The Irishman: มหากาพย์อาชญากรรม อำนาจ และความร่วงโรยฉบับ มาร์ติน สกอร์เซซี



เรื่องย่อ
"The Irishman" คือภาพยนตร์มหากาพย์แนวอาชญากรรมในปี 2019 ของผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี สร้างจากหนังสือ "I Heard You Paint Houses" โดย Charles Brandt ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของ แฟรงค์ ชีแรน (Robert De Niro) ทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สองที่ผันตัวมาเป็นมือปืนให้กับแก๊งมาเฟียในรัฐเพนซิลเวเนีย ภายใต้การนำของ รัสเซลล์ บูฟาลิโน (Joe Pesci) ผู้มีอิทธิพล ชีวิตของแฟรงค์พัวพันกับโลกใต้ดินนานหลายทศวรรษ และเขายังเข้าไปเป็นคนสนิทและคนคุ้มกันของ จิมมี่ ฮอฟฟา (Al Pacino) หัวหน้าสหภาพแรงงาน Teamsters ที่ทรงอำนาจ
ภาพยนตร์เล่าเรื่องผ่านมุมมองของแฟรงค์ในวัยชรา โดยย้อนอดีตกลับไปสู่ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเขา ตั้งแต่การเข้าสู่วงการอาชญากรรม ความสัมพันธ์กับบูฟาลิโนและฮอฟฟา เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิตและความสัมพันธ์ของเขากับคนรอบข้าง โดยเฉพาะ เป็กกี้ (Anna Paquin) ลูกสาวของเขาผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยกับวิถีชีวิตของพ่อ ภาพยนตร์สำรวจประเด็นของความภักดี อำนาจ ผลกระทบของการใช้ความรุนแรง และความรู้สึกผิดที่ติดค้างเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงบั้นปลาย

ความรู้สึกหลังรับชม
"The Irishman" เป็นประสบการณ์การรับชมที่หนักแน่นและทรงคุณค่าในแบบที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน การได้เห็นสามนักแสดงระดับตำนานอย่าง Robert De Niro, Al Pacino, และ Joe Pesci กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Martin Scorsese อีกครั้งในภาพยนตร์แนวแก๊งสเตอร์ที่เป็นลายเซ็นของเขา ถือเป็นของขวัญสำหรับคอหนัง ฉากการแสดงของทั้งสามนั้นยอดเยี่ยมและเปี่ยมไปด้วยพลัง โดยเฉพาะ Joe Pesci ที่กลับมารับบทที่แตกต่างจากที่เคย ทำให้เห็นถึงมิติทางการแสดงที่น่าทึ่งของเขา เทคนิค De-aging ที่ใช้เพื่อให้เห็นตัวละครในวัยหนุ่มสาวนั้นทำได้อย่างแนบเนียนและไม่รบกวนอรรถรสในการรับชม
แม้ว่าภาพยนตร์จะมีความยาวกว่าสามชั่วโมงครึ่ง แต่การเล่าเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป การพัฒนาตัวละคร และบทสนทนาที่คมคาย ทำให้ผู้ชมยังคงติดตามได้อย่างต่อเนื่อง สกอร์เซซีไม่ได้เน้นฉากแอ็คชั่นหวือหวาเท่าใดนัก แต่เลือกที่จะสำรวจชีวิตภายในของตัวละคร ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน และผลของการกระทำที่ส่งผลไปตลอดชีวิต ช่วงท้ายของภาพยนตร์ที่เน้นไปที่ความร่วงโรยและความโดดเดี่ยวในวัยชราของแฟรงค์นั้นทรงพลังและให้ความรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง เป็นการปิดฉากเรื่องราวชีวิตของนักเลงที่อยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจแต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับความว่างเปล่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความยาวของภาพยนตร์ อาจจะต้องใช้สมาธิในการรับชมพอสมควร และโทนเรื่องที่ค่อนข้างสุขุมและเน้นบทสนทนาอาจจะไม่ถูกใจผู้ชมที่ชอบภาพยนตร์แก๊งสเตอร์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและฉากแอ็คชั่นที่รวดเร็ว แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบผลงานของสกอร์เซซี ชื่นชมการแสดงระดับปรมาจารย์ และสนใจเรื่องราวของโลกอาชญากรรมที่มองลึกไปถึงจิตใจมนุษย์ "The Irishman" คือภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 7.8/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 96% , คะแนนจากผู้ชม 84%

สรุป
"The Irishman" คือมหากาพย์ภาพยนตร์อาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยคุณค่า เป็นการรวมตัวของสุดยอดฝีมือแห่งวงการภาพยนตร์ ทั้งผู้กำกับและนักแสดงระดับตำนาน แม้จะมีความยาวและโทนเรื่องที่สุขุม แต่ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ที่ลึกซึ้ง และการกำกับที่เฉียบคม ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานที่น่าจดจำและเป็นบทสรุปอันทรงพลังของชีวิตที่พัวพันกับโลกใต้ดิน ด้วยคะแนนวิจารณ์ที่สูงทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความยอดเยี่ยมของ "The Irishman" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังทุกคนควรหาโอกาสรับชม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่