a. ปรเมศ อ่ำ อัมรินทร์ สายตาชั่วเสถียรดีมาก ด่าได้ตรงไปตรงมา เป็นธรรมชาติ คืนไหนไม่ได้ยินแกด่า เรานอนค่อยไม่หลับ
b. อาภาภัทร พาเมล่า ชอบตั้งแต่เล่นบทแม่ในหลังคาใบบัว แต่เรื่องนี้ จังหวะการยั่วโมโหคนอื่น น่าจะทำให้เย้าอารมณ์กว่านี้ได้อีก
c. เจ้าสัวปรีดา อากง สหัสชัย คนนี้ชอบมาก ละสายตาไม่ได้เลย สมเป็นเสาหลักของแกนเรื่อง
d. เนตร เต๋า สโรชา ร้องไห้หนัก ที่มาที่ไปของตัวละครตัวนี้ซึ้งมากๆ แต่เป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ กลายเป็นตัวละครชั้นเดียว ไม่ซับซ้อน
e. เจ้าสัวหวัง ป๋อ ณัฐวุฒิ ตอนไอเล่นดีมาก ร้ายไปด้วย ไอไปด้วย ชอบจังหวะการเล่น เหมือนมีการออกอาวุธ แต่ไม่ใช่แบบยิงปืนปัง ปัง ปัง
เป็นโชว์ตั้งแต่ค่อยๆ เช็ดปืน ให้เสียวไส้ก่อน ถ่ายทอดความแค้นได้หอมหวาน
f. ปราโมทย์ ต๊ะ วริษฐ์ เลือกมาดี ได้ทุกอย่างที่เป็นปราโมทย์ ไม่ว่าชีวิตการทำงาน ชีวิตในบ้าน ชีวิตส่วนตัว ดีเท่าไหร่ก็ไม่ใช่คนโปรดของตระกูล
g. นวลจันทร์ หญิง รฐา โพธิ์งาม ดาราสมทบหญิงที่เข้าตาเราเมื่อปีที่ผ่านมา คือ หญิง รฐา ในร้อยเล่ม เกมส์ออฟฟิศ
กับ มิณฑิตา วัฒนกุล ในทองประกายแสด สำหรับสายรักสายเลือด ตัวละครแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มตัวละครร้ายเงียบ กับ กลุ่มตัวละครร้ายโผงผาง
เอาจริงๆ อยากเห็นเล่นบทแสนดีได้ขนลุกแบบปิด มุมหวาน-มัน-เผ็ดไม่มิด หรือ ศีลธรรมท่วมจนต้องทวนตรรกะ หรือ เป็นหมอทรงสง่า น่าศรัทธา
แต่สิ่งที่ได้คือ เป็นตัวละครที่ไม่อยากเป็นจุดสนใจ
ในภาพรวม การเล่าเรื่อง ออกแบบให้ตัวละครเป็น ขาว-ดำ ดำ-ขาว ทำให้เห็นตัวละครแค่สองด้าน
เวลาตัวละครกระซิบกัน ต่อหน้านักข่าว พูดเสียงดัง เกินจริงไปหน่อย
คนระดับนี้ นอกบ้าน ต้องดูท็อปฟอร์ม แต่เวลาอยู่ในบ้าน ก็ด่ากันแบบจุกๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องแกะคือ วัฒนธรรมครอบครัวธุรกิจ ที่มักสอนเรื่องความเข้มแข็ง
ใครอ่อนแอ ก็รับแค่เงินปันผล อย่าเข้ามามีบทบาทบริหาร
และปัญหาเรื่องงานในธุรกิจครอบครัว ที่ก่อความขัดแย้งแก่คนในครอบครัว
ซึ่งละครดูแกร่งจนขาดโทนเศร้า รอดูช่วงท้ายเรื่อง แต่ความแกร่งและเฉียบ คือ จุดเด่นของสายรักสายเลือด
อย่างไรก็ดี เป็นละครเต็งหนึ่งของปีนี้ ที่ควรค่าแก่การชมทุกตอน ชวนติดตามการคลี่คลายปมของตัวละครแต่ละตัว
เนื้อเรื่องเข้มข้น นักแสดงได้โชว์ฝีมือ นางเอก เหมาะสมกับละครโปรดั๊กชั่นชั้นดี พระเอก มีสิทธิลุ้นดารานำชายยอดเยี่ยมแห่งปี
สายรักสายเลือด...รุ่นใหญ่ ชอบใครที่สุด ?
