เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/daily/detail/9680000043656#
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่น่าเชื่อว่า “สัปปายะสภาสถาน” อาคารรัฐสภาของไทยที่ใช้งบสร้างถึง 2.3 หมื่นล้าน และใหญ่อาคารของรัฐที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองก็แต่เพียง “เดอะเพนตากอน” ของสหรัฐอเมริกา จะถึงรอบซ่อม สร้าง ต่อเติมใหม่ ทั้งที่เพิ่งเปิดใช้งานเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น
แถมโครงการที่ของบเพิ่มใหม่ยังมีส่วนที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อย่างเช่น “
ศาลาแก้ว” หรือ “สระมรกตน้ำเน่า” ที่นับแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภามาทั้งสองส่วนนี้ไม่เวิร์ก ไม่ฟังก์ชั่น
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องน่าเหลือเชื่ออีกคือการตั้งโครงการของบพัฒนา
ห้องฉายหนังระบบ 4D
กับ
ห้องประชุมใหญ่ เรียกว่า
“หะ-รู หะ-หรา” ไม่แพ้ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เพิ่งพังถล่มก็ว่าได้ จนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจของประชาชนผู้เสียภาษีเป็นยิ่งนัก
ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา วิพากษ์วิจารณ์อย่างเจ็บแสบว่า อาคารรัฐสภาเปิดใช้งานมา 4 ปี มีแต่รอยรั่วชำรุด เมื่อฝนมาน้ำจะนองสภา ฝ้าถล่ม สระมรกตน้ำเน่า หนูตาย ป้ายบอกทางไม่มี หมายเลขห้องประชุมสับสน ห้องอาหารเจ้าหน้าที่สภาสุดโทรม ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับจะมาของบเพิ่ม เพื่อจัดทำห้องประชุมสี่มิติมูลค่า 180 ล้าน ปรับปรุงศาลาแก้ว (ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อนเลย) 123 ล้าน, จัดทำพิพิธภัณฑ์ 132 ล้าน พร้อมโครงการพิเศษที่เตรียมของบเพิ่มในอนาคต ได้แก่ จัดทำที่จอดรถเพิ่ม 4,000 ล้าน ปรับปรุงสระมรกต 150 ล้าน
ดังนั้น ถือว่าเป็นภาคสองของการนำเอาภาษีประชาชน มาละเลงกันแบบไม่เห็นหัวประชาชนเลยหรือไม่ หลังภาคแรกเป็นการก่อสร้างตัวอาคารที่เต็มไปไปด้วยปัญหามากมายไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือ เพิ่งรับมอบอาคารเมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 ยังไม่ถึงหนึ่งปี เหตุใดจึงของบปรับปรุงมหาศาลขนาดนี้ ??
“นั่งทำงานในรัฐสภาแห่งนี้มา 10 เดือน พบเห็นความบกพร่องจากการก่อสร้างอาคารนี้มากกว่าสิ่งที่สื่อมวลชนรายงาน แต่เมื่ออาคารยังอยู่ในระยะรับประกันของผู้รับเหมา ก็ต้องให้ผู้รับเหมามารับผิดชอบในการซ่อมแซม และไม่ควรเสนองบประมาณเพิ่มเติมใด ๆ ที่จะเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินอีก เพราะราคาที่ก่อสร้างก็แพงเกินกว่าสถานะของประเทศแล้ว ถ้ายังยืนยันจะเสนองบฟุ้งเฟ้อเหล่านี้ ก็ต้องแฉให้ประชาชนเจ้าของประเทศทราบ”ดร.นันทนากล่าว
ส่วนการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างนั้น
“กลุ่มทุนการเมือง” คือ
บริษัท ชิโน – ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ของตระกูล
“ชาญวีรกูล” ซึ่ง
“เสี่ยหนู” - นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เติบใหญ่อยู่ใต้ร่มเงา เป็นผู้ชนะประมูล มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างเมื่อเดือน เม.ย. 2556 และลงเสาเข็ม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2556 สมัย
“ปู่ชัย” - ชัย ชิดชอบ ผู้เป็นบิดาของ
“ครูใหญ่เน” - เนวิน ชิดชอบ” เป็นประธานรัฐสภา
เอาเฉพาะงบก่อสร้างที่ตั้งไว้เริ่มต้นเพียง 12,280 ล้านบาท บานปลายเท่าตัวทะลุไปถึง 22,987 ล้านบาท ส่วนระยะเวลาก่อสร้างก็ลากยาวถึง 12 ปี
อ่านต่อรายละเอียดข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น
