อยากแชร์เรื่องเลวร้ายที่พบเจอในโรงเรียน

สวัสดีค่ะ เค้าอยากจะแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดตั้งแต่ประถม ทั้งถูกเพื่อนในห้องบางคนจู่ๆก็เดินเข้ามาดึงผม/เหยียดบุคลิกทำให้อายต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆและบางครั้งถูกใส่ร้ายว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะตัวเค้าเองโดยครูประจำชั้นตอน ป.6 แน่นอนว่าครูประจำชั้นไม่ได้สนใจเลยว่าเค้าคิดอย่างไร มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เด็กคนนึงต้องทำแบบนั้น แต่ในตอนนั้นเค้าคิดแค่ว่าครูคงจะไม่ชอบอะไรบางอย่างแน่ๆเกี่ยวกับเค้า เดิมทีเค้าเป็นคนเก็บตัว ชอบทำอะไรคนเดียว วาดรูปคนเดียว ต่างๆนานา ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนผู้ชายกับกลุ่มบางกลุ่มลูกรักของครูที่จะทำอะไรก็ได้โดยมีครูมาอวยอยู่ตลอด จนกระทั่งเค้าเรียนจบจากโรงเรียนประถมเพื่อเรียนต่อ ม.1 ในโรงเรียนประจำอำเภอที่พอจะมีชื่อเสียงบ้าง

ในช่วง ม.1 ช่วงแรกยังปรับตัวได้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ยังไม่ชินกับการเรียนแบบมัธยม ตอนเวลาพักเที่ยงเค้าชอบเข้าไปหาหนังสืออ่านในห้องสมุดแต่มีอยู่วันนึงที่เค้ากำลังจะเดินเข้าไปหาบรรณารักษ์เพื่อยืมหนังสือ แต่มีรุ่นพี่ผู้ชายพยายามเดินเข้ามาประชิดจากด้านหลังทำท่าทางจะคุกคามในห้องสมุดซึ่งเป็นการกระทำที่น่าเกลียดมาก ก่อนที่เค้าเดินออกมาพร้อมน้ำตาซึม รุ่นพี่คนนั้นถูกบรรณารักษ์ตักเตือนและให้บอกขอโทษเดี๋ยวนี้ เขาก็ทำแหละและบอกว่าจะไม่ทำอีก เพราะรุ่นพี่คิดแค่ว่าแกล้งเล่นขำๆ

ในช่วง ม.2-ม.3 เป็นช่วงที่มีครูกะเทยหมวดประวัติศาสตร์คนนึงพยายามมองมาที่เค้าด้วยสายตาแปลกๆในคาบวิชาลูกเสือ-เนตรนารี แต่เค้าก็พยายามคิดไปอีกทางว่าคงไม่มีอะไรหรอก เพราะเค้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับครูคนนั้น จนกระทั่งครูเดินเข้ามาใกล้แล้วบอกให้ไปที่ห้องพักครูหน่อยแล้วครูก็ให้ทางติดต่อไลน์ หลังจากนั้นครูทักไลน์มาทุกค่ำแต่เค้าก็คุยกับครูแค่ช่วงแรกๆ เพราะมันรู้สึกแปลกๆ บวกกับเค้าต้องขยันให้มากกว่านี้เพื่อให้สอบได้โรงเรียนดีๆภายในตัวเมืองจังหวัด

หลังจากที่เค้าสอบได้ ม.4 ได้เช่าหอพักใกล้โรงเรียนนั้น เดินไปไม่ถึง 10นาที ก็ถึงโรงเรียนแล้วค่ะ..แต่ว่ามีอยู่หลายเหตุการณ์เลยที่มันทำให้เค้าเก็บมาคิดจนร้องไห้ในห้องนอนของตัวเอง
- กลุ่มเพื่อนในห้องบางคนมองว่าเค้าเป็นของขวัญของคนมาสาย :: เค้าถูกมองว่าเป็นสิ่งของสำหรับคนมาสาย ใครที่มาสายก็จะได้นั่งโต๊ะข้างๆกับเค้า แต่ดูเหมือนว่าพวกเขารู้สึกไม่เต็มใจอยากจะอยู่ข้างๆด้วยเลย จนคนคนนั้นพยายามลากโต๊ะไปนั่งกับเพื่อนๆอยู่กัน 3คน ส่วนเค้าก็ได้นั่งอยู่คนเดียว(ก็พออยู่ได้)

