพลาสติก หรือ กาวตราช้าง” แล้วใครเป็นคนเริ่มกินไอศกรีมรสยาสีฟัน หรือไอศกรีมรสพลาสติก และกาวตราช้าง?
.
ช็อกโกแลตมินต์ (Chocolate Mint) : เดิมทีช็อกโกแลตเป็นเครื่องดื่มร้อนที่ทำจากการหมัก คั่ว และบดเมล็ดโกโก้จนละเอียด โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอเมริกาใต้ แต่แล้วเมื่อราวศตวรรษที่ 15-16 ชาวยุโรปเริ่มล่าอาณานิคมในดินแดนฝั่งละตินอเมริกา ทำให้เครื่องดื่มร้อนรสขมนี้ถูกนำเข้ามายังยุโรป และกลายเป็นที่รู้จักของชาวยุโรปไปทั่ว แต่ด้วยรสชาติเข้มข้น ขมไม่คุ้นลิ้น ชาวยุโรปจึงเริ่ม “ปรุงช็อกโกแลต” ด้วยน้ำตาล สมุนไพร และเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น อบเชย จันทน์เทศ และมินต์ จึงเป็นต้นกำเนิดของรสชาติ ช็อกโกแลตมินต์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
อีกไม่กี่ร้อยปีต่อมาในปีค.ศ.1973 ช็อกโกแลตมินต์ ก็ได้สร้างตำนานบทใหม่ขึ้น เมื่อทางการอังกฤษได้จัดให้มีการประกวดแข่งขันเมนูของหวานที่จะใช้เสิร์ฟแขกในพิธีแต่งงานของ เจ้าหญิงแอนน์ (Princess Elizabeth Alice Louise) และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ (Captain Mark Phillips) โดยของหวานที่ชนะการประกวดจะต้องใช้เสิร์ฟแขกกว่า 2,000 คน! มาริลีน ริกเก็ตต์ (Marilyn Ricketts) นักเรียนโรงเรียนทำอาหารจากอังกฤษ ได้ส่งเมนู “ไอศกรีมมินต์ช็อกโกแลตชิป” เข้าประกวด โดยตั้งชื่อเมนูว่า “มินต์รอยัล” (Mint Royal) และได้รับรางวัลชนะเลิศ ทำให้ไอศกรีมรสช็อกโกแลตและมินต์เริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
รัมเรซิน(Rum Raisin) : เกิดจากการแช่ลูกเกด (Raisin) ไว้ในเหล้ารัม (Rum) ทำให้เกิดกลิ่นผสมผสานเฉพาะตัว มีต้นกำเนิดมาจากชาวซิซิลี ประเทศอิตาลี ได้นำ “ลูกเกดมาลากา” (Málaga raisins) ลูกเกดชั้นเลิศราคาสูง จากเมืองมาลากา ประเทศสเปน มาแช่ในไวน์มาร์ซาลา (Marsala wine) ไวน์ท้องถิ่นของซิซิลี ลูกเกดมาลากาที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำตาลสูง ดูดซึมความชุ่มฉ่ำและกลิ่นรสของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ทำให้เป็นวัตถุดิบสุดล้ำค่าในยุคนั้น ซึ่งต่อมาเมื่อมีการผลิตเหล้ารัมมากขึ้น ชาวเมืองจึงเปลี่ยนไปแช่ลูกเกดในเหล้ารัมแทน
.
ชาวซิซิลียังไม่จบแค่นั้น จับเจ้าลูกเกดมาลากาอิ่มเหล้าไปผสมกับเจลาโตวานิลลา กลายเป็น "Málaga gelato" เรียกตามเมืองมาลากา ที่มาของลูกเกดที่เป็นวัตถุดิบหลัก ด้วยรสชาติและกลิ่นอันเฉพาะตัวทำให้ "Málaga gelato" เป็นที่นิยมไปทั่วยุโรป และเมื่อลูกเกดมาลากามีราคาสูง ก็เริ่มปรับใช้เป็นลูกเกดทั่วไป จนกลายมาเป็นลูกเกดแช่เหล้ารัม (Rum Raisin) ในที่สุด ช่วงปีค.ศ.1980 ฮาเก้น-ดาส (Häagen-Dazs) ได้ผลิตไอศกรีมรสรัมเรซินขึ้นมาในระดับอุตสาหกรรมเป็นเจ้าแรกจนเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก
.
สรุปแล้ว “ไอศกรีมช็อกโกแลตมินต์” ที่เหมือนยาสีฟัน เกิดขึ้นในวัง ส่วน “ไอศกรีมรัมเรซิน” ที่เหมือนพลาสติกและกาวตราช้าง เกิดขึ้นจากลูกเกดสเปนชั้นเลิศ ผู้เขียนสามารถกินได้ทั้งสองรสชาติแบบไม่ชอบไม่เกลียด (ถึงจะรู้สึกแปลกใหม่ทุกครั้งที่ได้กินก็ตาม) จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าที่จริงแล้วรสชาติทั้งสองนี้มันแย่หรือดีกันแน่ ถือว่าเป็นเมนูที่ “ลิ้นใครลิ้นมัน” จริง ๆ
.
แล้วเพื่อน ๆ มีประสบการณ์กับไอศกรีมสองรสนี้แบบไหนกันบ้าง ลองคอมเมนต์กันมาได้เลย!
.
(ปล. ต่อจากนี้หากจะพูดว่า “ช็อกมินต์รสเหมือนยาสีฟัน” ก็คงรู้สึกแปลก ๆ เพราะหากไล่ดูตามลำดับหลักฐานแล้ว การผสมมินต์ลงในยาสีฟันครั้งแรกเกิดขึ้นในปีค.ศ.1870 หลังจากการผสมมินต์ลงในช็อกโกแลตราว ๆ 300 ปี ต้องพูดว่า “ยาสีฟันมาทำกลิ่นเหมือนช็อกมินต์ทำไม ? ” ต่างหากล่ะ!)
ที่มา : Wongnai Cooking
ช็อกมินต์ รัมเรซิ่น อร่อยกี่โมง :ทำไมคนชอบเป็นร้อย แต่เกลียดเป็นล้าน