JJNY : 5in1 ณัฐพงษ์ ท้าถ้ามั่นใจ│เท้งแนะส่งคนคุย│ธีรัจชัยบี้ผู้ว่าสตง.│สส.วรรณิดาโพสต์ถึงกฤษฎิ์│‘ทรัมป์’พบหารือปธน.ซีเรี

ณัฐพงษ์ ท้า‘ธรรมนัส’ถ้ามั่นใจ เปิดชื่อสส.งูเห่ามาเลย ยื่นกกต.ตีความหนังสือ‘กฤษฎิ์’
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9758811
.

.
ณัฐพงษ์ ท้า ‘ธรรมนัส’ ถ้ามั่นใจ เปิดชื่อสส.ไหลเข้าพรรค ถามกลับใช้วิธีดูดแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ รับคลิปเสียงหลุด เป็นของจริง ไม่รู้คนปล่อย มีเจตนาอะไร จ่อยื่นกกต.ตีความหนังสือยุติบทบาท
.
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2568 ที่จ.ขอนแก่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงคลิปเสียงระหว่างตนเอง และน.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ว่า เป็นบทสนทนาของตนและน.ส.กฤษฎิ์จริง ซึ่งไม่ทราบว่า ใครแอบอัด และคงตอบแทนน.ส.กฤษฎิ์ไม่ได้
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังทราบข่าว ไม่ได้กังวลใจใดๆ เพราะตนรู้ตัวอยู่เสมอว่าพูดคุยอะไรบ้าง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้พูดคุยกันไป ไม่มีอะไรขัดต่อหลักการของพรรค และเชื่อมั่นว่าเป็นการเข้าไปพูดคุย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด
.
ส่วนเจตนาคนที่ปล่อยคลิปเสียง ทำเพื่อหวังผลอะไรนั้น หากดูในเนื้อหาของคลิป เชื่อว่าตน และพรรคไม่ได้เสียหายใดๆ จึงไม่แน่ใจว่า คนปล่อยคลิปทำไปเพื่ออะไร
.
แต่สิ่งที่ตนอยากตั้งคำถามมากกว่า นอกจากตัวของน.ส.กฤษฎิ์และทีมงานที่ปล่อยออกมา คือ พรรคกล้าธรรม และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ว่า การที่จะได้ สส. เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ด้วยวิธีการดูด สส.พรรคอื่นเข้าไป เป็นวิธีที่สวยงามถูกต้องหรือไม่ หรือต้องใช้วิธีนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เขาต้องการจำนวน สส.ไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีมากขึ้นหรือไม่
.
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้รับฟังข้อมูลครบทุกด้าน ซึ่งตน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และนายสหัสวัส คุ้มคง สส.ชลบุรี ได้พูดไปหมดแล้ว จึงเชื่อว่า สิ่งที่น.ส.กฤษฎิ์ ออกมาแถลงข่าว เอาประโยชน์ตัวเองเป็นตัวตั้ง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้เอาประโยชน์ของประชาชนหรือการดำเนินการของพรรคเป็นตัวตั้ง ดังนั้น เชื่อว่าทั้งกระบวนการก่อนหน้านี้ หรือกรณีคลิปเสียง ก็ไม่น่าจะเป็นไปตามที่เขาบอก
.
ส่วนที่น.ส.กฤษฎิ์ หารือในสภาฯ เพื่อขอเข้าเฝ้ารับเสด็จ แต่พรรคไม่มองว่าเป็นความผิด เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อภาพลักษณ์ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เราไม่ได้มองว่าเป็นอะไรที่ขัดกับพรรคอยู่แล้ว แต่มองว่าการนำเสนอนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้สถาบันมั่นคงสถาพร เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมสมัยใหม่ได้ เป็นสิ่งที่เราคิดถึงมาตลอด
.
ส่วนกรณีของน.ส.กฤษฎิ์ ไม่ใช่ความผิด รวมถึงเราไม่เคยดำเนินการตามความผิดวินัยของพรรคด ส่วนที่บอกว่า เป็นฟางเส้นสุดท้าย อาจเป็นสิ่งที่เขารู้สึกไปเอง ย้ำว่า สิ่งที่เขาหารือในสภาฯ ไม่ได้เป็นการหารือเรื่องของตัวเอง เพราะไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชน
.
ส่วนอยากฝากอะไรไปถึงร.อ.ธรรมนัสหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สิ่งที่อยากได้ สส.เพิ่มเข้ามาใหม่ในพรรคกล้าธรรม โดยใช้วิธีดูด สส.เพิ่มเข้าไปแบบนี้ เป็นวิธีที่เหมาะสมหรือไม่ และทำไปด้วยเหตุผลอะไร
.
