จากเหตุการณ์ทางการเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในปี 63
จังหวะท่าทีของ แกนนำคนหนึ่ง ที่เป็นติ่งเกาหลี ที่อยู่ๆ ก็พยายามเรียกร้องให้แทกุกไลน์ Call Out พร้อมกับปั่นกระแสสร้างความเกลียดชัง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญหนึ่ง ที่เป็นความผิดพลาดสำคัญในการขับเคลื่อนในช่วงสำคัญได้เลย เพราะในท่าทีนั้น ได้สร้างกระแสความเกลียดชังต่อไอดอลไทยแทบทุกคนเป็นวงกว้าง กลบแนวทางการต่อสู้ไปได้หมด และก็ได้พลังการปั่นจากติ่งแอนตี้เกาหลีทั่วไทยร่วมสมทบ จนเป็นกระแส แต่ก็สร้างให้มวลชนติ่งแฟนคลับที่เคยร่วมมือด้วยกันบางส่วนออกจากขบวนการไป ทั้งๆ ที่เวลานั้นต้องการขยายความร่วมมือให้คนมาร่วมให้มากที่สุดจากทุกฝ่าย แถมยังเปิดช่องให้ฝ่ายอนุรักษ์ใช้สร้างกระแสตีกลับ และดึงศิลปินไอดอลคนไทยที่โดนกระทืบจากติ่งเกาหลี แอบอ้างใช้ดึงมวลชนจากฝั่งตัวเองและคนกลางๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับติ่งเกาหลีทำ เข้าร่วมเพิ่มไปอีก คือการเดินหมากผิด เสีย 2 เด้งไปเลย
โดยหลักการ ประชาธิปไตย ของอารยะประเทศ มันคือสิทธิเสรีภาพของบุคคลทุกคนเท่าเทียม ทางการเมืองโดยปกติ และแทบไม่มีประเทศ ปชต. ต้องกดดันเรียกร้องต่อใครๆ ให้เลือกฝั่ง ก็มีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้นที่ กดดันศิลปิน ไอดอล เซเลป ทำตามที่ต้องการ ( เช่น จีนกดดัน ศิลปินจีน ให้คอลเอ้าท์เรื่องจีนเดียว ตามที่เป็นข่าวบ่อยๆ )
รวมถึง กรณี ประเทศเกาหลี ที่ติ่งเกาหลีทุกคนรู้กันดีว่า ช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับไทย ประธานาธิปดี เกาหลีใต้ ยึดอำนาจ แต่ก็ไม่มีกระแสการเรียกร้องให้ คนดัง เซเลป ไอดอลเกาหลี ออกมาคอลเอ้าท์ ประชาชนทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ตามสิทธิเสรีภาพ ที่พึงทำได้ของแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ แตกต่างกันไป มันต่างจากมที่ติ่งเกาหลีไทย ทำกับลิซ่า และไอดอลคนไทยอื่นๆ
เชื่อว่าถึงทุกวันนี้ ความเกลียดชังผิดๆ ต่อแทกุ๊กไลน์ทุกคน โดยเฉพาะที่แรงสุดคือ ลิซ่า ยังคงตกค้างในใจหลายคนต่อจนถึงปัจจุบันด้วยความอคติจากการปั่นกระแสในช่วงนั้น ทั้งๆ ที่หลายคนเป็นคนดี และสร้างกระแสชาตินิยม เป็นตัวแทนความภูมิใจของคนไทยได้ดี ไม่มีเรืองเสียหายใดๆ
บทสรุปการเมือง'63 ที่เรียกร้อง Call Out แล้วเกลียดชังแทกุกไลน์-ลิซ่า คือความผิดพลาด
จังหวะท่าทีของ แกนนำคนหนึ่ง ที่เป็นติ่งเกาหลี ที่อยู่ๆ ก็พยายามเรียกร้องให้แทกุกไลน์ Call Out พร้อมกับปั่นกระแสสร้างความเกลียดชัง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญหนึ่ง ที่เป็นความผิดพลาดสำคัญในการขับเคลื่อนในช่วงสำคัญได้เลย เพราะในท่าทีนั้น ได้สร้างกระแสความเกลียดชังต่อไอดอลไทยแทบทุกคนเป็นวงกว้าง กลบแนวทางการต่อสู้ไปได้หมด และก็ได้พลังการปั่นจากติ่งแอนตี้เกาหลีทั่วไทยร่วมสมทบ จนเป็นกระแส แต่ก็สร้างให้มวลชนติ่งแฟนคลับที่เคยร่วมมือด้วยกันบางส่วนออกจากขบวนการไป ทั้งๆ ที่เวลานั้นต้องการขยายความร่วมมือให้คนมาร่วมให้มากที่สุดจากทุกฝ่าย แถมยังเปิดช่องให้ฝ่ายอนุรักษ์ใช้สร้างกระแสตีกลับ และดึงศิลปินไอดอลคนไทยที่โดนกระทืบจากติ่งเกาหลี แอบอ้างใช้ดึงมวลชนจากฝั่งตัวเองและคนกลางๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับติ่งเกาหลีทำ เข้าร่วมเพิ่มไปอีก คือการเดินหมากผิด เสีย 2 เด้งไปเลย
โดยหลักการ ประชาธิปไตย ของอารยะประเทศ มันคือสิทธิเสรีภาพของบุคคลทุกคนเท่าเทียม ทางการเมืองโดยปกติ และแทบไม่มีประเทศ ปชต. ต้องกดดันเรียกร้องต่อใครๆ ให้เลือกฝั่ง ก็มีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้นที่ กดดันศิลปิน ไอดอล เซเลป ทำตามที่ต้องการ ( เช่น จีนกดดัน ศิลปินจีน ให้คอลเอ้าท์เรื่องจีนเดียว ตามที่เป็นข่าวบ่อยๆ )
รวมถึง กรณี ประเทศเกาหลี ที่ติ่งเกาหลีทุกคนรู้กันดีว่า ช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับไทย ประธานาธิปดี เกาหลีใต้ ยึดอำนาจ แต่ก็ไม่มีกระแสการเรียกร้องให้ คนดัง เซเลป ไอดอลเกาหลี ออกมาคอลเอ้าท์ ประชาชนทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ตามสิทธิเสรีภาพ ที่พึงทำได้ของแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ แตกต่างกันไป มันต่างจากมที่ติ่งเกาหลีไทย ทำกับลิซ่า และไอดอลคนไทยอื่นๆ
เชื่อว่าถึงทุกวันนี้ ความเกลียดชังผิดๆ ต่อแทกุ๊กไลน์ทุกคน โดยเฉพาะที่แรงสุดคือ ลิซ่า ยังคงตกค้างในใจหลายคนต่อจนถึงปัจจุบันด้วยความอคติจากการปั่นกระแสในช่วงนั้น ทั้งๆ ที่หลายคนเป็นคนดี และสร้างกระแสชาตินิยม เป็นตัวแทนความภูมิใจของคนไทยได้ดี ไม่มีเรืองเสียหายใดๆ