“เท้ง ณัฐพงษ์” บรรยาย มธ. ปลุกเปลี่ยนแปลงประเทศและโลก เริ่มด้วยคำว่า “ทำไม”
.
.
“เท้ง ณัฐพงษ์” บรรยาย มธ. ปลุกเปลี่ยนแปลงประเทศและโลก เริ่มด้วยคำว่า “ทำไม” มั่นใจเทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหาภาครัฐ เพิ่มความโปร่งใส-ประสิทธิภาพ-ประชาชนเป็นศูนย์กลางสมการตัดสินใจ
.
วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวบรรยายในกิจกรรม Final Pitching ของงาน Thammasat Startup: The Next Gen 2025 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ 15 ทีมสุดท้าย โดยนายณัฐพงษ์เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงทฤษฏีวงกลมทองคำ (Golden Circle Theory) ของ Simon Sinek ผู้เขียนหนังสือ “Start With Why” ที่เสนอว่าก่อนทำอะไรก็ตาม แทนที่จะเริ่มด้วยคำว่า “
อะไร” (What) ขอให้เริ่มจากคำว่า “
ทำไม” (Why)
.
นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ชีวิตของตนตั้งแต่เลือกเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ เลือกทำบริษัทสตาร์ทอัพที่ให้บริการระบบคลาวด์ (Cloud) จนผันตัวมาทำงานการเมือง คำว่า “ทำไม” ของตนยังเหมือนเดิมคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่สังคมและโลกใบนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมตนจึงหลงใหลในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือเปลี่ยนโลกได้
.
ตนเคยเข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ถูกขนานนามว่าเป็น Cloud ERP รายแรกของประเทศ ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่คุ้นเคยกับระบบคลาวด์มากนัก แต่ในโลกตะวันตกรู้จักแล้ว หากให้ถอดบทเรียนจากการทำธุรกิจ ช่วงหนึ่งตนเคยดิสรัปคนอื่น ด้วยการทำ Cloud ERP หรือโปรแกรมบริหารจัดการธุรกิจในองค์กร จากเดิมโปรแกรมบัญชีต้องติดตั้งบนเครื่อง มีค่าใช้จ่ายสูง ตนจึงเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ มาเป็น Cloud subscription-based เปลี่ยนจากการลงทุนหลักหลายแสนหลายล้านเป็นการเช่ารายเดือน เพื่อทำให้ SME สามารถเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือแบบที่บริษัทใหญ่ๆ มีได้
.
จุดพลิกผันของชีวิตคือการเข้ามาทำงานการเมืองกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เริ่มต้นพรรคจากคำว่า “ทำไม” เช่นกัน นั่นคือทำไมการเมืองไทยไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศนี้ได้ ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ โครงสร้างอำนาจรัฐรวมศูนย์ วงจรอุบาทว์รัฐประหาร คำตอบคือเพราะการเมืองของประเทศนี้ไม่เคยเป็นเสียงของคนส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของโลโก้พรรคสามเหลี่ยมหัวกลับ เพราะเราต้องการให้ประชาชนคนส่วนใหญ่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ จึงเลือกเส้นทางสร้างพรรคมวลชน ให้ประชาชนเป็นเจ้านายนักการเมือง สร้างการเมืองที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกนโยบายและกฎหมายที่เราเสนอมุ่งตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ เมื่อมีพรรคการเมืองที่นำเสนอเรื่องนี้ซึ่งตรงกับโจทย์ของตน ตนจึงต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ลงสมัคร สส. ในการเลือกตั้งปี 2562
.
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวต่อว่า อีกคำที่สำคัญคือ Trust หรือความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาใหญ่ 4 เรื่องหรือ 4ป คือขาดความโปร่งใส ขาดประสิทธิภาพภาครัฐ ขาดความเป็นประชาธิปไตย และประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม ตนเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการทำ open data เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ หรือเรื่องประสิทธิภาพ จากประสบการณ์การบริหาร อบจ.ลำพูน เราเห็นว่ากระบวนการทำงานในระบบราชการส่วนใหญ่ยังเป็น paper-based งานทุกอย่างต้องเดินด้วยเอกสาร ถ้าเปลี่ยนเป็น digital-based เช่นทำระบบ e-document ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานมาก จะช่วยลดกระดาษได้เป็นหมื่นแผ่นต่อปี ลองคิดว่าถ้าทำกับท้องถิ่นทั่วประเทศกว่า 7,800 พันแห่ง จะเพิ่มประสิทธิภาพได้ขนาดไหน
.