- งานกลุ่มส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นเศษเหลืออยู่เสมอ :: มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่เค้าสามารถรับได้ และถ้าเป็นไปได้เค้าก็ไม่อยากให้ครูสั่งงานกลุ่มหรอกและไม่มีใครที่จะสนใจเสียงเล็กๆของเค้าเลยสักคน มันรู้สึกแย่มากเลยนะที่ภายในงานกลุ่มกลับไม่มีไอเดียไหนเลยที่เสนอไป หากพ่อรู้เรื่องเข้าว่างานกลุ่มแต่ไม่มีกลุ่มคงจะถูกตะคอกใส่แน่ๆในขณะที่แม่คอยเสริมให้รุนแรงมากขึ้น..ซึ่งหนีไม่พ้นหากวันประชุมผู้ปกครองมาถึง

ในช่วง ม.4-ม.5 เป็นช่วงที่รู้สึกว่าเป็นฝ่ายที่ถูกคาดหวังจากที่บ้านมากๆ ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้จนกลัวว่าจะไม่ได้เรียนที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่ทำตามก็จะไม่ให้เรียน ต้องสอบนู่นนี่นั่นตามที่พ่อแม่ตั้งกรอบไว้แต่ไม่เคยถามถึงความรู้สึกของเค้าเลย..แค่เจอเรื่องต่างๆในโรงเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว เค้าต้องแบกรับความคาดหวังนี้ไว้อีก หากถามว่าในวันประชุมผู้ปกครองมันเป็นยังไงต่อเค้า??

เค้ามองว่ามันเป็นวันนรกเปิดเลยแหละ ตัวอย่างหนึ่งคือวันประชุมผู้ปกครองตอน ม.4 เทอมแรก เป็นวันที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงที่ไม่กล้าบอกใครเลยล่ะ ในวันนั้นแม่เข้าไปในโรงเรียน ในขณะที่พ่อของเค้าก็มาพักที่ห้องเค้า เมื่อถึงเวลาที่แม่กลับมาถึงห้องพัก..ทันใดนั้นแม่เริ่มเล่าเรื่องของเค้าให้พ่อฟัง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่แม่ได้ยินมาจากครูประจำชั้นมันเป็นเพียงแค่การมองผ่านมุมมองของครูเอง นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด...แต่อารมณ์พ่อก็เริ่มปะทุทันที โดยที่ยังไม่ทันจะถามถึงเหตุผลของเค้าแบบดีๆเลย ถามแบบตะคอก ถามแบบรัวๆ เป็นใครแล้วใครจะตอบทันล่ะคะ มันสะอื้นจุกอกแบบพูดไม่ออกและชาไปทั้งตัว แล้วก็ด่าว่าเค้าเป็นใบ้(ทั้งๆที่เค้าก็คิดอยู่ว่าจะตอบยังไงดี ตอบไปพ่อคงไม่ฟังแน่ๆอมยิ้ม42) หลังจากนั้นพ่อกับแม่พาเค้าไปหาอะไรกินใน Big C แต่ว่าเราไม่ได้กินข้าวแบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน พ่อบอกกับแม่ว่า"อย่าคุยกับมัน มันเป็นคนไม่มีเพื่อน ปล่อยให้กินคนเดียว" เหตุการณ์นี้ทำให้เค้าเกลียดคนที่เจ้าอารมณ์ ความเป็นใหญ่ของผู้ชาย ความไม่มีเหตุผลโดยที่ไม่แคร์ความรู้สึกบ้างเลย และมันก็ทำให้เค้าไม่อยากไว้ใจในความสัมพันธ์ไหนเลยที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยเท่าตัวเราเองอีกแล้ว ไม่อยากไว้ใจใคร และกลัวที่จะได้รับความรุนแรงนั้นมาทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากคิดอีกมุมนึงก็คือเหมือนตัวเองมีมีดถือไว้อยู่แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการแทง555 แต่เค้าไม่ทำแบบนั้นหรอกถ้าเค้าจะทำให้ใครเจ็บ เค้าจะเจ็บคนเดียวดีกว่า

สุดท้ายนี้ ขอบคุณนะคะ ที่อย่างน้อยๆเข้ามาอ่านในพื้นที่ที่เค้าอยากจะระบายความรู้สึกบ้าง สำหรับบางคนที่อาจจะเจอเหตุการณ์หนักหน่วงกว่าเค้าก็สู้ๆนะคะ เค้าตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนสังคมไทยมุมหนึ่งที่มักจะตัดสินคนจากภายนอกโดยไม่ถามถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย เราทุกคนต่างก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน.


อมยิ้ม03
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่