ส่วนที่ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม เตรียมยื่นร้องจริยธรรมต่อนายยอดชาย พึ่งพร สส.ชลบุรี พรรคประชาชน กรณีเปิดเผยเคยถูกเสนอเงิน 55 ล้านบาท ซื้อตัวเป็นงูเห่าให้กับพรรคหนึ่ง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อในบริสุทธิ์ใจของนายยอดชาย และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง หากจะมีการดำเนินการใดๆ ก็เชื่อว่านายยอดชายจะเข้าไปชี้แจง
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงพรรคประชาชนจะยื่นให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตีความหนังสือขอยุติบทบาทกับพรรคประชาชนของน.ส.กฤษฎิ์ว่า ขณะนี้ให้ทีมกฎหมายเตรียมร่างหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว สำหรับขั้นตอนต่อไป ต้องรอ กกต.ตอบ หากตีความว่า ไม่ได้เป็นหนังสือลาออก จะยื่นร้องต่อหน่วยงานอื่นต่อไป
.
เมื่อถามถึงน.ส.กฤษฎิ์ ระบุ หากพรรคประชาชนไม่ขับออก ก็จะไปนั่งกับพรรคกล้าธรรม และโหวตสวนมติพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ ระบุว่า หากดำเนินการแบบนั้น เราคงไปห้ามอะไรเขาไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคเราจะตัดสิทธิ์พึงมีทุกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องกระบวนการทางด้านกฎหมายด้วย แต่ในการปฏิบัติ เราปฏิบัติเช่นนี้
.
จึงขอรอการตีความจาก กกต.ก่อนว่า ความเป็นสมาชิกภาพ สส.เขาสิ้นสุดหรือไม่ เพราะหากพรรคดำเนินการใดๆ อาจจะทำให้มองได้ว่า พรรคยังคิดว่าเขายังไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพ สส.หรือไม่ ย้ำว่า คงต้องรอการตีความจาก กกต.ก่อน
.
เมื่อถามถึงร.อ.ธรรมนัส ระบุ จะมี สส.จากพรรคประชาชนย้ายเข้าไปอีก นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากพรรคกล้าธรรมมั่นใจในข้อมูลตัวเอง ก็อยากให้เปิดชื่อออกมา ซึ่งทุกคนที่อยู่ในรายชื่อนั้น คงออกมาชี้แจง ตนอยากให้เกิดการบลัฟกันไปมา โยนกันไปมา ถ้ามั่นใจในข้อมูลตัวเองจริงๆ ก็เปิดชื่อออกมาได้เลย
.
เมื่อถามว่า อาจมีบิ๊กเนมของพรรคไทยสร้างไทยด้วย จะกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้รับผลกระทบอะไรเยอะ ในการทำงาน หรือในการผลักดันประเด็นร่วมกัน แต่ในส่วนของพรรคไทยสร้างไทย ตนคงตอบแทนเขาไม่ได้
.
เมื่อถามว่าการแสดงออกของน.ส.กฤษฎิ์ คืองูเห่า หรือความเห็นต่างในการทำหน้าที่ สส. นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พฤติกรรมหนึ่งของน.ส.กฤษฎิ์ ไม่ว่าจะแอบอัดคลิปตน โดยที่ตนไม่รู้ตัว หรือการพยายามยืนยันและกำหนดวันแถลงข่าวที่ผ่านมา เป็นเหตุที่เราเชื่อได้ว่า ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันมาแล้วกับพรรคกล้าธรรม หากย้อนดูจากการให้ข่าวของพรรคกล้าธรรม ก็ให้ข่าวแบบนี้ล่วงหน้า
.
“ฉะนั้น หากคุณมีปัญหา ไม่อยากไปต่อแนวทางอุดมการณ์พรรค คุณก็เข้ามาคุยกับพวกเรา แต่พฤติกรรมที่ผ่านมา เมื่อผมพยายามเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจให้มากที่สุด แต่สุดท้ายเหตุผลของเขาฟังไม่ขึ้น เราเชื่อว่าเขาตกลงอะไรกับพรรคอื่นไปแล้ว ก่อนจะย้ายพรรคล่วงหน้า ซึ่งขัดต่อวินัยพรรค และแนวทางการทำงานของพรรคอย่างชัดเจน และขัดต่ออุดมการณ์ของพรรค ที่ต้องอาสาเข้ามารับใช้ประชาชน โดยไม่ยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้ง” นายณัฐพงษ์กล่าว
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคดีขึ้น และรัดกุมมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า กระบวนการคัดสรรใดๆ ก็ตาม ไม่สามารถคัดได้ 100% เพราะเรื่องที่ยากที่สุด คือใจของคน วันนี้อาจจะอยู่กับเรา แต่ในอนาคตเปลี่ยนใจได้ตลอด และเป็นโจทย์ที่พรรคต้องมาออกแบบกระบวนการ
.
ไม่ใช่แค่การรับสมัคร แต่รวมถึงการทำงาน สส.ต่อไปในอนาคต รวมถึงให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ตรวจสอบการทำงานของ สส.ด้วยเช่นเดียวกัน ตลอดจนการเปิดเว็บไซต์ของเรา เพื่อสะท้อนว่า สส.ของเราทำงานดี งานหนักอย่างไรบ้าง และสะท้อนภาพการทำงาน
.