ถ้าเรามีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จัดทำงบประมาณโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) เช่น เมื่อได้งบประมาณ 100 บาท กันไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ ให้ประชาชนโหวตร่วมกันว่าจะนำงบประมาณไปทำอะไรก่อน ให้ประชาชนจับต้องได้ว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเขา ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้จริง เทคโนโลยีเหล่านี้ดูผิวเผินเป็นเรื่องเรียบง่าย แต่ส่งผลกระทบมหาศาล เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจของประเทศให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางสมการในการตัดสินใจ
.
นอกจากนี้ในการทำธุรกิจหรือพัฒนานวัตกรรม ควรคำนึงถึง 3S นั่นคือ Scale, Scope, Speed ต้องยอมรับว่าปัญหาของสตาร์ทอัพในประเทศไทยคือการมองตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่การออกแบบอะไรในยุคปัจจุบัน ควร Think Globally, Act Locally มองไปยังตลาดโลกด้วย ส่วนคำว่า Scope นั้น บทเรียนจากธุรกิจของตนคือเราต้องทำผลิตภัณฑ์ให้ชัด และสุดท้าย Speed ตอนนี้ตนเห็นว่ามีการนำ AI มาใช้ในการทำบัญชีของบริษัท เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว เช่น นักบัญชีไม่ต้องเอาใบกำกับภาษีมาป้อนข้อมูลเข้าระบบเอง แต่ใช้วิธีถ่ายรูปและอัปโหลด สแกนเข้าระบบได้ ดังนั้นการปรับตัวให้ทันเป็นเรื่องสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน ถ้าเราปรับตัวได้ไม่เร็วพอ วันหนึ่งเราจะถูกดิสรัปเช่นกัน
.
นาย
ณัฐพงษ์ ทิ้งท้ายว่า การเริ่มต้นด้วยคำว่า “
ทำไม” สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลายเรื่องในชีวิต ขอให้ทุกคนรักษาคำว่า “
ทำไม” ของตัวเองให้มั่นคงเพื่อเป็นเข็มทิศนำทาง เชื่อว่าสิ่งที่นักศึกษาร่วมกันคิดนำเสนอในวันนี้ จะแก้จุดเจ็บปวด (pain point) ของภาครัฐได้ และสำคัญกว่าผลการแข่งขัน คือวันนี้เราได้ลงมือทำ ขอให้เก็บสะสมเป็นชัยชนะเล็กๆ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อตัวเราและสร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ในอนาคต เส้นทางชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ชัยชนะไม่สำคัญเท่ากับวันนี้ตอบคำถามตัวเองได้ว่าเราเริ่มทำมันเพราะอะไร
.
.
สมชัย ชี้ ออกหมายเรียก สว.คดีฮั้ว กกต. เล่นใหญ่เกินเบอร์ แนะไปชี้แจงตามนัดหมาย หาข้อมูลสู้คดี
.
“สมชัย” ชี้ ออกหมายเรียก สว.คดีฮั้ว กกต. เล่นใหญ่เกินเบอร์ แนะไปชี้แจงตามนัดหมาย หาข้อมูลสู้คดี
.
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนักวิชาการ กล่าวถึงการออกหนังสือเชิญสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไปชี้แจงคดีฮั้วการเลือก ส.ว. ว่าเป็นหมายเรียกที่ออกโดยฝ่ายสืบสวนของ กกต. ลงนามโดยรองเลขาธิการ กกต. ที่คุมงานด้านการสืบสวนสอบสวน การออกข่าว ติดหมายเรียกหน้าบ้าน เชิญผู้สื่อข่าวไปทำข่าว เป็นการเล่นใหญ่เกินเบอร์ เพราะปกติฝ่ายสืบสวนก็เคยมีหมายเรียกแบบนี้เป็นพันเป็นหมื่นราย ก็ใช้ส่งจดหมาย ลงทะเบียนถึงผู้ถูกเรียกเท่านั้น
.