อาคารรัฐสภาของไทย ใช้งบสร้าง 2.3 หมื่นล้าน ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่ต้องซ่อม ต่อเติมใหม่ในแค่ 5 ปีที่เปิดใช้
https://mgronline.com/daily/detail/9680000043656#
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่น่าเชื่อว่า “สัปปายะสภาสถาน” อาคารรัฐสภาของไทยที่ใช้งบสร้างถึง 2.3 หมื่นล้าน และใหญ่อาคารของรัฐที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองก็แต่เพียง “เดอะเพนตากอน” ของสหรัฐอเมริกา จะถึงรอบซ่อม สร้าง ต่อเติมใหม่ ทั้งที่เพิ่งเปิดใช้งานเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น
แถมโครงการที่ของบเพิ่มใหม่ยังมีส่วนที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อย่างเช่น “ศาลาแก้ว” หรือ “สระมรกตน้ำเน่า” ที่นับแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภามาทั้งสองส่วนนี้ไม่เวิร์ก ไม่ฟังก์ชั่น
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องน่าเหลือเชื่ออีกคือการตั้งโครงการของบพัฒนา ห้องฉายหนังระบบ 4D
กับ ห้องประชุมใหญ่ เรียกว่า “หะ-รู หะ-หรา” ไม่แพ้ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เพิ่งพังถล่มก็ว่าได้ จนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจของประชาชนผู้เสียภาษีเป็นยิ่งนัก
ดร.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา วิพากษ์วิจารณ์อย่างเจ็บแสบว่า อาคารรัฐสภาเปิดใช้งานมา 4 ปี มีแต่รอยรั่วชำรุด เมื่อฝนมาน้ำจะนองสภา ฝ้าถล่ม สระมรกตน้ำเน่า หนูตาย ป้ายบอกทางไม่มี หมายเลขห้องประชุมสับสน ห้องอาหารเจ้าหน้าที่สภาสุดโทรม ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับจะมาของบเพิ่ม เพื่อจัดทำห้องประชุมสี่มิติมูลค่า 180 ล้าน ปรับปรุงศาลาแก้ว (ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อนเลย) 123 ล้าน, จัดทำพิพิธภัณฑ์ 132 ล้าน พร้อมโครงการพิเศษที่เตรียมของบเพิ่มในอนาคต ได้แก่ จัดทำที่จอดรถเพิ่ม 4,000 ล้าน ปรับปรุงสระมรกต 150 ล้าน
ดังนั้น ถือว่าเป็นภาคสองของการนำเอาภาษีประชาชน มาละเลงกันแบบไม่เห็นหัวประชาชนเลยหรือไม่ หลังภาคแรกเป็นการก่อสร้างตัวอาคารที่เต็มไปไปด้วยปัญหามากมายไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือ เพิ่งรับมอบอาคารเมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 ยังไม่ถึงหนึ่งปี เหตุใดจึงของบปรับปรุงมหาศาลขนาดนี้ ??
“นั่งทำงานในรัฐสภาแห่งนี้มา 10 เดือน พบเห็นความบกพร่องจากการก่อสร้างอาคารนี้มากกว่าสิ่งที่สื่อมวลชนรายงาน แต่เมื่ออาคารยังอยู่ในระยะรับประกันของผู้รับเหมา ก็ต้องให้ผู้รับเหมามารับผิดชอบในการซ่อมแซม และไม่ควรเสนองบประมาณเพิ่มเติมใด ๆ ที่จะเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินอีก เพราะราคาที่ก่อสร้างก็แพงเกินกว่าสถานะของประเทศแล้ว ถ้ายังยืนยันจะเสนองบฟุ้งเฟ้อเหล่านี้ ก็ต้องแฉให้ประชาชนเจ้าของประเทศทราบ”ดร.นันทนากล่าว
ส่วนการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างนั้น “กลุ่มทุนการเมือง” คือ บริษัท ชิโน – ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ของตระกูล “ชาญวีรกูล” ซึ่ง “เสี่ยหนู” - นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เติบใหญ่อยู่ใต้ร่มเงา เป็นผู้ชนะประมูล มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างเมื่อเดือน เม.ย. 2556 และลงเสาเข็ม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2556 สมัย “ปู่ชัย” - ชัย ชิดชอบ ผู้เป็นบิดาของ “ครูใหญ่เน” - เนวิน ชิดชอบ” เป็นประธานรัฐสภา
เอาเฉพาะงบก่อสร้างที่ตั้งไว้เริ่มต้นเพียง 12,280 ล้านบาท บานปลายเท่าตัวทะลุไปถึง 22,987 ล้านบาท ส่วนระยะเวลาก่อสร้างก็ลากยาวถึง 12 ปี
อ่านต่อรายละเอียดข่าวต้นฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น