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ระบุว่าไทยมีข้อเสนอในการเจรจากับสหรัฐ ที่ดีว่า ดูเป็นสัญญาณที่ดี และเป็นข้อเสนอที่เราที่เห็นในทิศทางที่ยิ่งใหญ่ด้วย สิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลคือ ความรวดเร็วในการเดินหน้าเจรจาเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเดินหน้าเจรจาช้าจะทำให้เรามีไพ่ต่อรองน้อยถอยลง

.

ส่วนข้อเสนอความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูป โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องจับวงพูดคุยกับผู้ประกอบการทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทั้งผู้แปรรูปอาหารสัตว์ และเกษตรผู้ปลูกข้าวโพด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้รัฐบาลจะสามารถสร้างข้อตกลงในการเจรจาได้

.

ส่วนการเร่งกำหนดวันในการเจรจา หากดูตัวอย่างการเจรจาในต่างประเทศ ไม่มีการกำหนดวันตายตัว มีการกำหนดระยะเวลาไว้กว้าง ๆ เพื่อความยืดหยุ่นในการเจรจา ซึ่งตนเองไม่ได้มองว่าควรกำหนดวันที่แน่ชัด แต่สิ่งที่ควรส่งสัญญาณคือ เร่งการเจรจาให้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ต่อประเทศไทยให้ได้มากที่สุด และมีโอกาสในการเจรจาสำเร็จมากที่สุด

.

เมื่อถามถึงกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าเสียดายที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปพูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยตนเอง สะท้อนถึงบทบาทของนายกฯ อย่างไรบ้างนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าบทบาทการเจรจามีทั้งที่เวทีที่เป็นทางการและไม่ทางการ สำหรับการเจรจานอกรอบจะใช้บุคลากรในประเทศส่วนใดก็ได้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เชื่อว่าประชาชนคนไทยคงยินดี แต่ผู้นำประเทศที่มีตำแหน่งสูงสุด ความรับผิดรับชอบทุกอย่างอยู่ที่ตัวนายกฯ หากนายทักษิณไปเจรจาเองไม่ได้ นายกฯ ก็ควรนำคนอื่นไปเจรจา

เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ว่า จากการที่เชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบตึก คือ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และ นายพิมล เจริญยิ่ง ผู้รับรองแบบอาคารสตง.ที่มีอายุ 85 ปี และวิศวกรผู้ควบคุมงาน จากที่เป็นข่าวว่านายพิมลไม่รู้เรื่อง แต่วันนี้กลับชี้แจงต่อกมธ.ว่า เป็นผู้ลงนามรับรองแบบ แต่ไม่ได้ออกแบบ ส่วนกรมบัญชีกลางและกรมสรรพากร ชี้แจงกระบวนการการจัดซื้อจัดจ้าง และการเสียภาษี อย่างไรก็ตาม แนวทางการบริหารราชการแผ่นดินในต่างประเทศ หัวหน้าหน่วยงานที่เกิดเหตุต้องรับผิดชอบ ดังนั้น ในประเทศไทยก็ควรจะมีการแสดงความรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง

.

ด้าน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกมธ. กล่าวว่า จากที่ได้เชิญบริษัทผู้ออกแบบ กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร มาให้ข้อเท็จจริง สิ่งที่เห็นชัดคือในกรณีของบริษัทผู้ออกแบบที่มีบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งการเข้าไปทำสัญญาของทั้ง 2 เมื่อทำสัญญาเสร็จแล้ว ซึ่งการประชุมของกมธ.ครั้งที่แล้ว ได้สอบถามผู้ว่าสตง. ที่บอกว่ามีการแก้แบบทั้งหมด 9 ครั้ง ซึ่งตนได้สอบถามผู้ออกแบบ ก็ยอมรับว่ามีการขอแก้ไป 9 ครั้ง แต่ไม่ได้เป็นการแก้แบบ เป็นการแก้ไขข้อขัดข้องในระหว่างที่มีการก่อสร้าง โดยทางผู้บริหารโครงการได้เสนอว่าควรจะมีการแก้ไข และที่เกี่ยวกับโครงสร้างมีทั้งหมด 2 จุด ซึ่งการแก้ไขแบบจะส่งมาให้ทั้ง 2 บริษัท ซึ่งเป็นสัญญาร่วมทุน ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบ ไม่ใช่ต้องรับผิดชอบเหมือนห้างหุ้นส่วนจำกัด เมื่อทำแบบมาก็ให้ความเห็น บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เขาก็ไม่ขัดข้องและทำตามแบบแก้ไขเชิงโครงสร้างปล่องลิฟท์ที่มีขนาดใหญ่ให้เล็กลง และความสูงต่ำลง เมื่อเป็นอย่างนี้ ในการแก้ไขข้อขัดข้องยืนยันว่า ไม่ใช่การแก้ไขแบบ เป็นการทำให้สะเทือนโครงสร้างหรือไม่ แล้วใครมีอำนาจที่จะอนุมัติตรงนี้