นายสมชัย ระบุว่า ไม่มีการเปลี่ยนสภาพหมายเรียกเป็นหมายจับ เหมือนหมายเรียกของตำรวจ เพราะเป็นแค่หมายเรียกของกกต. ซึ่งผู้ถูกหมายเรียกจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่ไปเท่ากับยอมรับการเสียสิทธิที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงในฟากของตัวเอง
.
ทั้งนี้ นายสมชัย แนะนำ สว.ที่ถูกออกหมายเรียกว่าควรไป อย่างน้อยที่สุดได้รับทราบข้อกล่าวหา และได้โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีฝ่ายตน อย่ามัวคิดเรื่องศักดิ์ที่สูงกว่าเลย ศักดิ์กินไม่ได้แต่ถูกใบแดง คืนเงินเดือน ต้องโทษอาญา และถูกตัดสิทธิทางการเมือง นั่นของจริง
.
.
เศรษฐกิจแย่ลง ต้องเอาตัวรอดเอง รอรัฐบาลช่วยไม่ไหว
.
โดยสภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ทำให้มีผลต่อความไม่เชื่อมั่นของรัฐบาล ทีมข่าวไอเอ็นเอ็นได้ลงพื้นที่สำรวจการค้าขาย ย่านบางกะปิ พบว่าทั้งพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงลูกค้าต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ไม่หวังพึ่งใคร ขอเอาตัวรอดเองให้ได้ก่อน ยอมรับ ไม่ได้ขายดีเหมือนเมื่อก่อน และลูกค้าเองก็ต้องรัดเข็มขัดด้านการเงินมากขึ้น
.
ในโลกของการเมือง เศรษฐกิจเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนความสามารถของรัฐบาล ความเชื่อมั่นของประชาชนไม่ได้เกิดจากเพียงคำพูดหรือแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว แต่เกิดจากสิ่งที่ประชาชน “รู้สึกได้จริง” ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้า รายได้ครัวเรือน หรือโอกาสในการประกอบอาชีพ
ทีมข่าวไอเอ็นเอ็นลงพื้นที่สำรวจความเห็นที่ตลาดย่านบางกะปิ ทั้งพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงลูกค้า เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจกับความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่าเสียงส่วนใหญ่ ไม่ขอพูดถึงการทำงานของรัฐบาลแต่ขอเอาตัวรอดในสภาวะเศรษฐกิจแย่เช่นนี้ การค้าขายก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน ลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของ ก็ต่างรัดเข็มขัดเงินในกระเป๋าของตัวเอง ยิ่งใกล้ช่วงเปิดเทอม ก็ต้องเจียดเงินไปใช้จ่ายส่วนนี้
.
คุณยายสนอง เสือเกิด แม่ค้ารถเข็น ชาวอุตรดิตถ์ ที่มาอยู่ กทม. เกือบ 20 ปี ใช้ชีวิตขายของอยู่ที่ตลาดสดบางกะปิ ใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ขอฝากอะไรถึงรัฐบาลแต่ตอนนี้ต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน เพราะต้องเลี้ยงหลานอีก 3 คน โชคยังดี ที่ขายของไม่ได้เสียค่าเช่าที่
ขณะพ่อค้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ เล่าว่าไม่ว่าจะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะรัฐบาลชุดไหน การแก้ปัญหาลอตเตอรี่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม พร้อมไม่มั่นใจกลไกการแก้ปัญหาของภาครัฐที่จะช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อยได้จริงและช่วงนี้ขายยากหน่อย เพราะใกล้จะเปิดเทอม อาจจะรับมาขายน้อยลง
.
