การ “รีเบรนด์” หรือเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโครงสร้างแนวคิดจากแนวนโยบาย เศรษฐกิจชุมชนภายใต้แผนฯ 8 ที่มีจุดเน้นเรื่อง “ชุมชนเป็นเจ้าของ” และ “ภาคีสนับสนุนเท่านั้น” ไปเป็นโครงการที่ รัฐเข้าไปกำหนดหรือบริหารโดยตรง เช่น OTOP, กองทุนหมู่บ้าน, ธนาคารประชาชน—มีผลกระทบเชิงลึกในหลายมิติ ดังนี้:
1. จาก “เจ้าของกิจการ” สู่ “ผู้รับนโยบาย”
แนวคิดเดิม (เศรษฐกิจชุมชนในแผนฯ 8): ชุมชนเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมเอง มีอำนาจควบคุม กำไรกลับสู่ชุมชน และเรียนรู้พัฒนาอย่างยั่งยืน
แนวคิดใหม่ (OTOP, กองทุนหมู่บ้าน): รัฐเป็นผู้ออกแบบ ชุมชนทำตามนโยบายและโครงการที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ได้เกิดจากความต้องการจริงของพื้นที่
ผลกระทบ: ชุมชนสูญเสียอำนาจในการคิดและบริหารตนเอง กลายเป็นผู้รอรับการช่วยเหลือ ไม่สามารถพัฒนา “ทุนทางสังคม” อย่างแท้จริง
2. บิดเบือนหลักการ “การพึ่งพาตนเอง”
OTOP และกองทุนหมู่บ้านมักเน้นการ เร่งผลิตเพื่อขาย มากกว่าการบริโภคในชุมชนหรือการสร้างคุณค่าภายใน
ธนาคารประชาชนกระตุ้นการเข้าถึงแหล่งกู้ยืมง่าย แต่ไม่เน้นการสร้างความรู้ ความสามารถในการจัดการหนี้ หรือวางแผนธุรกิจ ต่างจาก โครงเงินกู้เศรษฐกิจชุมชน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งงชาติฉบับที่ 8
ผลกระทบ: เกิดภาวะหนี้สินซ้ำซ้อน ขาดวินัยทางการเงิน ขาดระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าและองค์ความรู้ระยะยาว
3. การแทรกแซงทางการเมือง และประชานิยม
ทั้งสามโครงการถูกใช้เป็น เครื่องมือทางการเมือง เพื่อหาเสียงหรือสร้างภาพลักษณ์ มากกว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน
การปล่อยกู้จาก “กองทุนหมู่บ้าน” หรือ “ธนาคารประชาชน” ขาดการประเมินความสามารถชำระหนี้อย่างเป็นระบบ
ผลกระทบ: สร้างวัฒนธรรมการพึ่งรัฐแทนการพึ่งตนเอง ส่งผลเสียต่อโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
4. ลดทอนพลังของกระบวนการเรียนรู้และจริยธรรมในชุมชน
เศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางแผนฯ 8 เน้น “การควบคุมกันเอง” ในชุมชน โปร่งใส และยึดจริยธรรม
โครงการใหม่ทำให้เกิด “ความรับผิดชอบต่อรัฐ” มากกว่าความรับผิดชอบต่อกันในชุมชน
ผลกระทบ: ลดความเข้มแข็งของกลไกภายในชุมชน เช่น ผู้นำธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรม และจิตสำนึกส่วนรวม
สรุป
การรีเบรนด์แนวคิดเศรษฐกิจชุมชนเน้นการเสริมอำนาจแก่ประชาชน ไปสู่โครงการที่รัฐบริหารจัดการหรืออุดหนุนโดยตรง มีผล บ่อนทำลายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของคนไทยและประเทศในระยะยาว แม้จะเห็นผลในระยะสั้นด้านการบริโภคหรือ GDP แต่กลับลด “ทุนมนุษย์” และ “ทุนสังคม” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาแท้จริง
การ “รีเบรนด์” หรือเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโครงสร้างแนวคิดจากแนวนโยบาย เศรษฐกิจชุมชนภายใต้แผนฯ 8 ?
1. จาก “เจ้าของกิจการ” สู่ “ผู้รับนโยบาย”
แนวคิดเดิม (เศรษฐกิจชุมชนในแผนฯ 8): ชุมชนเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมเอง มีอำนาจควบคุม กำไรกลับสู่ชุมชน และเรียนรู้พัฒนาอย่างยั่งยืน
แนวคิดใหม่ (OTOP, กองทุนหมู่บ้าน): รัฐเป็นผู้ออกแบบ ชุมชนทำตามนโยบายและโครงการที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ได้เกิดจากความต้องการจริงของพื้นที่
ผลกระทบ: ชุมชนสูญเสียอำนาจในการคิดและบริหารตนเอง กลายเป็นผู้รอรับการช่วยเหลือ ไม่สามารถพัฒนา “ทุนทางสังคม” อย่างแท้จริง
2. บิดเบือนหลักการ “การพึ่งพาตนเอง”
OTOP และกองทุนหมู่บ้านมักเน้นการ เร่งผลิตเพื่อขาย มากกว่าการบริโภคในชุมชนหรือการสร้างคุณค่าภายใน
ธนาคารประชาชนกระตุ้นการเข้าถึงแหล่งกู้ยืมง่าย แต่ไม่เน้นการสร้างความรู้ ความสามารถในการจัดการหนี้ หรือวางแผนธุรกิจ ต่างจาก โครงเงินกู้เศรษฐกิจชุมชน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งงชาติฉบับที่ 8
ผลกระทบ: เกิดภาวะหนี้สินซ้ำซ้อน ขาดวินัยทางการเงิน ขาดระบบพัฒนาคุณภาพสินค้าและองค์ความรู้ระยะยาว
3. การแทรกแซงทางการเมือง และประชานิยม
ทั้งสามโครงการถูกใช้เป็น เครื่องมือทางการเมือง เพื่อหาเสียงหรือสร้างภาพลักษณ์ มากกว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน
การปล่อยกู้จาก “กองทุนหมู่บ้าน” หรือ “ธนาคารประชาชน” ขาดการประเมินความสามารถชำระหนี้อย่างเป็นระบบ
ผลกระทบ: สร้างวัฒนธรรมการพึ่งรัฐแทนการพึ่งตนเอง ส่งผลเสียต่อโครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก
4. ลดทอนพลังของกระบวนการเรียนรู้และจริยธรรมในชุมชน
เศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางแผนฯ 8 เน้น “การควบคุมกันเอง” ในชุมชน โปร่งใส และยึดจริยธรรม
โครงการใหม่ทำให้เกิด “ความรับผิดชอบต่อรัฐ” มากกว่าความรับผิดชอบต่อกันในชุมชน
ผลกระทบ: ลดความเข้มแข็งของกลไกภายในชุมชน เช่น ผู้นำธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรม และจิตสำนึกส่วนรวม
สรุป
การรีเบรนด์แนวคิดเศรษฐกิจชุมชนเน้นการเสริมอำนาจแก่ประชาชน ไปสู่โครงการที่รัฐบริหารจัดการหรืออุดหนุนโดยตรง มีผล บ่อนทำลายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของคนไทยและประเทศในระยะยาว แม้จะเห็นผลในระยะสั้นด้านการบริโภคหรือ GDP แต่กลับลด “ทุนมนุษย์” และ “ทุนสังคม” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาแท้จริง