b. อาภาภัทร พาเมล่า ชอบตั้งแต่เล่นบทแม่ในหลังคาใบบัว แต่เรื่องนี้ จังหวะการยั่วโมโหคนอื่น น่าจะทำให้เย้าอารมณ์กว่านี้ได้อีก
c. เจ้าสัวปรีดา อากง สหัสชัย คนนี้ชอบมาก ละสายตาไม่ได้เลย สมเป็นเสาหลักของแกนเรื่อง
d. เนตร เต๋า สโรชา ร้องไห้หนัก ที่มาที่ไปของตัวละครตัวนี้ซึ้งมากๆ แต่เป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ กลายเป็นตัวละครชั้นเดียว ไม่ซับซ้อน
e. เจ้าสัวหวัง ป๋อ ณัฐวุฒิ ตอนไอเล่นดีมาก ร้ายไปด้วย ไอไปด้วย ชอบจังหวะการเล่น เหมือนมีการออกอาวุธ แต่ไม่ใช่แบบยิงปืนปัง ปัง ปัง
เป็นโชว์ตั้งแต่ค่อยๆ เช็ดปืน ให้เสียวไส้ก่อน ถ่ายทอดความแค้นได้หอมหวาน
f. ปราโมทย์ ต๊ะ วริษฐ์ เลือกมาดี ได้ทุกอย่างที่เป็นปราโมทย์ ไม่ว่าชีวิตการทำงาน ชีวิตในบ้าน ชีวิตส่วนตัว ดีเท่าไหร่ก็ไม่ใช่คนโปรดของตระกูล
g. นวลจันทร์ หญิง รฐา โพธิ์งาม ดาราสมทบหญิงที่เข้าตาเราเมื่อปีที่ผ่านมา คือ หญิง รฐา ในร้อยเล่ม เกมส์ออฟฟิศ
กับ มิณฑิตา วัฒนกุล ในทองประกายแสด สำหรับสายรักสายเลือด ตัวละครแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มตัวละครร้ายเงียบ กับ กลุ่มตัวละครร้ายโผงผาง
เอาจริงๆ อยากเห็นเล่นบทแสนดีได้ขนลุกแบบปิด มุมหวาน-มัน-เผ็ดไม่มิด หรือ ศีลธรรมท่วมจนต้องทวนตรรกะ หรือ เป็นหมอทรงสง่า น่าศรัทธา
แต่สิ่งที่ได้คือ เป็นตัวละครที่ไม่อยากเป็นจุดสนใจ
ในภาพรวม การเล่าเรื่อง ออกแบบให้ตัวละครเป็น ขาว-ดำ ดำ-ขาว ทำให้เห็นตัวละครแค่สองด้าน
เวลาตัวละครกระซิบกัน ต่อหน้านักข่าว พูดเสียงดัง เกินจริงไปหน่อย
คนระดับนี้ นอกบ้าน ต้องดูท็อปฟอร์ม แต่เวลาอยู่ในบ้าน ก็ด่ากันแบบจุกๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องแกะคือ วัฒนธรรมครอบครัวธุรกิจ ที่มักสอนเรื่องความเข้มแข็ง
ใครอ่อนแอ ก็รับแค่เงินปันผล อย่าเข้ามามีบทบาทบริหาร
และปัญหาเรื่องงานในธุรกิจครอบครัว ที่ก่อความขัดแย้งแก่คนในครอบครัว
ซึ่งละครดูแกร่งจนขาดโทนเศร้า รอดูช่วงท้ายเรื่อง แต่ความแกร่งและเฉียบ คือ จุดเด่นของสายรักสายเลือด
อย่างไรก็ดี เป็นละครเต็งหนึ่งของปีนี้ ที่ควรค่าแก่การชมทุกตอน ชวนติดตามการคลี่คลายปมของตัวละครแต่ละตัว
เนื้อเรื่องเข้มข้น นักแสดงได้โชว์ฝีมือ นางเอก เหมาะสมกับละครโปรดั๊กชั่นชั้นดี พระเอก มีสิทธิลุ้นดารานำชายยอดเยี่ยมแห่งปี