เช่นเดียวกับ ร้านขายผักสด ก็ยอมรับว่าการค้าขายไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน คนที่มาจับจ่ายใช้สอย ก็รัดเข็มขัด ซื้อแต่พอดี ไม่ได้ซื้อเผื่อ ประกอบกับราคาพืชผักในแต่ละวันสูงขึ้นบ้าง ลดลงบ้างตามลำดับ อย่างช่วงนี้ราคามะนาวค่อนข้างแพง แต่ก็เข้าใจกำลังซื้อของลูกค้า และสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด
.
ขณะเดียวกัน ผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของก็เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ต้องรัดเข็มขัดในการใช้จ่ายเงิน ซื้อเท่าที่จำเป็น ในแต่ละวัยอย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจเติบโตประชาชนมีงานทำเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลก็เพิ่มตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจชะลอตัว ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ไม่ขยับ ประชาชนก็จะตั้งคำถามถึงบทบาทและประสิทธิภาพของผู้นำประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะในท้ายที่สุด เศรษฐกิจไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่คือความรู้สึกของประชาชน ว่าพวกเขา “อยู่ได้” และ “มั่นใจ” ในทิศทางของประเทศ
.
JJNY : “เท้ง” ปลุกเปลี่ยนแปลงประเทศ│สมชัยชี้ กกต. เล่นใหญ่เกินเบอร์ │ศก.แย่ลง ต้องเอาตัวรอดเอง│ไทยตอนบนมีพายุ ใต้ฝนเพิ่ม
.
วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ที่อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวบรรยายในกิจกรรม Final Pitching ของงาน Thammasat Startup: The Next Gen 2025 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ 15 ทีมสุดท้าย โดยนายณัฐพงษ์เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงทฤษฏีวงกลมทองคำ (Golden Circle Theory) ของ Simon Sinek ผู้เขียนหนังสือ “Start With Why” ที่เสนอว่าก่อนทำอะไรก็ตาม แทนที่จะเริ่มด้วยคำว่า “อะไร” (What) ขอให้เริ่มจากคำว่า “ทำไม” (Why)
.
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ชีวิตของตนตั้งแต่เลือกเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ เลือกทำบริษัทสตาร์ทอัพที่ให้บริการระบบคลาวด์ (Cloud) จนผันตัวมาทำงานการเมือง คำว่า “ทำไม” ของตนยังเหมือนเดิมคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่สังคมและโลกใบนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมตนจึงหลงใหลในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือเปลี่ยนโลกได้
.
ตนเคยเข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ถูกขนานนามว่าเป็น Cloud ERP รายแรกของประเทศ ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่คุ้นเคยกับระบบคลาวด์มากนัก แต่ในโลกตะวันตกรู้จักแล้ว หากให้ถอดบทเรียนจากการทำธุรกิจ ช่วงหนึ่งตนเคยดิสรัปคนอื่น ด้วยการทำ Cloud ERP หรือโปรแกรมบริหารจัดการธุรกิจในองค์กร จากเดิมโปรแกรมบัญชีต้องติดตั้งบนเครื่อง มีค่าใช้จ่ายสูง ตนจึงเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ มาเป็น Cloud subscription-based เปลี่ยนจากการลงทุนหลักหลายแสนหลายล้านเป็นการเช่ารายเดือน เพื่อทำให้ SME สามารถเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือแบบที่บริษัทใหญ่ๆ มีได้
.
จุดพลิกผันของชีวิตคือการเข้ามาทำงานการเมืองกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เริ่มต้นพรรคจากคำว่า “ทำไม” เช่นกัน นั่นคือทำไมการเมืองไทยไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศนี้ได้ ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ โครงสร้างอำนาจรัฐรวมศูนย์ วงจรอุบาทว์รัฐประหาร คำตอบคือเพราะการเมืองของประเทศนี้ไม่เคยเป็นเสียงของคนส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของโลโก้พรรคสามเหลี่ยมหัวกลับ เพราะเราต้องการให้ประชาชนคนส่วนใหญ่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ จึงเลือกเส้นทางสร้างพรรคมวลชน ให้ประชาชนเป็นเจ้านายนักการเมือง สร้างการเมืองที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกนโยบายและกฎหมายที่เราเสนอมุ่งตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ เมื่อมีพรรคการเมืองที่นำเสนอเรื่องนี้ซึ่งตรงกับโจทย์ของตน ตนจึงต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ลงสมัคร สส. ในการเลือกตั้งปี 2562
.
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวต่อว่า อีกคำที่สำคัญคือ Trust หรือความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาใหญ่ 4 เรื่องหรือ 4ป คือขาดความโปร่งใส ขาดประสิทธิภาพภาครัฐ ขาดความเป็นประชาธิปไตย และประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม ตนเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการทำ open data เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ หรือเรื่องประสิทธิภาพ จากประสบการณ์การบริหาร อบจ.ลำพูน เราเห็นว่ากระบวนการทำงานในระบบราชการส่วนใหญ่ยังเป็น paper-based งานทุกอย่างต้องเดินด้วยเอกสาร ถ้าเปลี่ยนเป็น digital-based เช่นทำระบบ e-document ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานมาก จะช่วยลดกระดาษได้เป็นหมื่นแผ่นต่อปี ลองคิดว่าถ้าทำกับท้องถิ่นทั่วประเทศกว่า 7,800 พันแห่ง จะเพิ่มประสิทธิภาพได้ขนาดไหน
.
ถ้าเรามีแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จัดทำงบประมาณโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) เช่น เมื่อได้งบประมาณ 100 บาท กันไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ ให้ประชาชนโหวตร่วมกันว่าจะนำงบประมาณไปทำอะไรก่อน ให้ประชาชนจับต้องได้ว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเขา ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้จริง เทคโนโลยีเหล่านี้ดูผิวเผินเป็นเรื่องเรียบง่าย แต่ส่งผลกระทบมหาศาล เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจของประเทศให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางสมการในการตัดสินใจ
.
นอกจากนี้ในการทำธุรกิจหรือพัฒนานวัตกรรม ควรคำนึงถึง 3S นั่นคือ Scale, Scope, Speed ต้องยอมรับว่าปัญหาของสตาร์ทอัพในประเทศไทยคือการมองตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่การออกแบบอะไรในยุคปัจจุบัน ควร Think Globally, Act Locally มองไปยังตลาดโลกด้วย ส่วนคำว่า Scope นั้น บทเรียนจากธุรกิจของตนคือเราต้องทำผลิตภัณฑ์ให้ชัด และสุดท้าย Speed ตอนนี้ตนเห็นว่ามีการนำ AI มาใช้ในการทำบัญชีของบริษัท เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว เช่น นักบัญชีไม่ต้องเอาใบกำกับภาษีมาป้อนข้อมูลเข้าระบบเอง แต่ใช้วิธีถ่ายรูปและอัปโหลด สแกนเข้าระบบได้ ดังนั้นการปรับตัวให้ทันเป็นเรื่องสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน ถ้าเราปรับตัวได้ไม่เร็วพอ วันหนึ่งเราจะถูกดิสรัปเช่นกัน
.
นายณัฐพงษ์ ทิ้งท้ายว่า การเริ่มต้นด้วยคำว่า “ทำไม” สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลายเรื่องในชีวิต ขอให้ทุกคนรักษาคำว่า “ทำไม” ของตัวเองให้มั่นคงเพื่อเป็นเข็มทิศนำทาง เชื่อว่าสิ่งที่นักศึกษาร่วมกันคิดนำเสนอในวันนี้ จะแก้จุดเจ็บปวด (pain point) ของภาครัฐได้ และสำคัญกว่าผลการแข่งขัน คือวันนี้เราได้ลงมือทำ ขอให้เก็บสะสมเป็นชัยชนะเล็กๆ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อตัวเราและสร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ในอนาคต เส้นทางชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ชัยชนะไม่สำคัญเท่ากับวันนี้ตอบคำถามตัวเองได้ว่าเราเริ่มทำมันเพราะอะไร
.